ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1133 สู้เพราะใคร
ตอนที่ 1133 สู้เพราะใคร
ราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้าง!
ดังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วจัตุรัส!
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ทุกคนพลันเงยหน้ามองด้วยความตกใจ
มีคนอยากท้าดวลกับหรงซิวอย่างนั้นหรือ!?
แต่พอเห็นโฉมหน้าของผู้มาใหม่ เหล่าผู้อาวุโสต่างก็ทำหน้าเอือมระอา
ที่แท้ก็เขานี่เอง…
เช่นนั้นก็ไม่แปลกใจแล้ว
ศิษย์รุ่นพี่บางคนจำเขาได้ แล้วอุทานเสียงดังลั่น
“ยินชูหลี่!? นี่เขาเลิกเก็บตัวแล้วหรือ!?”
เหล่าคนที่มองดูอยู่พลันได้สติ
“ยินชูหลี่? จอมยุทธ์ผู้ครองอันดับคนนั้นน่ะหรือ!?”
“เป็นเขาแน่ๆ! เขาไม่ได้ออกมาด้านนอกนานแล้ว ข้าได้ยินว่าเขาเอาแต่เก็บตัวแล้วฝึกฝนเพียงลำพัง ไม่คิดเลยว่าวันนี้เขาจะโผล่หน้าออกมา!”
“แล้วมันแปลกตรงไหนกัน? เจ้าไม่ได้ยินหรือว่าเขากำลังจะท้าแข่งกับหรงซิว?”
“หลังจากนี้ คงจะมีการแสดงสนุกๆ เกิดขึ้นเป็นแน่!”
…
ยินชูหลี่ยืนลอยตัวอยู่บนอากาศ พร้อมกับหอกสีเงินในมือ
บนหอกสีเงินด้ามนั้น ปรากฏลวดลายอักขระสีน้ำเงินเข้มหลายเส้นตวัดพันสอดประสานกัน ไล่ตั้งแต่ปลายหอกจนไปบรรจบกันที่ด้านบน แล้วก่อตัวขึ้นเป็นหัวหอกสีน้ำเงินที่แหลมคม
หากมองจากระยะไกล มันจะดูเหมือนมังกรสีเงินสีน้ำเงินที่เต็มไปด้วยพลังปราณอันล้นหลาม
เขาสวมชุดจิ้นจวง[1] สีดำ ร่างกายสูงใหญ่ และแผ่นหลังเหยียดตรง
ใบหน้าเหลี่ยมคมเห็นสันกรามชัด ผิวสีน้ำตาลเข้มเกรียมแดด และดวงตาเรียวยาวดูเฉี่ยวคมดุจใบมีด
ประหนึ่งว่าหากได้สบตากับเขา จักต้องถูกสายตาคู่นั้นแทงทะลุหัวใจเป็นแน่ มิหนำซ้ำยังดูปราดเปรื่องเสมือนมองความคิดความอ่านของคนอื่นได้ทะลุปรุโปร่ง
ยามนี้สายตาของเขาจับจ้องไปยังหรงซิวที่ยืนอยู่บนหอระฆังบูรพกษัตริย์!
แม้นว่าใบหน้านั้นยังคงเรียบเฉย ทว่าในดวงตาอันลึกล้ำคู่นั้นกลับเต็มจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันร้อนแรงที่กำลังลุกโชนขึ้นมาอย่างฉุดไม่อยู่!
ทุกคนล้วนสัมผัสได้ว่าเขากระเหี้ยนกระหือรืออยากแข่งขันกับหรงซิวมากแค่ไหน!
ลมปราณบนร่างของเขาหนักแน่นและคมกริบยิ่งกว่าหอกสีเงินนั่นเสียอีก!
คนบางคนเกิดมาเพื่อสู้!
และชัดเจนว่ายินชูหลี่คือคนประเภทนั้น!
ยามนี้ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สำคัญแล้ว
เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของเขาก็คือ
เอาชนะหรงซิวให้ได้!
…
ทุกสายตาล้วนมองไปทางหรงซิว
ทั้งอยากรู้อยากเห็น ประหลาดใจ คาดหวัง และวิตกกังวล…
เห็นได้ชัดว่าทุกคนต้องการเห็นปฏิกิริยาโต้ตอบของหรงซิว
นอกจากนี้ พวกเขาก็อยากดูให้รู้เช่นเห็นชาติกันไปเลยว่า จอมยุทธ์ผู้ครองอันดับหนึ่งในงานประลอง
ชิงอวิ๋นนั้น แข็งแกร่งขนาดไหนกันเชียว!
