ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1166 เคล็ดวิชาอันคุ้นตา
ตอนที่ 1166 เคล็ดวิชาอันคุ้นตา
คิ้วของหลัวซือซือขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นางอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา
“การหลอมยาที่ว่ามันคืออันใดหรือเจ้าคะ?”
“การหลอมยาเป็นวิธีการเฉพาะที่เซียนหมอมักจะใช้ในการปรุงยา กล่าวกันว่าเป็นการนำยาอายุุวัฒนะสองเม็ดขึ้นไปมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน กระทั่งยาเหล่านั้นผสานรวมกันเป็นเม็ดเดียว ด้วยวิธีนี้ ฤทธิ์ยาทั้งหมดจะสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ และจะช่วยยกระดับของยาอายุุวัฒนะอีกด้วย”
หลัวเยี่ยนหลินคอยอธิบายอยู่ข้างๆ ด้วยความใจเย็น
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เซียนหมอ แต่เขาอยู่ในสำนักนี้มานานหลายปี จึงพอเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้อยู่บ้าง
“ยกระดับยาอายุุวัฒนะหรือ?”
หัวใจของหลัวซือซือเต้นไม่เป็นจังหวะ
“อย่าบอกนะว่าเขาตั้งใจจะปรุงยาอายุวัฒนะระดับเก้านั้นให้สำเร็จจริงๆ?”
“ในเมื่อเขาอยากชนะ ก็พอเข้าใจได้ว่าเหตุใดเขาถึงต้องทำเช่นนั้น”
หลัวเยี่ยนหลินกลับหัวเราะออกมา
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดว่า ถ้าอยากให้เขาเป็นฝ่ายชนะ ก็คงต้องหวังให้เกิดเรื่องกับหลิ่วจื่ออันเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังทีทางเลือกอื่นด้วย”
ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจในตัวฉู่เยว่มากนัก แต่เพราะหลัวซือซือดูจะเอาใจใส่อีกฝ่ายเป็นพิเศษ เขาก็เลยบังเกิดความมุ่งร้ายต่ออีกฝ่ายไปโดยสัญชาตญาณ
แต่ในเวลานี้ เขากลับพบว่า ฉู่เยว่ผู้นี้…ช่างน่าสนใจเสียจริงเชียว
อีกฝ่ายก้าวเข้ามายังสำนักแห่งนี้ได้ไม่นาน ก็ได้สร้างชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้ถึงเพียงนี้
ส่วนเรื่องก่อนหน้าก็เอาไว้ก่อนเถอะ ตราบใดที่เขาสามารถเอาชนะการประลองในวันนี้ได้ เขาจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งสำนักอย่างแน่นอน!
ใบหน้าของพวกหลัวซือซือล้วนแสดงออกถึงความปิติยินดี
“หรือก็คือ ขอแค่เขาทำมันได้สำเร็จ โอกาสในการชนะก็จะยิ่งสูงขึ้นหรือ?”
เมื่อหลัวเยี่ยนหลินเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือมาดีดบนหน้าผากของนางเบาๆ และเอ่ยแค่นเสียงว่า
“อย่ามองโลกในแง่ดีไปหน่อยเลย! ข้าแค่บอกว่าเขากำลังจะหลอมยา ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าเขาจะทำมันสำเร็จ! เจ้ารู้หรือไม่ ขณะปรุงยาอายุุวัฒนะอยู่นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสมาธิ หากเขาต้องการหลอมยา อย่างน้อยเขาจะต้องทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กันได้ เซียนหมอระดับแปดเช่นเขา อยากเอาชนะฝั่งตรงข้ามอย่างหลิ่วจื่ออัน อย่างน้อยเขาจะต้องปรุงยาอายุุวัฒนะขั้นสูงระดับแปดสองเม็ดให้ได้!”
สีหน้าของพวกหลัวซือซือพลันแข็งทื่อไปชั่วขณะ
ปรุงยาอายุุวัฒนะขั้นสูงระดับแปดสองเม็ดในเวลาเดียวกัน อย่าว่าแต่เซียนหมอระดับแปดเลย ต่อให้เป็นถึงเซียนหมอระดับเก้า ก็ถือว่ายังค่อนข้างยากอยู่กระมัง?
“จนถึงตอนนี้ ข้าก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีเซียนหมอระดับแปดคนใด ที่สามารถทำการหลอมยานี้ได้สำเร็จมาก่อนเลย”
คำพูดของหลัวเยี่ยนหลินทำให้หัวใจของพวกเขาจมดิ่งอีกครั้ง และต่างพากันหันไปมองที่จัตุรัสด้วยแววตาเป็นกังวล
เจ้านั่นเป็นแค่เด็กอายุสิบหกปีเองนะ จะทำได้จริงหรือ?
