ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1177 หรงซิวไม่ใช่คนกระจอก
ตอนที่ 1177 หรงซิวไม่ใช่คนกระจอก
ฉู่หลิวเยว่ “… แต่ตอนนี้เขาเป็นอาจารย์ของข้า หากไม่ชี้แจงจะดีหรือ?”
“เขาไม่ถามเจ้าเยอะหรอก”
บรรยากาศรอบตัวของตู๋กูโม่เป่าผ่อนคลายลง พลางกล่าวอย่างหนักแน่น
“เจ้าก็แค่หาข้ออ้างข้างๆ คูๆ ไป จะบอกว่าตายแล้วก็ได้”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
นั่นคือผู้อาวุโสวั่นเจิงเชียวนะ จู่ๆ จะให้บอกตายง่ายๆ เช่นนั้นเลยหรือ?
ฉู่หลิวเยว่เริ่มมั่นใจในสิ่งที่ตนคาดเดามากขึ้น พลันกัดฟันแล้วแอบกระซิบถามเบาๆ
“พี่เป่า เจ้ามีสถานะสูงกว่าผู้อาวุโสวั่นเจิงใช่หรือไม่?”
ตู๋กูโม่เป่าปรายตามองนางเสมือนกำลังมองดูคนเขลาที่แกว่งเท้าหาเสี้ยน
ฉู่หลิวเยว่กลืนคำพูดที่เหลือลงไปทันที
“อึก”
เวรแล้ว
อย่าถามมากกว่านี้ดีกว่า!
“ตอนอยู่บนเขาเฝิงหมิน…เป็นอย่างใดบ้าง?”
ตู๋กูโม่เป่าพลันเปลี่ยนเรื่อง และทำทีเอ่ยถามราวไม่ได้ตั้งใจ
ฉู่หลิวเยว่เอนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมานั่งเท้าคาง
ต่อหน้าตู๋กูโม่เป่า นางไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนสิ่งเหล่านี้ และสามารถบอกเขาตามตรงได้
“ดี ไม่สิ มันดีมากเลย!”
มือเรียบนวดแก้มของตนอย่างเพลิดเพลิน
“ข้ารู้สึกว่า ข้าอยากกลับไปที่นั่นอีกหลายๆ ครั้ง!”
หากคนอื่นได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาอาจคิดว่าฉู่หลิวเยว่เสียสติไปแล้วแน่ๆ
แต่ตู๋กูโม่เป่ากลับไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใด เขาทำเพียงหลุบตาลงเล็กน้อย แพขนตายาวหนาสั่นไหวเบาๆ ปิดบังคลื่นอารมณ์บางอย่างในดวงตาของเขา
“ไยถึงเป็นเช่นนั้น?”
เขาถามกลับเสียงเบา
ฉู่หลิวเยว่จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเขาเฝิงหมินให้เขาฟังพอสังเขป
“…อย่างใดเสีย ขณะที่ข้าฝึกปราณอยู่ที่นั่น ทุกอย่างล้วนราบรื่นมาก และเหมือนว่าจะดีกว่ายามอยู่ข้างนอกเสียอีก…”
ฉู่หลิวเยว่เงียบเสียงลงพักหนึ่ง นางไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนั้นอย่างใดดี
คล่องตัวกว่า?
สบายกว่า?
นางอธิบายไม่ได้จริงๆ
นางเกิดมาพร้อมชีพจรเทียนจิง และมีความสามารถในดูดกลืนพลังปราณดั้งเดิมของสวรรค์และโลกที่แข็งแกร่งมาก
แต่เมื่ออยู่ในนั้น พลังปราณเดิมจำนวนมหาศาลเหล่านั้น กลับให้สัมผัสที่อ่อนโยนและละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ
ยามที่มันหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย นางสามารถผสานพลังปราณเหล่านั้นเข้าด้วยกันได้ โดยไม่ต้องลงแรงแต่อย่างใด
ซึ่งนางไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
“หรือจะมีสิ่งพิเศษบางอย่างซ่อนอยู่ที่นั่น? ถึงได้ทำให้พลังปราณในห้องนั้น แตกต่างจากพลังภายนอก?”
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองตู๋กูโม่เป่า
“พี่เป่า เจ้าว่าเช่นไร?”
แม้ผู้อาวุโสวั่นเจิงจะบอกว่าเขาไม่ใช่ผู้อาวุโสของสำนักวิชา แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่แล้ว เขาน่าจะคุ้นเคยและรู้จักสำนักหลิงเซียวแห่งนี้ดีระดับหนึ่ง
บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องภูเขาเฝิงหมินมากกว่าคนอื่นก็ได้?
