ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1157 พลาดพลั้ง
ตอนที่ 1157 พลาดพลั้ง
ถวนจื่อผู้ถูกทิ้งกลางคัน “…”
นายหญิง เจ้าพูดอันใดผิดไปหรือเปล่า? หือ?
เจ้ามิได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ ใช่หรือไม่!?
ถวนจื่อยึดมั่นในความหวังสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆ หันศีรษะไปมองอย่างกล้ำกลืน และพอสบตากับฉู่หลิวเยว่ มันก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
ฉู่หลิวเยว่ส่งสายตาอับจนระคนเสียใจกลับมา
ต้องขอโทษจริงๆ นะ!
เพราะสัญชาตญาณของนางบอกว่า เรื่องนี้มันร้ายแรงมาก! มากเกินกว่านางจะรับไหวแน่ๆ!
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเหล่าผู้อาวุโสในตอนนี้แล้ว หากนางไม่ยอมยื่นหมูยื่นแมวล่ะก็ เกรงว่านางคงโดนเชือดเสียเองแน่!
ฉู่หลิวเยว่คิดทบทวน นางไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะสู้รบปรบมือกับผู้อาวุโสสามคนนี้
ฉะนั้นแล้ว…ยอมเสียหนึ่งรอดหนึ่งจะดีกว่า!
นางหิ้วปีกของถวนจื่อแล้วยื่นมันไปข้างหน้า ใบหน้าง้ำงอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็ดูจริงจังมากเช่นกัน
“ทั้งหมดเป็นเพราะศิษย์ไม่อยู่ในระเบียบวินัย ทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ แต่พละกำลังของศิษย์ยังด้อยนัก เมื่อครู่จึงมิอาจห้ามปรามมันได้จริงๆ…”
อย่างใดเสีย กษายะหางวายุก็เป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ หากมันยืนกรานจะทำอันใดสักอย่าง แน่นอนว่าแค่จอมยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นต้นคนหนึ่ง ย่อมหยุดยั้งมันไม่ได้อยู่แล้ว
ผู้อาวุโสทั้งสามคนต่างมองหน้ากัน
ตอนนั้นพวกเขาเองก็เห็นเต็มสองตาว่า แท้จริงแล้วกษายะหางว่ายุตัวนี้บินถลาออกไปเอง
ต่อให้ฉู่เยว่จะห้าม ก็ห้ามไม่ทัน
“แต่มันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธะสัญญาของเจ้า”
ผู้อาวุโสเหวินซีเอ่ยปาก
“เจ้าเองก็ต้องรับโทษด้วย!”
ฉู่หลิวเยว่ใจกระตุกวูบ
“ตั้งแต่วันนี้ เจ้าจะถูกกักบริเวณบนเขาเฝิงหมินเป็นเวลาหนึ่งเดือน!”
เขาเฝิงหมินหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ขบกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
ไม่กี่วันมานี้ นางใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาเรื่องของสำนักวิชา และเริ่มเข้าใจสิ่งต่างๆ ในสำนักมากขึ้น แต่นางไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาก่อนเลย…
“หนึ่งเดือนหรือ? นั่นมันนานเกินไปหรือเปล่า?…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถามยังลังเล
“แล้วเด็กนี่ก็ยังเป็นศิษย์คนใหม่ยังเป็นเด็กฝึกงานคนใหม่ของวั่นเจิงอีก…”
ไอ้แก่นั่นไม่ได้รับศิษย์มาหลายปีแล้ว ยากมากที่จะมีใครเข้าตาเขาอย่างวันนี้ แน่นอนว่าเขาต้องปฏิบัติกับศิษย์ผู้นี้ดั่งสมบัติล้ำค่า
และถ้าสั่งกักบริเวณศิษย์ของเขาหนึ่งเดือนจริงๆ ไอ้แก่นั่นได้อาละวาดแน่ๆ
ผู้อาวุโสเหวินซีหยุดชะงัก
“เช่นนั้นก็สิบวัน! ลดทอนกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”
คราวนี้ผู้อาวุโสอีกสองคนไม่คัดค้าน
ผู้เฒ่าเหวินซีใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ ตัวของถวนจื่อ
ถวนจื่อกอดมือของฉู่หลิวเยว่ไว้แน่น
“ยามนี้หัดรู้จักกลัวแล้วหรือ?”
ผู้อาวุโสเหวินซียิ้มเยาะเบาๆ
“หลังจากนี้ ถ้าข้ารู้ว่าเจ้ากล้าทำแบบนี้อีก…”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวอย่างขึงขัง
ผู้เฒ่าเหวินซีหัวเราะเหอะ
“เจ้าอีกคน! เพิ่งเข้ามาวันแรกก็สร้างปัญหาเช่นนี้เสียแล้ว!”