…
ทางด้านฉู่หลิวเยว่ นางกำลังแยกเปลวไฟออกมาหนึ่งลูก จากนั้นก็นำยาอายุวัฒนะที่ได้ปรุงไปก่อนหน้านี้มาห่อหุ้มเข้าด้วยกัน และค่อยๆ ปรุงยาบนหม้อต้มโอสถที่ลอยอยู่เหนืออากาศในระยะครึ่งแขนอย่างเงียบๆ เพื่อจัดการขั้นตอนสุดท้ายให้สมบูรณ์
ขณะเดียวกัน นางก็เติมสมุนไพรปรุงยาใหม่ๆ ลงไปในหม้อต้มอย่างต่อเนื่อง
ยามหลิ่วจื่ออันเงยหน้าขึ้นมา เขาก็มองเห็นภาพนี้เช่นเดียวกัน
เขากัดฟันกรอด ในใจยิ่งทวีความเกรี้ยวกราดมากขึ้นยิ่งกว่าเก่า
“ไม่เจียมตัวเสียจริง!”
เขาสบถออกมาเสียงเบาๆ
เซียนหมอระดับแปดหรือ รู้หรือไม่ว่าการหลอมยาคืออันใด?
ก็แค่ทำอวดเก่ง ฝืนดันทุรังไปก็เท่านั้นเอง!
ทว่าครั้นเวลาผ่านไปทีละนิด กลับไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นที่ฝั่งตรงข้าม
ฉู่หลิวเยว่ล้วนทำทุกกระบวนการด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ยาอายุุวัฒนะด้านบนนั้นมีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และสมุนไพรด้านล่างก็ยังได้รับการปรุงอย่างต่อเนื่องจนเสร็จสิ้น
ในไม่ช้า ฉู่หลิวเยว่ก็ผลิตยาอายุุวัฒนะเม็ดที่สองต่อด้วยความราบรื่น!
หลิ่วจื่ออันบังคับตัวเองให้หันกลับมามอง และจดจ่อกับยาอายุวัฒนะของตนเอง
แต่ภายในใจของเขากลับรู้สึกกระวนกระวายและเป็นกังวลใจอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่ามีบางอย่างที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นก็มิปาน
เมื่อจิตใจของเขาปั่นป่วน เปลวเพลิงในหม้อต้มโอสถก็แปรปรวนเช่นกัน
เขารีบสงบจิตใจของตนที่กำลังเต้นระรัวในทันที
โชคดีที่ยาอายุุวัฒนะนั้นดูเหมือนจะไม่เป็นอันใด
แต่หัวใจของหลิ่วจื่ออันยังคงจมดิ่งอยู่
การปรุงยาในขั้นตอนสุดท้ายนั้น ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากและต้องใช้สมาธิในการจดจ่อมากขึ้นกว่าเดิม!
หากเกิดความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ก็อาจทำให้เกิดผลที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก และยังจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของยาอายุุวัฒนะทั้งเม็ด!
สิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือ มันจะนำไปสู่ความเสียหายของยาอายุุวัฒนะโดยตรง!
ถึงแม้ว่ายาเม็ดนี้ของเขาจะถูกกลั่นจนสำเร็จ แต่ทว่าด้วยคุณภาพเช่นนี้…
หลิ่วจื่ออันกัดฟันแน่น เขายังคงพยายามควบคุมเปลวไฟเพื่อเผาไหม้ และหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกันในขั้นตอนสุดท้าย!
หึ่ง!
ความเคลื่อนไหวที่กำลังผันผวนอย่างน่าอัศจรรย์ดังสะท้อนอยู่ในหม้อต้มโอสถ!
ขณะเดียวกัน กลิ่นหอมเข้มข้นของสมุนไพรก็ลอยอบอวลหอมกรุ่นอยู่ในอากาศ!
ยาอายุวัฒนะสีแดงเม็ดหนึ่งลอยออกมาจากหม้อต้มโอสถ!
หลิ่วจื่ออันที่เตรียมพร้อมอยู่นานแล้ว โบกสะบัดข้อมือครั้งหนึ่ง จากนั้นก็กางค่ายกลไว้เหนือศีรษะของตน!
ยาอายุวัฒนะนั้นพุ่งชนค่ายกลด้านบนด้วยความดุเดือด! ก่อนจะเด้งกลับมาอย่างรวดเร็ว!
หลิ่วจื่ออันโบกแขนเสื้อของเขา และรีบนำยาเม็ดนั้นใส่ลงในตลับหยกทันควัน!
เคร้ง!
ฝาตลับหยกปิดลง!
เขากลั่นยาสำเร็จแล้ว!
…
หลิ่วจื่ออันถือตลับหยกไว้ในมือแล้วถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ถึงจะดูน่ากลัวแต่ก็ไม่มีอันตรายใดๆ ในที่สุดก็กลั่นอายุวัฒนะเม็ดนี้ได้สำเร็จแล้ว!
ในตอนนี้ ผลของการประลองจะแพ้หรือชนะ ก็ขึ้นอยู่กับ…ฉู่เยว่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วล่ะ!