อีกสาเหตุก็เป็นเพราะหรงซิวออกไปสำนักวิชาหลายปีแล้ว
แต่ตอนนี้จู่ๆ เขากลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่ แน่นอนว่าทุกคนย่อมอยากเห็นกับตาว่าเขาเก่งกาจอย่างที่ร่ำลือจริงๆ หรือไม่
ทว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพลันกล่าวแทรกเสียก่อน
“ชูหลี่ ครานี้หรงซิวกลับมาจัดการธุระ มิใช่…”
“ข้ารับคำท้าของเจ้า”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกหรงซิวขัดจังหวะเข้าให้
บนใบหน้าอันเย่อหยิ่งราวปีศาจผู้สูงศักดิ์นั้นไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใดๆ ดวงตาและหางคิ้วเรียวงามปรากฏรอยยิ้มจางๆ ราวมิได้จริงจังกับเรื่องนี้มากนัก
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“หรงซิว แต่เจ้าไม่ว่าง…”
“ใช้เวลาไม่นานหรอกขอรับ”
หรงซิวยิ้มเยาะเบาๆ
ช่างโอหังนัก!
ทุกคนต่างคิดเป็นเสียงเดียวกัน
นี่เขาจะสื่อว่า แค่เขาใช้พลังและเวลาเพียงน้อยนิด ก็สามารถล้มยินชูหลี่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ!?
แสดงว่าเขามิได้จริงจังกับคำท้าของยินชูหลี่เลยสินะ!
อย่างใดเสีย ถึงยินชูหลี่จะได้อันดับในการประลองชิงอวิ๋นต่ำกว่าหรงซิว แต่เขาก็เป็นถึงอันดับสามเชียวนะ!
นอกจากนามกรช่องสองที่หายไปอย่างลึกลับแล้ว ระดับของพวกเขาก็ต่างกันแค่หนึ่งช่องเท่านั้น!
ยิ่งไปกว่านั้น สองสามปีที่ผ่านมายินชู่หลี่เอาแต่เก็บตัวอยู่ในสำนักวิชาพร้อมตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก
จนมีข่าวลือว่าความแข็งแกร่งของเขาแทบจะเทียบได้กับผู้อาวุโสแล้ว แต่เขาไม่ค่อยโผล่หน้าออกมาเท่าไร ดังนั้นทุกคนจึงรู้สึกเหมือนไม่ค่อยสนิทกับเขา
ทว่าการที่หรงซิวพูดเช่นนั้นในเวลาแบบนี้ มันไม่ฟังดูอวดดีเกินไปหน่อยหรือ!?
แต่ยินชูหลี่มิได้แสดงสีหน้าขุ่นเคืองใจเลยสักนิด กลับกัน มันมีแต่จะทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในดวงตาคู่นั้นลุกโชนขึ้นกว่าเดิม
“ดี! เช่นนั้นเราก็มาสู้กันสักตั้ง!”
พรึบ!
เขาสะบัดข้อมือแล้วส่งหอกสีเงินออกไป มันพุ่งทะลวงชั้นบรรยากาศและโค้งตัวลงอย่างสวยงาม พลันมุ่งหน้าตรงไปที่หรงซิว!
“เข้ามาเลย!”
…
ฉู่หลิวเยว่มองดูฉากนี้จากด้านล่าง
อันที่จริง นางเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหรงซิวแข็งแกร่งแค่ไหน!
ถึงจะเคยประมือกับเขามานับครั้งไม่ถ้วน แต่นางรู้สึกได้ว่าหรงซิวแอบลดความแข็งแกร่งของตัวเองลง กระทั่งอยู่ในนระดับที่เหนือกว่านางเพียงเล็กน้อย
ซึ่งพอเป็นเช่นนี้ นางจึงเผลอคิดทุกครั้งว่านางอาจชนะเขาได้ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายนางก็แค่เกือบชนะ
และนางก็อยากรู้เหมือนกันว่า คนที่สามารถควบคุมพลังปราณของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์เช่นนั้น จักน่ากลัวขนาดไหนกันเชียว!
