ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1180 สาดโคลนใส่หน้า
ตอนที่ 1180 สาดโคลนใส่หน้า
“เหลี่ยงเซียวเซียว!”
หลิ่วอินถงขู่ฟ่อประหนึ่งแมวถูกเหยียบหาง ก่อนจะทนไม่ไหวแล้วตะโกนออกไปในที่สุด
“อย่าลืมว่าข้ายังเป็นศิษย์พี่หญิงของพวกเจ้า! ช่วยเคารพกันด้วย!”
“ศิษย์พี่หญิงหรือ?”
เหลี่ยงเซียวเซียวแย้มยิ้มอย่างน่ารัก
“ศิษย์พี่หญิงที่เข้าสำนักเร็วว่าพวกเราครึ่งปี แต่ความแข็งแกร่งในตอนนี้ยังตามหลังเราเป็นโยชน์น่ะหรือ?”
มันคือคำพูดที่เต็มไปด้วยการประชดประชัน
ใบหน้าของหลิ่วอินถงแดงก่ำด้วยความโกรธ นัย์ตาของนางร้อนผ่าวเสมือนมีเปลวไฟลุกโชน!
คนเหล่านี้…ช่างปลิ้นปล้อนสิ้นดี!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อย
สารภาพรัก…ต่อหน้าศิษย์ทั้งสำนัก?
หืม ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ของหรงซิวในสำนักวิชาจะดูไม่เลวเลยนะ
ไม่แปลกที่บรรยากาศระหว่างหลิ่วอินถงและเจียงจื่อหยวนจะคุกรุ่นเช่นนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูหัวใจ ย่อมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้
นางเดาว่าสองคนนี้เคยไปแอบประลองกันลับๆ มาแล้วหลายครั้ง
แต่เห็นได้ชัดว่ายามนี้หลิ่วอินถงกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ส่วนฝ่ายนั้นได้เปรียบด้านจำนวนคน และค่อนข้างแข็งแกร่งกว่านาง ไม่แปลกที่นางจะรู้สึกอับอายเช่นนี้
“เซียวเซียว”
เจียงจื่อหยวนส่งเสียงราวเป็นสัญญาณสงบศึก
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะพูดถึงมันอีกเหตุใด? อย่างใดเสีย…”
อย่างใดเสียคนที่ได้อยู่เคียงข้างหรงซิวตอนนี้ก็ไม่ใช่พวกนางสองคน
เจียงจื่อหยวนรู้มาตั้งนานแล้วว่า มีศิษย์ในสำนักวิชาหลายคนแอบชอบพอหรงซิว
แต่ถ้านางต้องคอยขัดขวางทุกคน คงได้เหนื่อยตายก่อนพอดี
แต่ที่นางผิดใจกับหลิ่วอินถงเช่นนี้ ก็เพราะอีกฝ่ายข้ามหน้าข้ามตานางต่างหาก
มีคนมากมายที่แอบชอบหรงซิว แต่ส่วนใหญ่จะไม่กล้าสารภาพกับเขา
ทว่าหลิ่วอินถงผู้นี้กลับ…สารภาพกับหรงซิวต่อหน้าสาธารณชน
ตอนนั้นเหตุการณ์นี้อื้อฉาวมากเสียจนเจียงจื่อหยวนร้อนรุ่มในใจพลางคิดไม่ตก
แม้ว่าช่วงนั้นหรงซิวจะไม่ได้ชายตามองหลิ่วอินถงเลย แต่ในเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้ว ก็เป็นเจียงจื่อ
หยวนเสียเองที่ทนไม่ได้ และไม่ยอมปล่อยวางง่ายๆ
และที่นางทนไม่ได้ยิ่งกกว่าก็คือ ตอนนั้นหรงซิวบอกหลิ่วอินถงว่า
…เขามีคนรักอยู่แล้ว
ประโยคนี้ไม่เพียงตัดโอกาสหลิ่วอินถงเท่านั้น แต่ยังตัดโอกาสของแม่นางทั้งสำนักวิชาเลยด้วย
หลังจากหลิ่วอินถงรู้เช่นนั้น นางก็เผลอคิดว่าเป็นเจียงจื่อหยวน พลันไปตามรังควาญเจียงจื่อหยวนอีกครั้ง
แต่พวกนางต่างก็มิใช่ตัวจริงของเขา
แม้หรงซิวจะไม่ได้อยู่ในสำนักวิชาแล้ว แต่ความแค้นเคืองระหว่างสองนางก็ยังดำเนินต่อไป และหากบังเอิญได้พบกัน ก็จะบังเกิดสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้ขึ้นทุกครา
ช่วงแรกก็ยังพอไหว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เจียงจื่อหยวนที่เข้าเรียนทีหลัง กลับค่อยๆ แซงหน้าหลิ่วอินถง และเนื่องจากข่าวลือที่คลุมเครือระหว่างนางกับหรงซิว ทำให้หลายคนในสำนักวิชาอยากผูกมิตรกับนาง
ความแข็งแกร่งของเจียงจื่อหยวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก นางขยายอาณาเขตของตนแล้วบดขยี้หลิ่วอินถง
อย่างรวดเร็ว
เป็นผลให้ชีวิตในสำนักวิชาของหลิ่วอินถงเริ่มอยู่ยากขึ้นทุกวัน
แม้เจียงจื่อหยวนมิได้เอ่ยต่อ แต่ด้วยท่าทีนิ่งสงบเช่นนั้น ทำให้ทุกคนมองออกว่านางมิได้สนใจหลิ่วอินถงเลย
เหลี่ยงเซียวเซียวยิ้มเยาะหนึ่งที
“ก็ได้ๆ! ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้น…ศิษย์พี่หญิงหลิ่ว ไปดีมาดีแล้วกัน ไม่ส่งนะ?”
