ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1160 การกลับมาของคนเดิม
ตอนที่ 1160 การกลับมาของคนเดิม
เพราะการเลือกประตูทั้งสองรอบก่อนหน้านี้ ทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย ในยามที่ต้องผลักประตูเข้าไป
แต่หลังจากเข้าไปแล้ว ก็พลันพบว่าสิ่งที่เห็นนั้นต่างจากที่นางคิดไว้ลิบลับ
เนื่องจากสิ่งที่นางเห็นตอนนี้มีเพียงห้องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสเท่านั้น
ห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็สามารถรับรองคนได้มากกว่าสิบคนได้อย่างไม่มีปัญหา
บนผนังทั้งสี่ด้านถูกแต่งแต้มด้วยลวดลายสีดำสลับขาว
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองมันอย่างพินิจ แต่นอกจากตราสัญลักษณ์ของสำนักวิชาที่สลักอยู่บนมุมผนังด้านซ้ายแล้ว ดูเหมือนว่านางจะอ่านลวดลายอื่นๆ ไม่ออก
มองรวมๆ แล้วลวดลายเหล่านั้นดูยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ ราวกับมีคนจุ่มพู่กันลงในหมึกสีดำ แล้วตวัดวาดลงบนกระดาษสาสีขาวอย่างลวกๆ
นอกจากนี้ก็ไม่มีอันใดแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแล้วเดินไปตรงกลาง
ประตูด้านหลังพลันปิดลงทันที
แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจ
อย่างใดเสีย ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น นางก็ต้องติดแหงกอยู่ในนี้สิบวัน
หลังจากมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ฉู่หลิวเยว่ก็พบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติในห้องสี่เหลี่ยมนี้ ดังนั้นนางจึงนั่งลงบนพื้น พลางหลับตาและเริ่มตั้งจิตฝึกสมาธิ
…ใช่แล้ว แม้ว่าที่นี่จะไม่มีหน้าต่าง แต่ก็มิได้อับชื้น และเต็มไปด้วยพลังแห่งสวรรค์และโลก เช่นเดียวกับบรรยากาศด้านนอก
ในเมื่อหากิจกรรมอื่นทำไม่ได้ เช่นนั้นก็ฝึกสมาธิดีกว่า
ทว่าในขณะที่กำลังจะหลับตาและเริ่มฝึกตน จู่ๆ ก็มีเสียง “กุกกัก” ดังขึ้น พร้อมเจ้าก้อนตัวจิ๋วที่หล่นลงไปกลิ้งกับพื้น
ถวนจื่อนี่เอง
เมื่อเห็นถวนจื่อที่กำลังกระพือปีกอันเปียกชื้นและหยัดตัวลุกขึ้นยืนบนพื้นตรงหน้า ฉู่หลิวเยว่ก็ถึงกับผงะไปแวบหนึ่ง
ก่อนหน้านี้นางเคยเรียกถวนจื่อออกมาก็จริง แต่เมื่อครู่นางยังไม่ได้เรียกมันเลย แล้วไยมันถึงออกมาเองเช่นนี้?
“ถวนจื่อ?”
นางร้องเรียกมัน
พรึบๆ
ถวนจื่อกระพือปีกพัลวัน เสมือนพยายามสลัดน้ำบนตัวออก เพื่อให้ตัวแห้งสนิท
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองมันอยู่สักพัก และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน
“ถวนจื่อ เจ้าใช้เปลวไฟทำให้ตัวแห้งได้นะ”
ถวนจื่อหยุดการเคลื่อนไหว แล้วเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างกระตือรือร้น
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดลงในทันใด!
เพราะนางเห็นเส้นแสงสีเงินพร่างพราวแล่นริ้วไปมาในดวงตาของถวนจื่อ!
…นั่นมัน ทัณฑ์สวรรค์หรือ!?
นางรู้ว่าถวนจื่อฉวยโอกาสเมื่อครู่ก่อนกลืนกินทัณฑ์สวรรค์จำนวนมากเข้าไป เพื่อช่วยกระตุ้นพลังแห่งสายเลือดของมัน แต่นางไม่คิดจะมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นด้วย
“ถวนจื่อ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
ถวนจื่อส่ายหัวและเริ่มกระพือปีกระรัวอีกครั้ง
“มีทัณฑ์สวรรค์มากมายไหลเวียนอยู่รอบตัวมัน และยังไม่ถูกดูดซับเข้าไปอย่างสมบูรณ์ ถ้ายามนี้มันใช้เปลวไฟสุ่มสี่สุ่มห้า…คงได้เผาไหม้ทั้งตัวแน่ และกลัวว่าแม้แต่มันเองก็อาจจะคุมไม่อยู่”
อินทรีสามตากล่าวอย่างเย็นชา
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจในทันที ก่อนจะมองไปยังถวนจื่อที่กำลังง่วนอยู่กับการกระพือปีกอยู่บนพื้น พลันกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้น…คราวนี้มันต้องใช้เวลานานเท่าไร ถึงจะดูดซับพลังนั่นได้หมด?”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เพราะมันเลือกโจมตีในตอนที่ทัณฑ์สวรรค์สั่งสมพลังไว้มากที่สุด คราวนี้มันจึงได้กลืนกินพลังปราณเข้าไปเยอะมาก แต่ถ้าอยากกระตุ้นพลังแห่งสายเลือดของมันอย่างเต็มที่ ก็ต้องทำตามวิธีที่เคยว่าไว้ก่อนหน้า”
ตอนไม่พูดถึงวิธีการก็ดีอยู่หรอก แต่พอพูดถึงมันขึ้นมา ฉู่หลิวเยว่ก็ถึงกับปวดหัวตุบๆ
แค่ขึ้นไปบนเขาหมื่นเมรัยวันเดียว ก็ถูกลากมาขังอยู่ที่นี่ตั้งสิบวันแล้ว
ถ้าต้องพามันขึ้นไปอยู่บนนั้นหนึ่งเดือนล่ะก็…
ฉู่หลิวเยว่คิดว่านางอาจจะถูกไล่ออกก็ได้
“แค่ไม่ถูกจับได้ก็พอแล้วมิใช่หรือ?”
