ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1156 ตัวก่อเรื่อง
ตอนที่ 1156 ตัวก่อเรื่อง
ฉู่หลิวเยว่แสร้งทำหน้าใสซื่อ พร้อมทำตาปริบๆ ไปพลาง ดวงตากลมกระจ่างใสปรากฏร่องรอยความสับสนงุนงงราวจับต้นชนปลายไม่ถูก
“เรื่องนี้…ศิษย์เองก็มิทราบขอรับ”
ผู้อาวุโสโอวหยางจ้องนางอย่างจับผิด
“หลังจากที่ข้าเรียกทัณฑ์สวรรค์ออกมา เดิมทีมันควรจะพุ่งลงไปในตาน้ำพุ เว้นเสียว่ามันสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอื่น มันถึงจะเปลี่ยนทิศทางกลางคัน แล้วครู่ก่อน…ก็เหมือนว่าทัณฑ์สวรรค์นี่จักเข้าไปพัวพันกับเจ้าพักหนึ่งเลยมิใช่หรือ?”
เขาไล่สายตามองฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางกดเสียงต่ำลง
“ดูๆ แล้วก็ยังอายุไม่มาก ไม่น่ารับมือทัณฑ์สวรรค์ได้…”
“โอวหยาง เจ้าเพ้อเจ้ออันใดกัน!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยิ้มเยาะทีนึง
“ตอนนี้เจ้าเด็กฉู่เยว่นี่ อยู่แค่ระดับเจ็ดขั้นแรกเท่านั้น จะไปสู้กับทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างใด? ถ้าเหวินซีกับข้ามาไม่ทัน…”
ทว่าผู้อาวุโสเหวินซีที่อยู่ข้างๆ เขากลับไม่เห็นด้วย และยังจ้องมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาลึกล้ำอีก
เขาก้าวเข้ามาในค่ายกลแห่งนี้เร็วกว่าผู้อาวุโสฮวาเฟิงก้าวหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงเห็นอันใดหลายๆ อย่างชัดเจนกว่าผู้อาวุโสฮวาเฟิง
ย้อนกลับไปตอนนั้น หลังจากที่พวกเขาทั้งสองคนเข้ามาแล้ว ฉู่เยว่ยังคงยืนอยู่บนยอดเขา
แต่มันกลับดูไม่เหมือนว่าเขาถูกทัณฑ์สวรรค์ไล่ต้อนให้จนมุมเลย ตรงข้ามกัน มันเหมือนว่าเขากำลัง… เผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์มากกว่า
ใช่แล้ว!
มันคือการเผชิญหน้า!
ผู้อาวุโสเหวินซีเองก็เป็นผู้มากประสบการณ์คนหนึ่ง และรู้ว่าปกติแล้วจะมีแค่ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมากเท่านั้น ถึงจะทำเช่นนั้นได้
แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉู่เยว่สามารถทำได้แน่นอน!
เขายังจำได้ดีว่าตอนที่เด็กหนุ่มหันมามองกัน ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ดวงตาสีดำราวหยกมันวาวคู่นั้น กลับแลดูสงบนิ่งอย่างคาดไม่ถึง
ต่อให้คิดหาเหตุผลอย่างใดก็ไม่ถูกต้อง
ฉู่หลิวเยว่หลุบตาลงต่ำ ทำทีไม่รู้ไม่ชี้
ผู้อาวุโสโอวหยางซักไซ้นางต่ออีกพักหนึ่ง แต่พอเห็นว่าไม่มีอันใดจะถามแล้วจริงๆ เขาก็ยอมแพ้
บางทีเขาอาจจะคิดผิด…
“พักเรื่องนี้ไว้ก่อน ว่าแต่ตอนนี้พวกเจ้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างใด?”
ผู้อาวุโสโอวหยางตวัดสายตามองระหว่างผู้อาวุโสสองคนที่เหลืออย่างมีนัยยะ
ปกติแล้วเขาหมื่นเมรัยแห่งนี้จะจำกัดเวลาเข้าออกไว้อย่างเคร่งครัด และไม่อนุญาตให้ศิษย์เข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้เด็ดขาด
ทว่ายามนี้ นอกจากฉู่เยว่จะได้เข้ามาที่นี่แล้ว เขายังได้เห็นสิ่งต่างๆ มากเกินไปด้วย!
