ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1161 หมดเวลาแล้ว
ตอนที่ 1161 หมดเวลาแล้ว
ท่ามกลางความเงียบและคลื่นความผันผวน ความเร็วในการกลืนกินพลังปราณดั้งเดิมของฉู่หลิวเยว่เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับว่ากำลังเข้าสู่สภาวะอันแปลกประหลาด
แม้จะหลับตาอยู่ แต่ก็ยังสามารถรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างละเอียด
นางสัมผัสได้ว่าเหมือนมีบางสิ่งไหลผ่านไปรอบๆ ตัวนางอย่างนุ่มนวล
และขณะเดียวกัน พลังปราณส่วนหนึ่งก็กำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างเงียบเชียบ
ทันใดนั้น นางก็ตระหนักได้ว่าพลังแห่งสวรรค์และโลก ที่บรรจุอยู่ในสถานที่แห่งนี้บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ชนิดที่ว่ามิต้องนำไปขัดเกลาอันใดมาก ก็สามารถทำพลังทั้งหมดนี่ไปใช้ได้ในทันที
ร่างกายของนางเปรียบเสมือนฟองน้ำ มันดูดซับพลังปราณที่อยู่รอบๆ อย่างบ้าคลั่ง
แถมยังเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก!
เดิมทีฉู่หลิวเยว่แอบกลัวว่าร่างกายที่เพิ่งจะทะลวงขึ้นระดับเจ็ดขั้นต้นของนาง อาจไม่สามารถต้านทานแรงอัดฉีดของพลังปราณที่น่ากลัวเช่นนี้ได้
แต่ไม่นาน นางก็พบว่าตัวเองกังวลมากเกินไป
เพราะตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ นางไม่ได้รู้สึกอัดอัดภายในกายเลยแม้แต่น้อย!
พลังปราณดั้งเดิมอันล้นหลามภายในชีพจรดั้งเดิมพุ่งพล่านไม่หยุด ทว่านอกจากจะไม่ทำให้นางรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัวแล้ว มันยังหล่อเลี้ยงชีพจรดั้งเดิมของนางให้ดูมีชีวิตชีวา เปล่งปลั่งและยืดหยุ่นมากขึ้น
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกได้ชัดเจนว่าลมปราณของนางแข็งแกร่งขึ้น!
หรือว่าพลังปราณดั้งเดิมนี่จะค่อนข้างพิเศษ…
จู่ๆ ความคิดเช่นนี้ก็แวบเข้ามาในหัวของนาง
แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น…
ฉู่หลิวเยว่หยุดยั้งความคิดนี้ไว้อย่างรวดเร็ว และหันไปจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนลมปราณแทน
ถวนจื่อที่อยู่ข้างๆ นางเองก็หยุดเคลื่อนไหวและนอนราบลงบนพื้นอย่างอ่อนล้า
มีเพียงทัณฑ์สวรรค์สีเงินที่กะพริบบนร่างของมันเท่านั้น ที่แสดงให้เห็นว่าตอนนี้มันยังปลอดภัยดี และไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอย่างที่คิด
…
ณ จัตุรัสชิงหมิง
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยืนเอามือไพล่หลัง พลางกวาดสายตามองกลุ่มคนตรงหน้า
ซึ่งคนเหล่านี้ที่ยืนอยู่ตรงนี้ ล้วนเป็นผู้ที่ยินยอมตกลงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในห้องโถงใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อน
ทว่าเมื่อเทียบกับตอนนั้น จำนวนคนกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด
อย่างเช่นเว่ยซีผิง ที่ตอนนี้มิได้โผล่หน้ามาแต่อย่างใด
แต่ด้านข้างเขาก็ยังมีเหล่าผู้อาวุโสประจำอยู่มากกว่าสิบ ฉะนั้นโดยรวมแล้วก็ถือว่ามากันมากอยู่
และคนที่อยู่ใกล้ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนที่สุดก็คือ หรงซิว
“…ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้าจักไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไปแล้ว ครานี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับทุกท่านแล้ว”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนประสานหมัดคารวะ
ทุกคนเองก็ทำเช่นนั้น