“หอคอยเจ็ดชั้นแห่งภูเขาเฝิงหมินนั้น เดิมทีเป็นสถานที่พิเศษของสำนักวิชา มิเช่นนั้นคงไม่ใช่สถานที่สำหรับการลงโทษขั้นรุนแรงหรอก”
น้ำเสียงของตู๋กูโม่เป่าฟังดูไม่แยแส ราวกับไม่สนใจเรื่องเช่นนี้
“จากประสบการณ์เหล่านั้นที่เจ้าพบมา…ดูๆ แล้วก็ไม่มีอันใดผิดแปลก”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด แต่ก็ยังมีบางจุดที่ไม่เข้าใจ
“ในเมื่อมันถูกใช้เป็นสถานที่ลงโทษ หลังจากเข้าไปข้าควรจะรู้สึกอึดอัดสิ แต่ไฉนมันถึงตรงกันข้ามกันเช่นนี้?”
ตู๋กูโม่เป่าเงยหน้าขึ้นและถามย้อนเสียงนิ่ง
“ตัวเจ้าเหมือนกับคนปกติเสียเมื่อไร?”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
แวบหนึ่งที่นางรู้สึกตอบกลับไม่ได้…
เส้นทางในการบำเพ็ญเพียรของนาง ดูจะแตกต่างจากคนทั่วไปจริงๆ
“หรือเพราะข้าเกี่ยวข้องกับภูเขาเฝิงหมิน?”
นางพึมพำอย่างลังเล
แต่พูดให้ถูกก็คือ เกี่ยวข้องกับบางอย่างในช่องว่างหลังประตูบานนั้นต่างหาก
นางเลือกประตูบานเดิมถึงสองครา และสงสัยว่าถ้ากลับไปที่นั่นอีกครั้ง นางจะยังเลือกประตูบานเดิมอยู่หรือไม่?
เมื่อเกิดความคิดที่ดูเป็นอันตรายนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็รีบบังคับตัวเองให้เก็บงำมันไว้ทันที
…นางเข้ามาที่นี่เพื่อฝึกฝนเล่าเรียน ไม่ใช่สร้างปัญหา!
“เจ้าใกล้จะทะลวงขึ้นระดับเจ็ดขั้นกลางแล้วหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าจ้องมองนางอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่ระบายยิ้มออกมาทันควัน
“ถูกต้อง! ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดอยู่เลยว่ามันไม่น่าจะเร็วเพียงนั้น แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากฝึกอยู่ภูเขาเฝิงหมินสิบวัน จะทำให้ข้าพัฒนาไปได้เร็วขนาดนี้”
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานนางได้ทะลวงผ่านแน่นอน
ตู๋กูโม่เป่าพลันสะบัดมือเล็กๆ ของเขา กระดานหมากรุกพราวแสงเรืองรองจางๆ ปรากฏขึ้นระหว่างคนทั้งสอง
“ถ้าอย่างนั้น ก็มาเล่นต่อจากครั้งที่แล้วเถอะ!”
…
นับตั้งแต่เล่นหมากรุกกับตู๋กูโม่เป่ามา ครั้งนี้ถือว่าฉู่หลิวเยว่เดินหมากได้มากที่สุด
แต่แน่นอนกว่าจะจบเกม ก็เล่นเอานางเหน็ดเหนื่อยจนเกือบหมดแรงเช่นกัน
อย่างใดเสีย ไม่รู้เพราะวันนี้เขาเห็นนางเผชิญกับอันใดมาเยอะหรือเปล่า ตู๋กูโม่เป่าถึงยอมปล่อยนางไปง่ายๆ
ครั้นเหม่อมองท้องนภาอันมืดมิดด้านนอกแล้ว ตู๋กูโม่เป่าก็ผุดลุกขึ้นแล้วลอยตัวขึ้นเหนือเก้าอี้
ฉู่หลิวเยว่ถามอย่างแปลกใจ
“พี่เป่า นี่เจ้าจะ…ไปแล้วหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าไม่ตอบ หากแต่พยักหน้าเล็กน้อย
“เจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่เถอะ”
“แล้วเจ้าจะไปไหน?”
