ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1159 เลือกแบบเดิม
ตอนที่ 1159 เลือกแบบเดิม
ผู้อาวุโสวั่นเจิงปรายตามองเขาอย่างเอาเรื่อง
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงปิดปากอย่างรู้ทัน
“ฮึย! ขำขันน่า! อย่าสนใจเลยๆ!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงพลันเหยียดยิ้ม
“ช่างมัน ฟังแล้วก็ตลกดี เอาไว้รอนางกลับมาแล้วข้าจะเล่าให้นางฟัง นางต้องชอบแน่ๆ”
“ห๊า!”
ท่าทางของผู้อาวุโสฮวาเฟิงเปลี่ยนไปทันที
“นี่เจ้า! ข้าไม่ได้…พอแล้ว พอ พอ ข้าผิดเอง! ข้ายอมแล้ว!”
ครั้นเห็นผู้อาวุโสวั่นเจิงแสยะยิ้มเช่นนั้น ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพลันรู้สึกเสียใจ และนึกอยากจะตบปากตัวเองขึ้นมา
…เจ้าคนปากไวเอ้ย!
เรื่องดีๆ มีไม่พูด จะไปพูดถึงเจ้าเด็กแสบนั่นเหตุใด!
ดีแล้ว ขุดหลุมแล้วกระโดดเอง!
เกือบแล้ว เกือบขุดหลุมฝังตัวเองแล้ว!
จากนั้นผู้อาวุโสวั่นเจิงก็เลิกต่อล้อต่อเถียงกับเขา
แต่พอนึกถึงฉู่เยว่ที่ถูกคุมขังแล้ว เขาก็พลันขมวดคิ้วมุ่นอย่างอดไม่ได้
เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งและมีลมปราณอันแกร่งกล้า
ขอเพียงแค่พร่ำสอนสั่งให้ดี ในอนาคตเขาจักกลายเป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจแน่นอน!
เดิมทีเขาอยากให้เด็กคนนั้นมีชื่ออยู่บนอันดับชิงอวิ๋นให้เร็วที่สุด ทว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็เกรงว่าเป้าหมายนั้นอาจจะล่าช้ากว่าที่คิดไว้
แถมเขายังวางแผนการเรียนการสอนในวันนี้มาแล้วด้วย!
ผู้อาวุโสวั่นเจิงส่ายหัวด้วยความอนาถใจ
“เช่นนั้น…ก็รอเขาออกมาก่อนแล้วกัน!”
…
ข่าวที่ฉู่หลิวเยว่ถูกคุมขังในบนเขาเฝิงหมิน แพร่กระจายไปทั่วสำนักวิชาอย่างรวดเร็ว
เกิดปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันไปในหมู่ลูกศิษย์ และมีการจับกลุ่มสนทนากันมากมาย
ทว่าขณะเดียวกัน ฉู่หลิวเยว่กลับไม่รู้เรื่องอันใดเลย
หลังจากเข้าไปในค่ายกลแล้ว นางก็มองเห็นหอคอยเจ็ดชั้นบนเนินเขาเล็กๆ ระหว่างทางขึ้นเขาเฝิงหมิน
สัญชาตญาณบอกนางว่านั่นคือที่มาของเสียงโบราณลึกลับ และมันคือสถานที่กักขังนาง ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ
เมื่อถึงด้านล่างหอคอย ฉู่หลิวเยว่พลันหยุดฝีเท้าอยู่หน้าประตู
รอบด้านเต็มไปด้วยแมกไม้เขียวชอุ่ม
รอบๆ หอคอยไร้ซึ่งเงาของสิ่งมีชีวิต มีเพียงกองหินสีเทาและสีขาววางซ้อนกัน
ราวกับไม่มีใครมาที่นี่นานแล้ว
หรือพูดอีกอย่างก็คือแทบไม่ค่อยมีใครมาที่นี่
เมื่อมองไปที่ประตูเหล็กสีดำบานใหญ่ตรงหน้า ฉู่หลิวเยว่ก็หรี่ตาลงพลางปรับลมหายใจให้สงบ แล้วก้าวไปข้างหน้า
ทันทีที่เดินไปถึงประตู ประตูบานใหญ่ก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ โดยไม่รอให้นางเอื้อมมือไปเปิด
แอด…
แวบหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่นึกว่าตัวเองกำลังเปิดวัตถุโบราณคร่ำครึบางอย่างที่เต็มไปด้วยฝุ่น
“เข้ามาสิ”
เสียงที่ฟังดูมีอายุดังเข้ามาในหูของนาง
ฉู่หลิวเยว่ตั้งสติให้มั่นแล้วเดินเข้าไปข้างใน
…
เมื่อเข้าไปแล้ว นางก็เจอกับความมืดมิด
ฉู่หลิวเยว่พยายามเพ่งตามองไปรอบๆ แต่กลับเห็นเพียงเงาดำที่ดูคลุมเครือ
ขนงเรียวขมวดพันกัน
และจู่ๆ ประตูที่อยู่ข้างก็ปิดลงทันควัน!
ปัง!
เสียงบานประตูกระแทกดังลั่น ร่างเพรียวระหงหันขวับไปมองทันที
ความมืดมิดเบื้องหน้าพลันสว่างวาบ!
