ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1153 ใครติดกับใคร
ตอนที่ 1153 ใครติดกับใคร
ได้ยินเสียงนั้นร้องเรียก ทั้งสามคนก็หันศีรษะกลับไปดูพร้อมกัน พบว่าภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง เงาร่างที่คุ้นตาร่างหนึ่งกำลังเดินซวนเซไปมาตรงเข้ามาหา
ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสฮวาเฟิงนั่นเอง
ยามเห็นไหสุราในมือของเขา สีหน้าของผู้อาวุโสเหวินซีพลันเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
“คราวนี้เจ้าดื่มไปมากแค่ไหนกันละนั่น?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหัวเราะเฮะๆ
“ไม่เท่าไร ไม่เท่าไร! แค่จิบอึกเล็กๆ สองสามอึก…อื๋อ เหตุใดถึงมีศิษย์สองคนอยู่ด้วยล่ะ?”
เขาจดจ้องอยู่วาบหนึ่ง จำขึ้นมาได้ว่าเป็นพวกหลัวซือซือ สายตาที่มองผู้อาวุโสเหวินซีจึงยิ่งทวีความสนเท่ห์
“จนป่านนี้แล้ว เจ้ายังจับเด็กมาฝึกฝนอีกหรือนี่? เกินไปหน่อยแล้วกระมัง!”
ต่อให้จะอยากปรับพื้นฐานให้ศิษย์ของตัวเอง มันก็ไม่จำเป็นต้องฮึกเหิมกันขนาดนี้นี่นา?
แล้วพวกเขาก็เพิ่งจะกราบอาจารย์เข้าสำนักอย่างเป็นทางการวันนี้วันแรกด้วย?
ผู้อาวุโสเหวินซีมองมาที่เขาประหนึ่งว่ากำลังมองคนโง่เง่า
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนแบบนั้นหรือไง? ใช้สมองเจ้าคิดให้ดีเสียก่อนเถอะ!”
หลัวซือซือและจัวเซิง “…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยังคงครุ่นคิดกับตัวเองอย่างจริงจังไปพักหนึ่งแล้วส่ายศีรษะ
“จิ๊ เช่นนั้นเจ้ากำลังทำอันใดกันอยู่เล่า?”
ผู้อาวุโสเหวินซีคร้านจะเสียเวลากับเขาต่อ เดินรุดก้าวไปข้างหน้าอย่างรีบเร่ง
“ที่เขาหมื่นเมรัยเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย”
“ว่าไงนะ?”
ประโยคนี้ทำผู้อาวุโสฮวาเฟิงสร่างเมาได้ในชั่วพริบตา
“เกิดอันใดขึ้น? ไฮ่…บอกข้ามาเร็วเข้า! ข้ายังตั้งตารออยู่เลยว่าตาน้ำพุนั่น…”
“เจ้าเด็กฉู่เยว่นั่นถูกขังอยู่บนเขาหมื่นเมรัย!”
ผู้อาวุโสเหวินซีกล่าวอย่างสั้นกระชับ
“อ้อ เรื่องนี้…ว่าไงนะ!?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเบิกตากว้างโดยพลัน
“เจ้าพูดว่าฉู่เยว่หรือ!?”
แม้ว่าศิษย์ในสำนักจะมีอยู่มากมาย พวกเขาเองก็มิอาจจำได้ทั้งหมด
แต่ฉู่เยว่เป็นเด็กที่พวกเขารับเข้าสำนักมาด้วยกัน อีกทั้งในการทดสอบของต้นเดือนวันนี้ ฉู่เยว่แสดงได้โดดเด่นตระการตา แล้วเพิ่งกราบวั่นเจิงเป็นอาจารย์ไปอยู่หลัดๆ
ต่อให้พวกเขาไม่อยากจดจำยังยากยิ่งนัก!
คราวนี้ผู้อาวุโสฮวาเฟิงไม่คิดดื่มสุราต่อแล้ว เขารีบก้าวตามผู้อาวุโสเหวินซีขึ้นไปติดๆ
“ข้าจะไปกับเจ้า!”