เมื่อถึงตรงนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า นางยังไม่ได้ถามเขาเลยว่าป่านนี้แล้ว เขายังจะไปเตร็ดเตร่ที่ใดอีก
ถ้าเขายังวนเวียนอยู่ในสำนักวิชา เช่นนั้น…
“ข้าจะไปจัดการธุระส่วนตัว”
คำตอบของตู๋กูโม่เป่าสั้นกระชับได้ใจความ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการกล่าวอันใดเพิ่มเติม
“พรุ่งนี้เวลาเดิม ข้าจะมาใหม่”
ฉู่หลิวเยว่รีบร้องเรียกเขาทันควัน “เดี๋ยว…พี่เป่า! วันพรุ่งเพลานี้ข้าจักไม่อยู่ห้อง!”
ตู๋กูโม่เป่าหันศีรษะมามอง พลันขมวดคิ้ว
“ความหมายเช่นไร?”
“คือ ความจริง… ประเดี๋ยวข้าก็จะออกไปข้างนอกแล้ว จากนี้หนึ่งเดือนและทุกคืน ข้าจักไม่อยู่ห้อง”
ทันใดนั้น ตู๋กูโม่เป่าก็เข้าใจบางอย่าง รูม่านตาสีม่วงฉายแววสงสัย ก่อนจะหรี่ลงอย่างอันตราย
“เจ้า..จะไปภูเขาหมื่นเมรัยหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างสัจจริง
“กว่าข้าจะชนะการประลองนั้นไม่ง่ายเลย แน่นอนว่าข้าจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!”
เพื่อสิ่งนี้นางยอมทำให้หลิ่วอินถงขุ่นเคืองใจ หากไม่ไปจะไม่เป็นการสูญเปล่าหรอกหรือ?
ตู๋กูโม่เป่าสบถเสียงเย็นชา
“เพื่อเจ้ากษายะหางวายุตัวนั้นน่ะหรือ?”
ทันทีที่พูดจบ ถวนจื่อก็วิ่งพรวดออกมาและนั่งยองๆ บนไหล่ของฉู่หลิวเยว่ มันสยายปีกไปมาแล้วผงกหัวหงึกหงึกไม่หยุด ระคนภูมิอกภูมิใจ
…ถูกต้องที่สุด!
ตู๋กูโม่เป่าจ้องมองมันด้วยสายตาเย็นเฉียบ
“ถึงเจ้าไม่ไปที่นั่น เมื่อความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้น สายเลือดในกายของมันก็จะค่อยๆ ถูกกระตุ้นขึ้นมาเอง”
ฉู่หลิวเยว่ไม่แปลกใจที่ตู๋กูโม่เป่าจะรู้เรื่องนี้ นางยักไหล่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้ารู้ แต่ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ข้าก็ไม่อยากปล่อยมันไปง่ายๆ ถ้าต้องรอจนกว่าข้าจะทะลวงถึงระดับเทพ…ใครจะไปรู้ว่าต้องรอถึงเมื่อใด?”
ตู๋กูโม่เป่าขวดคิ้วพลางลังเล
จริงๆ แล้วมันอาจใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด…
แต่เขากลับบอกนางเช่นนี้ไม่ได้
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ก็ช่างมันเถอะ แต่…”
ตู๋กูโม่เป่าหยุดชะงัก
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่บนเขาหมื่นเมรัยในเวลาต้องห้าม”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นระส่ำ
พลันหัวเราะฮาฮาออกมาอย่างกล้ำกลืน
“แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าเคยติดอยู่ในนั้นมาครั้งหนึ่งแล้ว มันต้องไม่มีครั้งที่สอง!”
ตู๋กูโม่เป่ามองนางด้วยสายตาจริงจัง
ฉู่หลิวเยว่พลันกระจ่าง
“พี่เป่า เจ้ารู้เรื่องความลับของตาน้ำพุบนเขาหมื่นเมรัยใช่หรือไม่?”
ตู๋กูโม่เป่าปิดปากเงียบ
“เช่นนั้น เจ้าช่วยบอกข้า…แค่กๆ ล้อเล่น ล้อเล่น!”
พูดยังไม่ทันจบ ฉู่หลิวเยว่ก็จำต้องรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างชาญฉลาด
ตู๋กูโม่เป่าหันหลังกลับแล้วเดินออกไปข้างนอก
ฉู่หลิวเยว่ยังถามต่อ
“พี่เป่า เจ้าบอกว่าหากข้าทำความผิดครั้งใหญ่ขณะอยู่ในสำนัก หรือยั่วยุผู้มีอำนาจ เช่นนั้นชีวิตน้อยๆ นี้…”
ตู๋กูโม่เป่าหยุดฝีเท้า
“มีข้าอยู่ จะไม่ให้ใครคิดเอาชีวิตเจ้าได้ อีกอย่าง…”
เขาตะคอกอย่างเย็นชา
“หรงซิวก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อยเช่นนั้น!”