เหตุใดก่อนหน้านี้เขาถึงมองว่าเด็กนี่ซื่อสัตย์และว่านอนสอนง่ายกันนะ?
ฉู่หลิวเยว่ก้มหัวลงฟังคำเทศนาของผู้อาวุโส
ขณะเดียวกัน สีสันของท้องฟ้าก็พลันสว่างขึ้นทีละนิด นางยืนเอามือแนบข้างลำตัวและก้มหน้าลงเล็กน้อย จนเห็นเพียงแพขนตาหนาที่กำลังสั่นไหว และเรียวคางมนขาวเนียน
มองแล้วราวกับกำลังตั้งใจฟังคำสั่งสอนอย่างเงียบเชียบ
ทำให้ผู้อาวุโสเหวินซีพูดไม่ออกไปชั่วขณะ และจำต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงไป
อันที่จริงพอถึงตอนนี้เขาเองก็มองออกว่าเด็กคนนี้มิใช่คนหัวอ่อนอย่างที่คิด
แต่ทว่า…
ด้วยท่าทางสำนึกผิดเช่นนี้ ทำให้เขามิอาจตำหนิต่อไปได้
“แค่นั้น”
ผู้อาวุโสเหวินซีโคลงศีรษะเบาๆ
“ห้ามมีครั้งหน้าอีก!”
ครั้นฉู่หลิวเยว่ได้ยินว่าน้ำเสียงของเขาอ่อนลง ก็พลันเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ แล้วระบายยิ้มออกมา
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสอย่างสูงขอรับ!”
ดวงหน้าอันบอบบางของชายหนุ่มดูผ่องใส รอยยิ้มและดวงตาที่สดใสเช่นนี้ ทำให้คนมองตกใจอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างก็แวบเข้ามาในใจ!
หัวใจของผู้อาวุโสเหวินซีเต้นระส่ำ
ท่าทางเช่นนี้ รอยยิ้มแบบนี้ ช่างคล้ายกันมากจริงๆ…
แต่พอฉู่หลิวเยว่สังเกตเห็นสีหน้าคล้ายตกใจของเขา ก็รีบหุบยิ้มลงทันที
“โอวหยาง เจ้าพาเขาไปที่เขาเฝิงหมิน”
ผู้อาวุโสโอวหยางถลึงตากลับไป
“เหตุใดต้องเป็นข้า?”
ผู้อาวุโสเหวินซีจ้องมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า และแสร้งทำเป็นไม่รับราวกับหูทวนลม ก่อนจะหันหลังกลับแล้วจากไปอย่างไว
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงตบบ่าผู้อาวุโสโอวหยางอย่างเห็นใจ
“ในเมื่อไม่ดูแลตาน้ำพุให้ดี เจ้าเองก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน! แต่เจ้าอย่าห่วงไปเลย กลับไปแล้วประเดี๋ยวพวกข้าช่วยพูดแก้ต่างให้เจ้าเอง! หึๆ!”
หลังจากพูดจบ เขาก็จากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้ผู้อาวุโสโอวหยางได้โต้แย้ง
ในไม่ช้าบนยอดเขาแห่งนี้ก็เหลือเพียงฉู่หลิวเยว่กับผู้อาวุโสโอวหยาง
ลมภูเขาพัดโชยมาพร้อมกับกระแสความเย็นเอื่อยๆ
จากนั้นผู้อาวุโสโอวหยางก็ดึงสติกลับมา พลันหันมามองฉู่หลิวเยว่ด้วยความหงุดหงิดใจ
“เจ้าเด็กนี่…พอกันที ตามข้ามา!”
…
ถึงยามนี้จะเพิ่งเป็นเวลารุ่งสาง
แต่ภายในสำนักกลับมีศิษย์หลายคนตื่นขึ้นมาและเริ่มฝึกฝนแล้ว
บนเนินเขาแต่ละลูก ล้วนเต็มไปด้วยเหล่าศิษย์ลูกหาที่กำลังง่วนอยู่กับการฝึกฝนของตัวเอง
การประเมินเมื่อต้นเดือนเพิ่งสิ้นสุดลง ทว่าในใจพวกเขายังคงเปี่ยมไปด้วยความมุมานะอันแรงกล้า
ผู้ชนะต้องการรักษาตำแหน่งไว้ แต่ผู้แพ้อยากแย่งชิง
ส่วนศิษย์ใหม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาล้วนตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น พวกเขาคิดแค่ว่าต้องตั้งใจฝึกฝน และพยายามไล่ตามรุ่นพี่ให้ทันโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้มีโอกาสเชิดหน้าชูตาในสำนักวิชาแห่งนี้เสียที!