ผู้อาวุโสเหวินซีปรายตามองเขาปราดหนึ่ง
ส่วนผู้อาวุโสฮวาเฟิงกระแอมไอออกมาสุดเสียง
“ข้าเองก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กนะ!”
ผู้อาวุโสเหวินซีแค่นเสียงในลำคอแผ่วเบา
ตาแก่นี่น่ะ ทำไปเพราะอยากเห็นน้ำพุนั่นก็เท่านั้น
แต่เขาเองก็หาได้ขัดศรัทธาไม่ เวลาแบบนี้ยิ่งมีคนเยอะยิ่งเป็นผลดี
อีกอย่าง เทียบกับการให้ผู้อาวุโสคนอื่นในสำนักรู้เรื่องนี้แล้วนำพาปัญหาใหญ่มาให้ หิ้วฮวาเฟิงไปด้วยกันจะทำให้เบาใจลงไปได้มากกว่าเสียอีก
เขาหันกลับไปมองพวกหลัวซือซือทั้งสองคน เอ่ยย้ำเตือนอีกครา
“รออยู่ที่นี่กันดีๆ! รอข้ากลับมาล่ะ!”
คนทั้งสองทำได้แค่ตอบรับ พลางมองส่งเงาร่างของผู้อาวุโสทั้งสองที่จากไปอย่างว่องไว
ผ่านไปพักหนึ่ง รอจนพวกเขาหายลับไปจากครรลองสายตาเรียบร้อยแล้ว จัวเซิงก็บ่นอุบอิบออกมารวดเดียวอย่างอดไม่อยู่
“ซือซือ เจ้าว่าหรือไม่ว่าพวกผู้อาวุโสทั้งหลายดูจะไม่ยอมแย้มพรายเรื่องของเขาหมื่นเมรัยออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว…”
หลัวซือซือผงกศีรษะรับ
ดูจากรูปการณ์แล้ว บนเขาหมื่นเมรัยนั่นย่อมต้องปกปิดความลับอันใดบางอย่างเอาไว้แน่
สัญชาตญาณของตัวเองบอกนางว่า พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับมันมากจะเป็นการดีกว่า
“ได้ผู้อาวุโสทั้งสองออกมือช่วย เขาน่าจะไม่เป็นไรแล้วกระมัง…”
หลัวซือซือพ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา ทว่าในใจยังคงรู้สึกเหมือนถูกก้อนหินหนาหนักกดทับเอาไว้อยู่
จัวเซิงคิดอยู่นานทีเดียว ก่อนจะเอ่ยปลอบออกมาสองประโยค
“วางใจเถอะน่า เขายังมีเจ้ากษายะหางวายุตัวนั้นอยู่ข้างๆ ไม่ใช่หรือไงกัน! ย่อมต้องไม่เป็นอันใดมากอยู่แล้ว!”
หลัวซือซือทำได้พยักหน้าตอบ
แล้วก็หวังให้มันเป็นเช่นนั้น
…
บนยอดเขาหมื่นเมรัย สิ้นเสียงคำพูดของฉู่หลิวเยว่ ทั้งสี่ทิศก็ดูจะเงียบสงัดยิ่งกว่าเก่า
ทัณฑ์สวรรค์ทั้งสองสายนั้นประหนึ่งว่ากำลังหยุดนิ่งก็มิปาน มันหยุดอยู่เหนือศีรษะของนาง จะอย่างใดก็ไม่กระดุกกระดิกแม้แต่น้อย
“หือ?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น นางยกกระบี่ขึ้นชี้ไปทางทัณฑ์สวรรค์สายแรก
“ในเมื่อเจ้าลงมาก่อน เช่นนั้นก็…ให้เจ้าเข้ามาก่อน?”
ครืด!
ทัณฑ์สวรรค์ที่ถูกชี้อยู่ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วก่อนจะเบนคมกระบี่ชี้ไปทางทัณฑ์สวรรค์อีกสาย
“งั้นเจ้า?”
ครืด!
ทัณฑ์สวรรค์สายนี้ถอยกรูดไปไกลยิ่งกว่า!