อินทรีสามตาโพล่งขึ้นมาเบาๆ ราวกับเดาได้ว่าฉู่หลิวเยว่กำลังคิดอันใดอยู่
ฉู่หลิวเยว่ “… สภาพอย่างข้าดูเก่งกาจขนาดนั้นเลยหรือ?”
ภูเขาหมื่นเมรัยได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา จะให้นางไปที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยไม่ให้ใครสังเกตเห็นได้อย่างใด?
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองถวนจื่อ พลันคิดว่ามันในตอนนี้ก็ดีพอประมาณหนึ่งแล้ว
ไม่ใช่กษายะหางวายุที่เอาชนะหลิ่วอินถงได้ในตอนนั้น!
“เจ้าทำได้แน่นอน”
อินทรีสามตายืนยันจากใจจริง
ฉู่หลิวเยว่พูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
แวบหนึ่งนางไม่รู้ว่าควรจะดีใจที่อินทรีสามตาชื่นชมตน หรือควรหนักใจว่าจะทำอย่างใด ให้เรื่องที่ฟังดูโง่เขลานี่สำเร็จลุล่วงด้วยดี
น่าปวดหัวเสียจริง นางขอเก็บไปคิดทีหลังแล้วกัน
ดวงตากลมสองข้างปิดลง พลางกลั้นหายใจและตั้งสมาธิ แล้วเริ่มดูดซับพลังปราณของสรรพสิ่งโดยรอบ
คลื่นพลังปราณดั้งเดิมมารวมตัวกันและหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง
พลังเหล่านี้ไหลผ่านแขนเข้ามาในกาย และสุดท้ายก็เข้าไปรวมกันในจุดตันเถียน
พลันเพลาผ่านไปทีละนิด ลมปราณของฉู่หลิวเยว่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าสิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ ยามนี้ลวดลายบนผนังรอบๆ เองก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างเงียบเชียบเช่นกัน
ลายเส้นที่ดูยุ่งเหยิงราวถูกบางอย่างดึงกระชากอย่างแรง และค่อยๆ เคลื่อนที่อย่างเงียบๆ แล้วเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปมาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความผันผวนของลายเส้นเหล่านี้ ดูเหมือนว่าพื้นที่รอบตัวฉู่หลิวเยว่เองก็จะถูกรบกวนไปด้วยเหมือนกัน
พลันเกิดชั้นแรงกดดันซ้อนทับกันภายในคลื่นความผันผวนนี้อย่างรวดเร็ว!
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่กำลังหลับตา และจดจ่ออยู่กับการฝึกตนอย่างเดียว
แต่ถ้านางลืมตาขึ้น ก็จะเห็นรอยแตกแขนงสีดำที่กระจายอยู่บนชั้นอากาศรอบตัวนาง!
คลื่นความผันผวนอันรุนแรงนั้น ราวกับกระแสน้ำที่กำลังพุ่งเข้าใส่นางอย่างเชื่องช้าทว่ามั่นคง!
อย่างใดก็ตาม เมื่อระลอกคลื่นเหล่านั้นกำลังจะไปถึงร่างของฉู่หลิวเยว่ ก็พลันต้องหยุดชะงัก
ก่อนจะมีคลื่นพลังสายหนึ่งพุ่งออกไปข้างหน้า
พร้อมกับแสงสีทองอร่ามที่ส่องประกายบนร่างของฉู่หลิวเยว่!
ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง!
เมื่อสัมผัสได้ถึงลำแสงและรัศมีนี้ พลังที่เต็มไปด้วยแรงกดดันสายนั้น ก็สลายไปในทันที!
อนุภาคที่หลงเหลือหมุนวนเป็นวงกลม และดูเหมือนมวลพลังปราณที่อยู่รอบๆ จะได้รับผลกระทบเช่นกัน พลันปลดปล่อยแรงบีบบังคับที่น่าสะพรึงกลัวออกมาทีละสาย แล้วเคลื่อนตัววนล้อมรอบฉู่หลิวเยว่ไว้ไม่ห่าง
เสมือนใกล้ชิดและโหยหา