หัวใจของนางเต้นรำส่ำ แต่พอมองที่บานประตูดีๆ ก็เห็นว่าตรงกลอนประตูนั้นขึ้นสนิมเล็กน้อย
“ที่นี่มีเจ็ดชั้น เจ้าต้องการไปชั้นใด?”
เสียงนั้นเอ่ยขึ้นในหูของนาง
นางหมุนตัวหันกลับไปมองทางเดิมอีกครั้ง
ภายในห้องโถงที่กว้างขวางและว่างเปล่านั้น มีประตูเจ็ดบานลอยอยู่กลางอากาศเงียบๆ!
มีแสงเรืองรองส่องประกายรอบๆ ประตู รัศมีอันศักดิ์สิทธิ์และสง่างามนั่นสะท้อนลงบนพื้นที่ปูด้วยแผ่นหยกสีนิล
ฉู่หลิวเยว่เจ็บแปลบไปทั้งใจ ราวกับถูกบางอย่างบีบเค้นหัวใจของนาง แม้แต่หายใจก็ยังลำบาก
มันคือปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อเผชิญหน้ากับพลังอันทรงพลัง!
แม้ว่าประตูทั้งเจ็ดบานจะดูธรรมดา แต่…ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่าพลังปราณที่ในนั้น มีอนุภาคมากกว่าที่นางคาดไว้แน่นอน!
ยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ นางยิ่งต้องใจเย็น
ดวงตากลมโตกวาดสายตามองประตูทั้งเจ็ดทีละบาน
ความจริงแล้ว ประตูทั้งเจ็ดบานนี้มีลักษณะเดียวกัน หากมองเพียงรูปลักษณ์แล้วย่อมมิต่างกันสักบาน
ตอนแรกฉู่หลิวเยว่อยากลองใช้พลังปราณดั้งเดิมของตนทดสอบประตูเหล่านี้ แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
ในสถานที่แบบนี้ อย่าทำแบบนั้นเลยจะดีกว่า
เกิดความเงียบขึ้นพักหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรอให้นางเลือก
“ข้าเลือก…”
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งและชี้ไปที่ประตูบานสุดท้ายทางขวามือ
“บานนี้”
หลังจากรอสักพัก ก็มีเสียงดังขึ้นในหูอีกครั้ง
“เพราะอันใด?”
คราวนี้ ดูเหมือนน้ำเสียงนั่นจะแฝงไปด้วยความประหลาดใจและใคร่รู้
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
เพราะอันใด?
เรื่องแบบนี้ต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?
แค่สุ่มเลือกสักบานก็พอแล้ว มิใช่หรือไร?
แต่จะให้พูดแบบนี้ออกไปก็ไม่ได้
ดังนั้นนางจึงหยุดคิด ก่อนจะตอบว่า
“…บานนี้…เลือกไม่ได้หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่จงใจถาม แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเงียบใส่นางทันทีที่เอ่ยปาก!
ซึ่งนั่นทำให้นางเริ่มใจเสีย
หรือว่านาง เผลอเลือกบานที่ไม่ควรเลือกจริงๆ?
“ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง”
เสียงนั้นโพล่งขึ้นมาอีกครา
“เจ้าต้องเลือกให้ดี”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับฟังและทำตามอย่างระมัดระวัง
“ศิษย์รับทราบ”
หลังจากนั้น ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นเหนือบานประตูทั้งเจ็ด!
แสงนั่นเจิดจ้าจนฉู่หลิวเยว่ต้องยกมือขึ้นป้องตา
แต่ไม่นานแสงนั้นก็สลายไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่เอามือลงแล้วมองไปข้างหน้า
ไม่ต้องคิดก็รู้ทันทีว่าลำดับของประตูทั้งเจ็ดเปลี่ยนไปแล้ว!
“เลือกเสีย”
คนผู้นั้นกล่าว
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ พลางมองไปยังประตูเหล่านั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะขี้นิ้วไปยังประตูบานที่อยู่ตรงกลาง
“ศิษย์เลือกบานนี้”
ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ.
พร้อมความไม่สบายใจที่ปรากฏขึ้นในใจของฉู่หลิวเยว่
นี่นางเลือกผิดอีกแล้วหรือ?
ไม่น่าบังเอิญขนาดนั้นหรอกใช่หรือไม่?
“คิก”
แต่จู่ๆ คนผู้นั้นกลับหัวเราะออกมา
“ดูเหมือนจะถูกลิขิตมาแล้วสินะ”
น้ำเสียงนั่นราบเรียบไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ ราวกับทำใจยอมรับไว้แล้ว
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
หมายความว่า…
นางเลือกประตูบานเดิม!
“เข้าไปเถอะ เมื่อครบสิบวัน ประตูบานนี้จะเปิดแล้วปล่อยเจ้าออกไปเอง”
ฉู่หลิวเยว่รวบรวมสติแล้วพยักหน้าตอบ พลางก้าวเท้าไปข้างหน้า
นางเดินไปที่ประตูตรงกลาง และยกมือขึ้นผลักบานประตูให้เปิดออก
แล้วร่างของนางหายวับไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงทุ้มต่ำนั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“…เจ้าเลือกบานเดิม…ช่างดู…”
“หวังว่าเจ้าเด็กนี่จะกลับออกมาอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนนะ!”