“หากคราวนี้ต้องเผชิญกับภัยอันตราย หรงซิว…”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพูดยังไม่ทันจบ ก็สังเกตเห็นว่าหรงซิวมีท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางหนึ่ง
ดวงเนตรคมกริบดุจปักษาพลันหรี่ลง ริมฝีปากบางสีชาดยกยิ้มเบาๆ อย่างอดไม่ได้
จริงๆ เลยนะ…
“หรงซิว มีอันใดหรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนถามด้วยความสงสัย
หรงซิวดึงสายตากลับมา พลางระบายยิ้มบางเบาแล้วส่ายศีรษะ
“เปล่าขอรับ”
ผู้อาวุโสชำเลืองมองไปยังทิศทางที่เขามองเมื่อครู่
นั่นมันเขตของจอมยุทธ์
ก็ไม่เห็นมีอันใดผิดปกติ
หว่างคิ้วของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนย่นเข้าหากันนิดๆ
แม้จะมองไม่เห็นความผิดปกติบนใบหน้าของหรงซิว แต่เขาแอบรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
เหมือนกับครั้งนั้นในอดีต…
ราวกับมีบางอย่างในสำนักวิชา ที่กำลังส่งผลกระทบต่อจิตใจของหรงซิว
เขาเป็นคนที่มีนิสัยเย็นชาและเฉยเมยต่อทุกสิ่ง และมีเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้
แต่ในเมื่อเขาไม่อยากพูด คนนอกก็ไม่ควรซักไซ้ถาม
ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสเหวินซีที่มาสาย ก็มาถึงที่นัดหมาย
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยิ้มพลางเอ่ย
“เหวินซี ถ้าเจ้ามาช้ากว่านี้ เจ้าตามไม่ทันแน่”
ผู้อาวุโสเหวินซีกระแอมหนึ่งที
“ข้าติดธุระนิดหน่อย เลยมาช้า”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง พลันเปลี่ยนท่าที
“เกิดอันใดขึ้น?”
ผู้อาวุโสเหวินซีไม่ใช่คนที่ชอบมาสาย และดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาจริงๆ
“เรื่องนี้มัน…”
ผู้อาวุโสเหวินซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเลือกที่จะบอกความจริงออกไป
สุดท้ายไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาก็ต้องรู้อยู่ดี
“ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แค่ศิษย์คนหนึ่งทำผิดกฎและถูกคุมขังในภูเขาเฝิงหมิน”
ทันทีที่พูดออกไป กลุ่มคนรอบๆ ก็หันมามองเขาอย่างพร้อมเพรียง
สถานที่อย่างเขาเฝิงหมินนั้น ไม่ใช่ที่ที่จะอนุญาตให้ใครเข้าไปง่ายๆ
ศิษย์ผู้นี้…คงมิใช่ “ตัวปัญหา” หรอกใช่หรือไม่?
“หือ? ผู้ใดหรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขมวดคิ้วฉับ
นานมาแล้วที่ทางสำนักวิชาไม่ได้ใช้วิธีการลงโทษเช่นนี้ สันนิษฐานว่าศิษย์ผู้นี้คงได้เผลอไปทำอันใดที่ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของสำนักวิชาเป็นแน่
ผู้เฒ่าเหวินซีถอนหายใจ
“เมื่อวานเขาลงมาไม่ทันเวลา และอยู่บนเขาหมื่นเมรัยนานเกินควร”
สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสเปลี่ยนไปทันควัน
“ใครกันถึงกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม
ในกรณีของภูเขาหมื่นเมรัยนั้น ทางสำนักวิชาได้ออกคำสั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ห้ามอยู่บนภูเขาหมื่นเมรัยเกินเวลาที่กำหนด เหตุใดจึงยังมีศิษย์กล้าทำเช่นนี้อีก?
“แค่กๆ เป็น…ฉู่เยว่”
ผู้อาวุโสเหวินซีลดเสียงลงเล็กน้อย ก่อนจะรีบโพล่งปากออกไป
“แต่เด็กคนนั้นไม่ได้ตั้งใจทำ เขาแค่ออกมาช้าไปนิดเดียวเลยติดอยู่บนเขาหมื่นเมรัย หลังจากได้รับข่าว ข้ากับฮวาเฟิงก็รีบไปพาเขาออกมาทันที”
แต่พอพูดออกไปแล้ว ผู้อาวุโสเหวินซีถึงได้รู้สึกแปลกใจขึ้นมา
เขาเผลออธิบายและแก้ตัวให้ฉู่เยว่โดยไม่รู้ตัว ราวกับไม่ต้องการให้เด็กนั่นได้รับโทษที่รุนแรงไปมากกว่านี้
“เป็นเช่นนี้นี่เอง…ในเมื่อพวกเจ้าลงโทษเขาไปแล้ว เช่นนั้นก็พักเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วกัน!”