ทันใดนั้น ร่างของหรงซิวก็ส่องแสงสว่างวาบ พลันหายตัวมาโผล่ด้านหน้ายินชูหลี่!
คนทั้งสองเผชิญหน้ากันในระยะประชิด
ทั่วทั้งจัตุรัสชิงหมิงอันกว้างใหญ่พลันเงียบเสียงลงทันตา
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันที!
…
“นานแล้วที่ไมได้เห็นหรงซิวแสดงฝีมือเช่นนี้…”
ผู้คนที่ยืนอยู่บนหอระฆังบูรพกษัตริย์เองก็จ้องมองภาพนั้นเช่นกัน
แม่นางคนหนึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศพลางมองดูภาพนั้นด้วยความงุนงง ก่อนจะพึมพำเบาๆ ว่า
“ครั้งสุดท้ายที่เห็นต่อสู้ ก็เป็นตอนที่เขาอยู่กับ…”
ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอันใด แต่จู่ๆ นางก็เงียบไปเสียอย่างนั้น
“แต่ไหนแต่ไรหรงซิวแทบไม่ได้ท้าดวลกับใครเลย ส่วนคนที่พยายามท้าทายเขา ครั้นได้สู้กับเขาแล้ว ต่างก็ยอมแพ้กันทั้งนั้น และไม่คิดจะสู้รบปรบมือกับเขาอีก มีเพียงยินชูหลี่ผู้นี้นี่แหละ ที่ไม่ยอมรามือง่ายๆ หากมองอีกมุมหนึ่ง ก็ดูกล้าบ้าบิ่นดีเหมือนกัน!”
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ หัวเราะร่า
“เมื่อลองนับดูแล้ว นี่เป็นครั้งที่ห้าที่ยินชูหลี่ท้าเขาใช่หรือไม่? แต่หรงซิวเองก็แปลกที่ตอบรับคำท้านั่นตลอด”
อันที่จริง ในมุมมองของพวกเขา หรงซิวมิใช่คนใจดีและมีความอดทนสูง ถึงขนาดที่จะยอมรับคำท้าจากคนเดิมๆ ได้ทุกครั้ง
“ฮ่า ฮ่า! นอกจากครั้งแรกแล้ว ที่เหลือก็ไม่ใช่เพราะว่ายินชูหลี่ไปสู้กับใครคนนั้นหรอกหรือ หรงซิวถึงได้ยอมรับคำท้าของเขา และเอาชนะเขาสามครั้งรวดเช่นนั้น?”
ครั้นสิ้นเสียง บรรยากาศรอบข้างก็เงียบลงทันตา
ทุกคนหันไปมองชายหนุ่มเจ้าของประโยคนั้นด้วยท่าทางแปลกๆ
ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าตนพูดอันใดผิดไป พลันอ้าปากค้างแล้วรีบหุบปากอย่างรวดเร็ว พลางมองไปทางผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างอย่างลุกลี้ลุกลน
ไม่รู้ว่าเพราะอยู่ไกลหรือเหล่าผู้อาวุโสมิใส่ใจกันแน่ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด
“เห้อ…”
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่นิดๆ
เขาลืมข้อห้ามนี้ไปเสียสนิท!
“พอแล้ว มิต้องเอ่ยอันใดแล้ว”
และจู่ๆ เสียงเย็นๆ ของเว่ยซีผิงก็ลอยขึ้นมาทำลายความเงียบงันนี้
“ข้าได้ยินว่าหลายปีที่ผ่านมาหรงซิวยุ่งมาก และใช้เวลาอยู่ที่พระราชวังเมฆาสวรรค์เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าเขาหายไปทำอันใดมา แต่คงไม่ได้หายไปฝึกฝนแน่นอน ต่างจากยินชูหลี่ที่วันๆ เอาแต่ฝึกอย่างเดียว ก่อนหน้านี้ระดับของพวกเขาอาจจะแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ตอนนี้…ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ ข้าเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว!”
[1] ชุดจิ้นจวง ชุดจีนโบราณที่เน้นความคล่องตัว ชายชุดคลุมและแขนเสื้อจะถูกรวบเก็บเรียบร้อย ไม่รุ่มร่าม