…
เมื่อเห็นท่าทีของหลิ่วจื่ออัน ทุกคนล้วนทายกันว่าเขาน่าจะปรุงยาอายุวัฒนะเม็ดใหญ่นี้ได้อย่างราบรื่น
หรือกล่าวได้ว่า ในตอนนี้ อย่างน้อยเขาก็ได้ยาอายุวัฒนะระดับเก้าขั้นต้นอยู่ในมือแล้ว
หากฉู่เยว่หลอมยาอายุุวัฒนะไม่สำเร็จ หรือยาอายุุวัฒนะที่หลอมรวมกันขั้นสุดท้ายนั้นด้อยกว่าระดับเก้า ผู้ชนะของการประลองนี้ก็จะเป็นหลิ่วจื่ออัน!
แต่ถ้าเขาหลอมยาได้สำเร็จ อีกทั้งคุณภาพยังอยู่ในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าหลิ่วจื่ออัน เช่นนั้น…
บางคนที่คิดมาถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะแอบส่ายหัวเบาๆ
จะเป็นไปได้อย่างใดกัน?
ฉู่เยว่ก็แค่เซียนหมอระดับแปดคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความสามารถพอจะทำเรื่องอันใดเช่นนั้นหรอก
…
ฉู่หลิวเยว่ยังตั้งจิตแน่วแน่อยู่กับการปรุงยา มิได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวนางเลยแม้แต่น้อย
ครั้งหนึ่ง เมื่อตอนที่นางยังเป็นซั่งกวนเยว่ นางค่อนข้างเชี่ยวชาญในเรื่องการหลอมยาเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีประสบการณ์มากมาย
แต่หลังจากที่เกิดใหม่ นางกลับไม่เคยได้ทำอันใดเช่นนี้อีกเลย
ในครั้งนี้ เป็นเพราะนางต้องการเอาชนะหลิ่วจื่ออัน จึงบังเกิดความคิดนี้ขึ้นมา
เมื่อดูจากศักยภาพในปัจจุบันของนาง การปรุงยาอายุุวัฒนะระดับแปดไม่ใช่ปัญหาอันใด
แต่สำหรับระดับเก้านั้นค่อนข้างยากอยู่บ้าง
แทนที่จะเสี่ยง สู้เลือกหาวิธีที่มั่นใจและปลอดภัยจะดีกว่า…นั่นคือการหลอมยา!
สำหรับวิธีนี้ เงื่อนไขด้านความสามารถของเซียนหมอนั้นค่อนข้างต่ำ มีเพียงเงื่อนไขด้านเคล็ดวิชาและสมาธิเท่านั้นที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงสักหน่อย ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับตัวนางในตอนนี้เลยทีเดียว
แน่นอนว่า ถ้าหากผู้คนในการแข่งขันรู้ว่านางคิดแบบนี้ เกรงว่าจะเข้ามาตีนางเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยมากกว่า
เพราะนั่นถือว่าเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเซียนหมอ!
สำหรับผู้ฝึกตนแขนงจอมยุทธ์แล้ว หากความสามารถไม่เพียงพอ ก็ยังสามารถใช้ความขยันหมั่นเพียรมาชดเชยได้
แต่สำหรับเซียนหมอ พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ทุกขั้นตอนของการฝึกตนและทุกครั้งที่เอาชนะต่ออุปสรรคของเซียนหมอนั้น ล้วนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรสวรรค์ของผู้ฝึกตนในทุกระดับ
ตัวอย่างเช่น ใบสั่งยาแบบเดียวกันแต่เซียนหมอคนละคนกัน ผลลัพธ์ของการปรุงยานั้นย่อมไม่เหมือนกัน
การมีพรสวรรค์ที่แกร่งกล้าและมีจิตวิญญาณอันมั่งคงเท่านั้น ถึงจะสามารถแสดงฤทธิ์ของยาออกมาได้อย่างเต็มที่
และเคล็ดวิชาของเซียนหมอก็คือ ความคล่องแคล่วว่องไวและการรับรู้เป็นต้น อันที่จริงสิ่งเหล่านี้ล้วนรวมอยู่ในคำว่า “พรสวรรค์” แล้ว
บางคนแม้จะฝึกเป็นร้อยครั้งก็อาจไม่เก่งเท่าคนที่ฝึกเพียงครั้งเดียว
และฉู่หลิวเยว่ก็เป็นคนประเภทนั้น
“เหตุใดตรงนั้นถึงมีคนไปชุมนุมกันมากมายเพียงนี้?”
บนหอระฆังบูรพกษัตริย์ ผู้อาวุโสหลายท่านต่างก็นั่งอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น
…
เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ผู้อาวุโสท่านหนึ่งในนั้นก็ก้มลงมามอง
“หืม? ดูเหมือนว่าจะมีศิษย์ท้าประลองกันอย่างนั้นหรือ? ช้าก่อน วั่นเจิง เจ้ามาดูนี่สิ ดูเหมือนว่าจะเป็นลูกศิษย์คนใหม่ของเจ้าเลย!”
เมื่อผู้อาวุโสวั่นเจิงได้ยินเช่นนั้นก็เดินเข้ามา
ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซีดลงเล็กน้อย ขนงเข้มค่อยๆ ขมวดเข้าหากันช้าๆ
“…เคล็ดวิชานี้ ดูอย่างใดก็คุ้นตายิ่งนัก?”