โชคดีที่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนไม่ได้เซ้าซี้ไปมากกว่านี้ ทำให้ผู้อาวุโสเหวินซีแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทว่าหลังจากตั้งสติได้ เขาก็พลันชะงักไปครู่หนึ่ง
บางที…อาจเป็นเพราะเขาคัดเด็กคนนั้นเข้ามาเอง เขาถึงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเช่นนี้?
อย่างใดก็ตาม เมื่อนึกถึงภาพชายหนุ่มที่ถูกตักเตือนและก้มหน้ารับผิดแต่โดยดี เขาก็ใจร้ายกับอีกฝ่ายไม่ลงจริงๆ
ผู้อาวุโสเหวินซีสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความคิดที่วุ่นวายเหล่านี้
ส่วนหรงซิวที่อยู่ข้างๆ กลับมีสีหน้าเรียบเฉย เปลือกตาหลุบมองต่ำ พร้อมประกายแสงบางอย่างแวบเข้ามาในดวงตาของเขา
ภูเขาเฝิงหมิน…ช่วงนี้ อย่างน้อยอยู่ที่นั่นสักระยะก็ปลอดภัยกว่า
เพียงแต่…
ดวงตาของหรงซิววูบไหว พลันปกปิดอารมณ์บางอย่างในดวงตาของเขา
ไม่ทำให้จุดผิดพลาดเล็กๆ นี่ดึงดูดความสนใจมากเกินไป
ศิษย์คนหนึ่งถูกขังไว้บนภูเขาเฝิงหมินไม่กี่วัน สำหรับเขาความจริงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
“ไปได้!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งออกคำสั่งเสียงดังฟังชัด ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป! แล้วเหาะเหินไปยังประตูทางเข้าออกของสำนักวิชา!
คนอื่นๆ เหาะตามหลังเขาไป
หรงซิวมองไปที่เขาเฝิงหมินด้วยสายตานิ่งงันแล้วจากไป
จากนั้นร่างเงาของคนทั้งกลุ่มก็หายไปอย่างรวดเร็ว
…
ภายในหอคอยเจ็ดชั้นบนภูเขาเฝิงหมิน
ในห้องโถงใหญ่ ประตูทั้งเจ็ดบานลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบเชียบ
กาลเวลาผ่านไปทีละน้อย
ในที่สุดสุ้มเสียงโบราณนั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าครานี้ กลับมีความสงสัยเผยออกมาจากน้ำเสียงของเขา
“หือ? ตามหลักแล้ว เจ้าเด็กนั่นต้องทนไม่ไหวแล้วหนีออกมาแล้วสิ…ไฉนตอนนี้ถึงยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย?”
ในห้องโถงที่ว่างเปล่าและเงียบสงบนั้นไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ
ผ่านไปอีกสักพัก
ประตูทั้งเจ็ดบานก็ยังลอยอยู่ที่เดิม
“สมัยนี้พวกเด็กที่ชอบสร้างปัญหา ล้วนเป็นเด็กเก่งกล้ามากความสามารถทั้งนั้น…”
คนผู้นั้นบ่นเสียงเบาอย่างอดไม่ได้
ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่ออกมา ช่างเป็นเด็กมากความสามารถของแท้
…
ภายในห้วงมิติอันแปลกประหลาด ฉู่หลิวเยว่กำลังนั่งหลับตาขัดสมาธิ
พลังปราณอันมหาศาลและแรงกดดันรอบตัวนาง กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างบางทีละนิด
ลวดลายบนผนังทั้งสี่ด้านเคลื่อนไหวตามการผ่อนลมหายใจเข้าออกของนาง
เสมือนว่าร่างกายของนางกลายเป็นหนึ่งเดียวกับสถานที่แห่งนี้!
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
สุรเสียงอันโบราณมีอายุทะลวงเข้ามาให้หูของนาง
“ไอ้หนู หมดเวลาแล้ว!”