แม้เขาจะยังไม่รู้เรื่องความลับของตาน้ำพุ แต่เขาก็ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นไปแล้ว
หากเป็นคนนอกบุกเข้ามา จะถูกสังหารทันที
แต่ฉู่เยว่เป็นศิษย์ของสำนักวิชา พวกเขาจึงทำเช่นนั้นไม่ได้
และมันก็กลายเป็นเรื่องยุ่งยากมากกว่าเดิม
ผู้อาวุโสเหวินซีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองฉู่หลิวเยว่
“ฉู่เยว่ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เจ้าช่วยปิดปากเงียบ ไม่แพร่งพรายออกไปได้หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ตอบว่า “ไม่” ได้ด้วยหรือ?
นางพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น
“วันนี้ศิษย์ฝึกฝนอยู่ในห้องพักตัวเองทั้งวัน ส่วนเรื่องอื่นศิษย์ไม่ทราบ”
ผู้เฒ่าเหวินซีจ้องเขาตาเขม็ง
“แล้วตาน้ำพุ…เจ้า…”
พูดยังไม่ทันจบ
ขนงเรียวและดวงตาคู่นั้นใสสะอาดราวปราศจากมลทิน ดวงตากลมกระจ่างแลดูไร้เดียงสา เสมือนไร้ซึ่งเล่ห์กลใดๆ
เขาแอบถอนหายใจอย่างโล่งใจ
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็คิดเสียว่าเรื่องในวันนี้ไม่เคย…”
วิ้ง!
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็พลันมีเสียงประหลาดดังมาจากตาน้ำพุบนยอดเขา!
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองทันควัน และเห็นแสงสว่างเรืองรองออกมาจากตาน้ำพุ!
แสงนั่นสว่างจนตาแทบพร่า แต่ก็ยังมองเห็นทัณฑ์สวรรค์จำนวนมากที่อยู่ในตาน้ำพุ พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น!
พลันกวัดแกว่งเกี่ยวพันกันอย่างบ้าคลั่ง!
ราวกับว่าอีกไม่นานมันจะพุ่งออกมาข้างนอก!
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นระรัว
ขนาดยืนอยู่ตรงนี้ นางยังสัมผัสได้ชัดเจนว่าแรงบีบบังคับจากที่แห่งนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ!
ทันใดนั้นถวนจื่อก็ผละออกจากไหล่ของนาง! แล้วบินไปทางนั้น!
ฉู่หลิวเยว่ใจหล่นวูบ
“ถวนจื่อ!”
ผู้อาวุโสทั้งสามเองก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
“หยุดมันไว้!”
ผู้อาวุโสเหวินซีร้องตะโกน!
แต่ก็สายไปเสียแล้ว!
เนื่องจากฉู่หลิวเยว่กับถวนจื่ออยู่ใกล้ตาน้ำพุมากกว่าพวกเขา และจู่ๆ มันก็เกิดเคลื่อนไหวโดยไร้สัญญาณเตือนเช่นนี้ แล้วใครจะหยุดมันได้?
จ๋อม!
ถวนจื่อพุ่งลงไปในตาน้ำพุ!
ประกายไฟพวยพุ่งออกมาจากทุกสารทิศ!
จากนั้นร่างสีแดงจิ๋วของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วน!
เปรี้ยง!
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเสียงห้ำหั่นของทัณฑ์สวรรค์ ที่หมุนวนรอบตัวถวนจื่อได้อย่างชัดเจน!
นางเตรียมเคลื่อนไหว แต่จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นความผันผวนภายในกายของตน
นั่นคือ…ระดับลมปราณของถวนจื่อที่กำลังเพิ่มขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่ตกใจจนพูดไม่ออกของจริง
นี่สินะ สาเหตุที่ถวนจื่อต้องมาที่นี่ให้ได้!
แต่มันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของมันจะถูกระตุ้นขึ้นมาแล้ว!
หากอยู่ในตาน้ำพุนานกว่านี้…
“เร็ว! รีบดึงมันออกมาเร็ว!”
ผู้อาวุโสโอวหยางป้องปากตะโกนด้วยมืออันสั่นเทา
“สุราของข้า!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงร้องเสียงหลง แล้วพุ่งตัวเข้าไปคนแรก
เจ้าเปี๊ยกนั่นกล้ามากที่ลงไปแช่ตัวในสุรารสเลิศ!