ถวนจื่อชำเลืองมองพวกมันอย่างเหยียดหยามแวบหนึ่ง
เห้อ!
ประเสริฐดีแท้!
ฉู่หลิวเยว่ขยับข้อมือของตนไปมา
“สรุปแล้วพวกเจ้าจะลงไม่ลงมา?”
สุ้มเสียงใสกังวานของนางแฝงไปด้วยความไม่ใส่ใจอยู่หลายส่วน
ชิ
เวรกรรมของนางโดยแท้ที่ยังคิดว่าทัณฑ์สวรรค์ที่เจอรอบนี้ไม่เหมือนกันกับเจ้าพวกนั้นที่เจอเมื่อก่อนหน้านี้ ใครจะไปรู้ว่าพอต้องมาเผชิญหน้ากันเข้าก็ดันเหมือนกันอยู่ดี
ฉู่หลิวเยว่ปวดศีรษะไม่น้อยทีเดียว
พูดตามตรงว่าครานี้นางเองยังไม่ได้ลับคมกระบี่ แล้วก็ไม่ได้ไปหลอมอาวุธโบราณอันใดมาด้วย เหตุใดเจ้าทัณฑ์สวรรค์พวกนี้ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกันได้เล่า?
ครืน!
พอดีกันกับในตอนนั้นเอง ทัณฑ์สวรรค์สายที่สามก็แล่นปราดลงมา!
ฉู่หลิวเยว่กลอกตา ดูแล้วเริ่มหมดความอดทนไปแล้วอยู่บ้าง
“ยังจะมีอีกหรือ?”
“เช่นนั้นพวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลยก็แล้วกัน!”
…
ยามผู้อาวุโสเหวินซีและผู้อาวุโสฮวาเฟิงรีบรุดกันมาถึงเขาหมื่นเมรัยนั่นเอง ก็มองเห็นหลัวเยี่ยนหมิงที่ยืนอยู่ตรงตีนเขาเป็นอันดับแรก
“ท่านอาจารย์?”
เมื่อมองเห็นผู้อาวุโสฮวาเฟิง หลัวเยี่ยนหมิงเองก็ตื่นตกใจเช่นกัน
เหตุใดท่านอาจารย์ของตนถึงมาได้ด้วยเล่า?
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเบิกตากว้าง
โอ๊ะ!
เมื่อครู่ตอนอยู่ระหว่างทาง เขาเพิ่งพูดคุยกับผู้อาวุโสเหวินซีมาเกี่ยวกับศิษย์ที่เขาเพิ่งรับเข้ามาหยกๆ ด้วยท่าทีที่ออกจะเริงร่าไปหน่อยว่าเพิ่งเข้ามาได้วันแรกก็ก่อเรื่องเอาเสียแล้ว ทว่าในชั่วพริบตาเดียวก็ได้เห็นว่าศิษย์ที่ตัวเองเพิ่งรับเข้ามาใหม่เองก็อยู่นี่เหมือนกัน!
“เฮอะ”
ผู้อาวุโสเหวินซีปรายตามองเขาอย่างหมั่นไส้
ตกลงใครติดอยู่ข้างในกันแน่นะ?
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกระแอมไอคราหนึ่งพลางปาดเหงื่อที่ผุดออกมาบนหน้าผาก
“เอาน่านะ อย่างใดซะศิษย์ของพวกเราก็อยู่ข้างนอกกันหมดแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้าเด็กที่อยู่ข้างในอย่าง…”
“ที่เจ้าพูดก็ถูก”
ผู้อาวุโสเหวินซีไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผงกศีรษะ
“ไม่รู้ว่าหลังจากที่วั่นเจิงรู้เรื่องนี้แล้วจะทำสีหน้ายังไงออกมากัน?”
อย่างใดเสีย มีคนคอยช่วยรับผิดชอบให้ก็ถือว่าดีถมไปแล้ว!
“เยี่ยนหมิง เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ที่นี่ให้พวกข้าจัดการเอง”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรีบรุดเข้าไปหาคน
จนป่านนี้แล้วยังมามัวรั้งรออยู่ที่นี่อีก ไม่ใช่ว่าเป็นการรนหาปัญหาให้ตัวเองหรือไร?