ทว่ายามนี้กลับมีภาพเหตุการณ์อันแปลกประหลาดปรากฏขึ้นในสำนัก
นั่นคือภาพของผู้อาวุโสของสำนักท่านหนึ่ง ที่กำลังพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งเหาะเหินไปในอากาศผ่านลานฝึกเล็กๆ ไป แล้วร่อนลงบนยอดเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของจอมยุทธ์
ภูเขาลูกนั้นค่อนข้างห่างไกลจากผู้คน แม้แต่ศิษย์จากแขนงจอมยุทธ์เองก็ยังไม่ค่อยได้ไปเยือนที่นั่น
แต่ประเด็นก็คือ ภูเขาลูกนั้นมีค่ายกลที่แข็งแกร่งมากปกคลุมอยู่ ทำให้คนภายนอกมิสามารถบุกเข้าไปได้ง่ายๆ
ทว่าตอนนี้ จู่ๆ ทั้งสองคนก็เข้ามาในอาณาเขตของพวกเขา แน่นอนว่ามันย่อมดึงดูดความสนใจจากผู้คนไม่มากก็น้อย
“ผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นใคร? ไฉนข้าถึงไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย?”
“เจ้าเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน แน่นอนว่าเจ้าย่อมไม่รู้! ท่านผู้นั้นเป็นหนึ่งในช่างหลอมอาวุธผู้เก่งกาจเพียงไม่กี่คนของสำนักวิชา…หรือก็คือผู้อาวุโสโอวหยาง!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกไป ก็เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ฝูงชน
“ช่างหลอมอาวุธหรือ?”
“ไหนเจ้าว่าปกติพวกเขาไม่ค่อยปรากฏตัวมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดจู่ๆ วันนี้ถึง…เดี๋ยวก่อน! ไอ้หนุ่มที่อยู่ข้างเขาหน้าคุ้นๆ นะ?”
“โอ้! เขาเหมือน…เหมือนคนที่ชื่อฉู่เยว่? เมื่อวานตอนประเมินศิษย์แขนงเซียนหมอ ดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ดีมากเลยล่ะ!”
“ศิษย์ฝั่งเซียนหมอหรือ เหตุใดถึงมาที่นี่พร้อมกับผู้อาวุโสฝั่งช่างหลอมอาวุธกันล่ะ…”
ขณะเดียวกัน หลัวซือซือและโจวเซิงที่แทบจะไม่ได้นอนตลอดคืนก็ได้รับการปล่อยตัว หลังจากที่ผู้อาวุโส
เหวินซีอนุญาตให้พวกเขากลับมาเรียนได้ตามปกติ
เมื่อได้ยินบทสนทนาจากคนรอบข้าง ทั้งสองก็ตกใจ พลันมองหน้ากันแล้วหันไปมองภาพตรงหน้า!
ก่อนจะเห็นร่างสองร่างที่กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศบริเวณด้านหน้าภูเขาอีกลูกหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
นั่นมัน…ฉู่เยว่ที่ถูกขังอยู่บนเขาหมื่นเมรัยเมื่อคืนมิใช่หรือ!?
“เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด?!”
ทั้งสองคนตกตะลึง
ก่อนหน้านี้พวกเขารออยู่ที่บ้านพักของผู้อาวุโสเหวินซี และหลังจากรอมานาน ในที่สุดพวกผู้อาวุโสเหวินซีก็กลับมา
เดิมทีเขาคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะกลับมาพร้อมกับพวกเขา แต่หลังจากสอบถามคร่าวๆ ผู้อาวุโสทั้งสองกลับมีสีหน้าแปลกๆ ชอบกล และบอกแค่ว่าฉู่เยว่ปลอดภัยดี ทำให้พวกเขาวางใจและยอมกลับมา
แถมพวกเขายังคิดว่าฉู่เยว่กลับไปที่พักของตัวเองแล้วด้วย
แต่ใครจะรู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่!?
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากฝูงชน
“ความจริงแล้วภูเขาเฝิงหมินนั้นมีไว้สำหรับลงโทษและกักขังศิษย์ที่กระทำผิดร้ายแรง เจ้าเด็กใหม่นามฉู่เยว่นั้นไปก่อเรื่องอันใดมากันแน่ เพิ่งเข้าสำนักวันที่สองก็ถูกจับขังแล้วหรือ?”