ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1130 นามอันคุ้นเคย
ตอนที่ 1130 นามอันคุ้นเคย
ทว่าเหมือนผู้อาวุโสวั่นเจิงจะคุ้นเคยกับภาพเช่นนี้ดี เขาหัวเราะและยื่นใบสั่งยาให้นางสองใบ
“เอาล่ะ! นี่เป็นใบสั่งยาอายุวัฒนะอีกชุดหนึ่ง เจ้ารับไปดูสิ!”
แม่นางคนนั้นยื่นมือทั้งสองข้างออกไปรับแล้วชำเลืองมองมัน
ไม่นาน สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป
…เมื่อครู่นางยืนอยู่ด้านหลัง เลยไม่รู้ว่ารายชื่อที่อยู่บนกระดาษจะสลับกันโผล่ๆ หายๆ เช่นนี้
ก่อนหน้านี้นางเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ผ่านมันได้สบายๆ นางก็เลยคิดว่า…
ซึ่งในขณะที่นางกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูก ข้อความบนกระดาษก็หายไปแล้ว
พลันมีชื่อสมุนไพรชนิดใหม่ปรากฏขึ้น
ในตอนนั้นเอง นางถึงตระหนักได้ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เม็ดเหงื่อเย็นๆ เริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากเนียนรำไร
“อู๋ซวนเป็นเซียนหมอระดับเก้าแล้ว เช่นนั้นนางน่าจะผ่านการทดสอบได้ง่ายกว่าฉู่เยว่ ใช่หรือไม่?”
“และปีนี้นางก็เพิ่งยี่สิบเอ็ดหนาว พูดตามตรงพรสวรรค์ของนางมิได้ด้อยไปกว่าฉู่เยว่เลย และบางทีฉู่เยว่ในวัยยี่สิบเอ็ดหนาว อาจจะยังทะลวงไม่ถึงขั้นอู๋ซวนก็ได้!”
“ไม่เสมอไปหรอก หากการประเมินของผู้อาวุโสวั่นเจิงผ่านง่ายขนาดนั้น เหตุใดช่วงสามปีที่ผ่านมาจึงไม่มีใครประสบความสำเร็จเลยเล่า? ทั้งๆ ที่พวกเขาเองก็เป็นเซียนหมอระดับเก้าทั้งนั้น!”
“อา…ว่าแล้วก็ ฉู่เยว่นั่นผ่านการทดสอบได้อย่างใดกัน? สติปัญญาล้ำเลิศปานนั้นเชียวหรือ?”
เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบดังมาจากด้านหลัง
อู๋ซวนรู้สึกประหม่ามากขึ้นเรื่อยๆ
นางมั่นใจในตัวเองมาก และมั่นใจว่านางคือผู้ที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้
ดังนั้นพอเห็นหลายคนพากันยกยอฉู่เยว่ไม่หยุด นางจึงไม่พอใจขึ้นมาและอยากจะเอาชนะเขาให้ได้
แต่นางไม่คิดว่าการประเมินจะยากขนาดนี้!
ยิ่งอ่านมากเท่าไร อู๋ซวนก็ยิ่งร้อนรนและงงงวยมากขึ้นเท่านั้น
…เมื่อครู่ฉู่เยว่อ่านมันครั้งเดียวแล้วจำสมุนไพรเหล่านี้ได้อย่างใด! แถมยังหาข้อผิดภายในสูตรยานี้ได้อีก!
และเพียงพริบตา บรรทัดสุดท้ายบนกระดาษก็หายวับไป
อู๋ซวนรีบหันไปดูกระดาษแผ่นที่สอง
เพียงแต่ในใจของนางนั้นสับสนวุ่นวายไปหมดแล้ว แม้นจะมีพละกำลังแกร่งกล้า ทว่ายามนี้กลับออกแรงได้แค่เจ็ดหรือแปดในสิบเท่านั้น
ตัวอักษรบนกระดาษแผ่นที่สองปรากฏขึ้นและหายวับไปเช่นนั้นซ้ำๆ
“อ่านจบหรือยัง?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมองดูกระดาษเปล่าสองใบในมือของนาง แล้วเอ่ยถาม
“…อ่าน…จบแล้วเจ้าค่ะ…”
เสียงของอู๋ซวนแผ่วเบา มือของนางสั่นเครือ
“เช่นนั้นก็บอกมาเลย! ว่าแผ่นไหนของจริง แผ่นไหนของปลอม?”
อู๋ซวนเงียบไปครู่หนึ่ง
กระทั่งผู้อาวุโสวั่นเจิงกระตุ้นนางอีกครั้ง นางจึงกัดฟันแน่นแล้วตอบว่า
“แผ่นแรกเป็นของจริง แผ่นที่สองเป็น… ไม่สิ แผ่นที่สองเป็นของจริง…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงไม่พูดอันใด เพียงแต่จ้องมองนางอยู่แบบนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน อู๋ซวนก็จำต้องยอมแพ้ นางก้มศีรษะลง ปรางแก้มสองข้างแดงระเรื่อ
นางเม้มปากย้ำๆ ก่อนจะเปิดปากในที่สุด
“ศิษย์…ไม่ทราบ…”
ในประโยคนั้นแฝงความไม่เต็มใจและความละอายปนอยู่เล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่นางยอมรับต่อหน้าผู้คนมากมายว่านางทำไม่ได้
เขายกมือขึ้น แล้วมีพลังปราณดั้งเดิมสายหนึ่งพุ่งออกมา
กระดาษสองแผ่นมลายกลายเป็นฝุ่นผงอย่างเงียบเชียบ
“เจ้ายังมีโอกาสครั้งที่สอง”
อู๋ซวนตกใจพลันระลึกได้ว่า ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเคยกล่าวว่า ศิษย์แต่ละคนมีโอกาสขอกราบอาจารย์เข้าสำนักได้เพียงสองครั้งเท่านั้น!