“แล้วซือซือกับจัวเซิง…”
หลัวเยี่ยนหมิงมองเลยไปยังด้านหลังของคนทั้งสอง ทว่ากลับไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว
“พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้มาด้วย”
ผู้อาวุโสเหวินซีเองก็เอ่ยสำทับเพิ่มอีกประโยคหนึ่ง
“เจ้าเองก็รีบกลับไปให้ไวเถอะ แล้วก็เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ในวันนี้ ห้ามเอาไปบอกใครเด็ดขาด”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจังของผู้อาวุโสทั้งสอง หลัวเยี่ยนหมิงก็ครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบรับในทันที
“ขอรับ”
…
หลังจากที่หลัวเยี่ยนหมิงขอตัวจากไป คนทั้งสองก็หันมาสบสายตากันแวบหนึ่ง
“รีบขึ้นไปกันเถอะ!”
ผู้อาวุโสเหวินซีเอ่ยพลาง เงาร่างก็แวบหายไป และพุ่งตรงขึ้นไปบนยอดเขาเป็นที่เรียบร้อย!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเองก็ตามมาติดๆ!
หลังจะทะยานขึ้นไปได้ครึ่งทาง ผู้อาวุโสเหวินซีก็สะบัดชายเสื้อคลุมคราหนึ่ง ตราหยกมรกตสะบัดปลิวไปตามแรงเหวี่ยง!
หึ่ง!
พื้นที่ว่างเปล่าเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง! ประหนึ่งระลอกคลื่นรูปแบบหนึ่งที่แผ่กระเพื่อมออกมา!
“เหตุใดฉากนี้ดูคุ้นตาดีจัง…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพลันพึมพำงึมงำเสียงต่ำกับตัวเอง แล้วใช้ศอกถองใส่ผู้อาวุโสเหวินซี
“นี่ เหวินซี เจ้าไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนเคยเกิดขึ้นในฝันมาบ้าง…”
ผู้อาวุโสเหวินซีเหลือบตามองเขาอย่างไร้คำพูด
ตาแก่นี่คงไม่ได้ดื่มจนเมาไปแล้วจริงๆ หรอกใช่หรือไม่?
เขาเอ่ยเตือนสติไปอย่าง ‘หวังดี’ ว่า
“ไม่ใช่ความฝัน นี่เรื่องจริง”
“เจ้าลืมไปแล้วรึว่าหลายปีก่อน ตอนเจ้านั่งร่ำสุราอยู่บนเขาหมื่นเมรัย ก็ถูกเจ้าตัวแสบนั่นจับได้คาหนังคาเขา…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเบิกตากว้างขึ้นอย่างช้าๆ ภาพฉากที่ถูกเขาลืมไปแล้วเรียบร้อยปรากฏแวบขึ้นมาภายในสมองอย่างรวดเร็ว ในดวงตาของเขาพลันปรากฏแววตื่นตระหนกวาบผ่าน
“บัดซบ! หุบปากไปเลยเจ้าน่ะ!”
ระหว่างที่พูด เขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างเร็วรี่ ก่อนจะคว้าไหสุราขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวแล้วจัดการยัดมันกลับเข้าไปในตราหยกมรกตของตัวเอง
ท่าทีของเขาดูแล้วรู้สึกผิดอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสเหวินซีเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีเคียดแค้นชิงชังอย่างยิ่ง
“ดูเจ้าทำเข้าสิ! ยังคิดอยู่อีกรึว่าเจ้าตัวแสบนั่นจะโผล่หน้าออกมาตอนนี้ แล้วมาขโมยไหสุราของเจ้าไปได้!?”
ทว่าในขณะที่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกำลังจะโต้เถียงกลับไปอยู่นั่นเอง ค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าก็พลันกางออก!
ครืน!
ทัณฑ์สวรรค์สายหนึ่งส่งเสียงเปรี๊ยะเปรี๊ยะพลางพุ่งตรงมาทางพวกเขา!