เขาวิ่งตรงไปยังตาน้ำพุ แล้วยื่นมือใหญ่ออกไปคว้าถวนจื่อไว้ทันที
ดวงตากลมโตของถวนจื่อกะพริบปริบๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดุร้ายพลางมุดตัวดำลงไปลึกกว่าเดิม!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงฟึดฟัด แล้วก่นด่าเสียงดังสนั่น
“โผล่หัวของเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!”
แต่กว่าถวนจื่อจะพบโอกาสเช่นนี้นั้นไม่ง่ายเลย และตอนนี้มันกำลังมีความสุขแบบสุดๆ มีหรือมันจะยอมโผล่หัวออกไป?
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกัดฟันด้วยความโกรธ แล้วลงมือทันทีโดยไม่ต้องคิดให้มากความ
แต่ในขณะที่เขากำลังยื่นมือลงไปในน้ำ ก็จำต้องชะงัก พลันทำสีหน้าขึงขังในทันใด
กว่าพวกเขาจะหล่อเลี้ยงพวกมันไว้ได้จนถึงตอนนี้ไม่ง่ายเลยนะ…
“ฉู่เยว่! สั่งให้มันออกมาเดี๋ยวนี้!”
ผู้อาวุโสเหวินซีสั่งด้วยโทสะ
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขา ฉู่หลิวเยว่ก็กำหมัดแน่น แล้วมองไปยังถวนจื่อ
“ถวนจื่อ! ถ้าเจ้าไม่กลับมา ก็ไม่ต้องโผล่หน้ามาให้ข้าเห็นอีก”
นางกล่าวอย่างใจเย็น หากแต่มีคำเตือนแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั่นชัดเจน
ถวนจื่อชะงักตัวแข็งทื่อ ก่อนจะว่ายวนไปรอบๆ ตาน้ำพุอย่างรวดเร็ว แล้วบินขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
มันเปียกโชกไปทั้งตัว เส้นขนสีแดงเข้มขึ้นเนื่องจากแช่ตัวอยู่ในน้ำ
นอกจากนี้ ยังสามารถมองเห็นลำแสงสีเงินสองสามสาย ที่ส่องแสงกะพริบถี่รัว พลันจมหายลงไปใต้ขนนก
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสเห็นภาพนี้ ต่างก็ทำหน้าแตกตื่นกันยกใหญ่
นั่น นั่นมันทัณฑ์สวรรค์ที่พวกเขาเก็บสั่งสมไว้ในตาน้ำพุด้วยความอุตสาหะเชียวนะ!
หลายปีมานี้ กว่าพวกเขาจะรวบรวมมันได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่กลับถูกเจ้าตัวเล็กนี้ช่วงชิงไปได้ในบัดดล!
“เจ้า!”
ผู้อาวุโสเหวินซีพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ดวงตาของเขามืดมนอย่างไร้ชีวิตชีวา
ถวนจื่อที่เปียกไปทั้งตัวนั่งลงบนไหล่ของฉู่หลิวเยว่ พลางใช้ปีกลูบหัวตัวเองป้อยๆ ด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
ผู้อาวุโสเหวินซีอยากจะดุด่า แต่พลันพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
กษายะหางวายุเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีความคิดความอ่านไม่ต่างจากมนุษย์
และการที่มันทำเช่นนี้ หมายความว่ามันตั้งใจทำโดยแท้!
ขนาดอยู่ต่อหน้าพวกเขา มันยังกล้าทำเช่นนี้!
หากมีนิสัยใจกล้าบ้าบิ่นแบบนี้ ต่อให้ด่ามันร้อยครั้งก็ไม่มีประโยชน์!
ผู้อาวุโสกรอกตาแล้วหันไปมองฉู่หลิวเยว่ พลางระงับความโกรธในใจเอาไว้
“ฉู่เยว่! ยามนี้…เจ้าต้องทำเช่นไร!?”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลันดึงคอถวนจื่อขึ้นมาแล้วยื่นให้มันออกไปข้างหน้า และพูดเสียงจริงจังว่า
“ท่านผู้อาวุโส ผู้ใดก่อเรื่อง ผู้นั้นรับผิด เช่นนี้ดีหรือไม่ขอรับ?”