หากครั้งแรกล้มเหลว ก็ยังมีครั้งที่สอง
แต่ถ้าล้มเหลวทั้งสองครั้ง ก็จะถูกไล่ออกและไม่สามารถบรรจุเป็นศิษย์ของสำนักวิชาได้!
นางขบกัดริมฝีปากแล้วหันไปมองฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ด้านข้าง
“ผู้อาวุโสวั่นเจิง ศิษย์มีเรื่องจะถามเจ้าค่ะ ใบสั่งยาที่ฉู่เยว่อ่านเมื่อครู่ก่อน จัดอยู่ในระดับเดียวกับใบที่ข้าอ่านหรือไม่เจ้าคะ?”
ถ้าไม่ใช่เพราะใบนั้นระดับต่ำกว่าและเนื้อหาง่ายกว่า เช่นนั้นเขาจะผ่านได้ง่ายๆ ได้อย่างใด…
“ใบสั่งยาของฉู่เยว่มีสมุนไพรทั้งหมดหนึ่งร้อยเก้าสิบแปดชนิด ส่วนของเจ้ามีหนึ่งร้อยแปดสิบเอ็ดชนิด”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงเหลือบมองนางแล้วหัวเราะเบาๆ
“ยังสงสัยอันใดอีกหรือไม่?”
ใบหน้าของอู๋ซวนแดงเถือกสลับซีดเผือด ก่อนจะตอบไปว่า
“…ไม่…ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ…”
หลังจากพูดจบ นางก็กัดปากตัวเองแน่นแล้วจ้ำอ้าวออกไปทันที นัยน์ตาคู่สวยคลอหยาดน้ำตา พลางมองไปทางฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาซับซ้อน
เด็กหนุ่มคนนี้…แข็งแกร่งมากกว่านางขนาดนี้เชียวหรือ?
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้สนใจนางเลยสักนิด
เพราะยามนี้ สายตาอันคุ้นเคยนั่น ยังคงจับจ้องมาที่นางไม่หยุด
นางฝืนตัวเองไม่ให้เงยหน้าขึ้นมอง
“คนต่อไป!”
…
บรรยากาศทางฝั่งเซียนหมอนั้นเย็นเฉียบและเงียบกริบราวป่าช้า แต่ทางด้านปรมาจารย์และจอมยุทธ์นั้นค่อนข้างมีชีวิตชีวา
บางคนประสบความสำเร็จ บางคนล้มเหลว
บางคนดีใจ บางคนผิดหวัง
แต่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกเดือน และศิษย์รุ่นพี่ย่อมคุ้นเคยกับฉากนี้ดี
ฉู่หลิวเยว่เบนสายตาไปมองอีกฝั่ง ดูเหมือนหลินจือเฟยจะผ่านการทดสอบแล้ว
พรสวรรค์ของเขาแข็งแกร่งกว่าที่คนภายนอกเห็นมาก ดังนั้นการเข้าศึกษาในสำนักหลิงเซียวย่อมมิใช่ปัญหาสำหรับเขา
ต่อมาหลัวเยี่ยนหมิงก็ผ่านได้อย่างราบรื่นเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่มองดูภาพนั้นพร้อมขบคิดไปมา บางทีหลัวซือซือกับจัวเซิงเองก็น่าจะผ่านไปได้อย่างสบายๆ
…
การประเมินและการกราบอาจารย์เข้าสำนักของศิษย์หน้าใหม่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ทางฝั่งเซียนหมอสิ้นสุดลงก่อน
ท่ามกลางกลุ่มเด็กใหม่หกคนที่รวมฉู่หลิวเยว่แล้ว มีเพียงสี่คนเท่านั้นที่ผ่านการประเมิน
แต่น่าเสียดายที่อีกสองคนนั้นล้มเหลว
ทางด้านปรมาจารย์นั้นคัดคนออกไปได้หนึ่งในสี่แล้ว
ครั้นมองไปเห็นใบหน้าที่ไร้ชีวิตชีวาราววิญญาณออกจากร่างของผู้ที่ตกรอบ ฉู่หลิวเยว่ก็ถึงกับคิ้วกระตุก
สำนักหลิงเซียวมีเกณฑ์การคัดเลือกสูงมากจริงๆ!
ทว่าบรรยากาศแห่งความสุขและเศร้าดังกล่าว ก็ได้สลายไปอย่างรวดเร็ว
เพราะหลังจากกิจกรรมส่วนแรกอย่างการประเมินน้องใหม่จบลง ก็ถึงคราวที่ศิษย์สาวกทั้งหลายจะต้องมารอลุ้นอันดับในงานประลองชิงอวิ๋นแล้ว!
ทุกสายตาล้วนจ้องมองไปที่หอระฆังบูรพกษัตริย์!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหัวเราะร่า
“เหมือนว่าพวกคุณจะรอไม่ไหวแล้วสินะ! เช่นนั้นก็ได้เวลาประกาศรายชื่อแล้ว!”
เขากล่าวพลางโบกสะบัดแขนเสื้อ
พลันตีระฆังบูรพกษัตริย์จนเกิดเสียงดังสามครั้งติด!
แก้ง!
แก้ง!
แก้ง!
พลันเกิดแสงแพรวพราวระยิบระยับส่องประกายเจิดจรัสดั่งแสงอรุโณทัย!
คลื่นแสงจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันบนกำแพงเหล็กสีนิล แล้วเริ่มรวมตัวกันเป็นแถวรายชื่อตามที่จัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อย!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น
แล้วมองไปยังผังรายชื่อของเซียนหมอ!
ก่อนจะเห็นนามอันคุ้นเคยปรากฏขึ้น!