หลิ่วอินถงหน้าบึ้งตึงขึ้นทันตา และเตรียมจะด่ากลับ แต่กงเซิ่งหยุดนางไว้ก่อน
ใบหน้าที่มักจะแสดงท่าทีเหยียดหยามผู้อื่น ปรากฏร่องรอยความกังวลที่หาได้ยาก
“ใจเย็นก่อน อาถง”
พวกเขาในตอนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนั้น
หลิ่วอินถงสะบัดมือออก
“ข้ากลับเองได้!”
หากแต่ก้าวเท้าได้ครึ่งก้าว ก็พลันได้ยินเสียงของเจียงจื่อหยวนโพล่งขึ้นจากทางด้านหลัง
“…หือ หัวเสียไปไย…ไม่เห็นต้องหัวเสียเพราะคนแบบนี้เลย…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดความโกรธที่ถูกระงับไว้ในใจของหลิ่วอินถง ก็ระเบิดออกมาอย่างสุดจะทน!
นางหันกลับมาด้วยความโมโห แล้วย่ำเท้าเข้าไปหาคนเหล่านั้นทันที!
ครั้นเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของนาง กงเซิ่งก็รีบไปดึงรั้งนางไว้
“อาถง…”
แต่หลิ่วอินถงรีบผละตัวไปอีกทาง โดยไม่ยอมให้เขาแตะต้องนางด้วยซ้ำ
เมื่อสัมผัสได้ว่าหลิ่วอินถงตบะแตกของจริง เหลี่ยงเซียวเซียวและคนอื่นๆ พลันหันมามอง
“เจียงจื่อหยวน!”
หลิ่วอินถงยืนนิ่ง ดวงตาของนางจับจ้องไปที่เจียงจื่อหยวน
หลิ่วอินถงกระหยิ่มยิ้มเยาะ
“แล้วเจ้าดีเลิศเพียงใด? เจ้าคิดว่าหรงซิวมีใจให้เจ้าจริงๆ หรือ? ก่อนหน้านี้มีข่าวลือแพร่หลายในสำนักวิชาว่า หรงซิวได้เลือกพระชายาแล้ว! และคนผู้นั้นมิใช่เจ้า! เจ้าเชื่อมาตลอดว่าเจ้าจะได้เป็นพระชายาแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้าย แม้แต่นางสนมเจ้าก็ยังไม่มีสิทธิ์เลยด้วยซ้ำ!”
นางเอ่ยสิ่งเหล่านั้นออกไปอย่างว่องไว ระรัวราวกับกระสุนปืนใหญ่ ที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้!
สีหน้าของเจียงจื่อหยวนเปลี่ยนไปทันควัน!
“หลิ่วอินถง เจ้าคนอวดดี!”
หลิ่วอินถงหัวเราะเยาะเย้ย
“ข้าน่ะหรืออวดดี? เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาพูดกับข้าเช่นนี้? หากพูดถึงชาติตระกูลแล้ว เซียนสุ่ยหลิงของเจ้าก็เป็นเพียงชนเผ่าหนึ่งภายใต้การปกครองของพระราชวังเมฆาสวรรค์เท่านั้น หรือก็แค่ตระกูลชั้นสอง! ส่วนด้านวุฒิภาวะ ทั้งๆ ที่เจ้าเข้ามาหลังข้า แต่กลับไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโส! และในแง่ความแข็งแกร่ง…เจ้าได้ลำดับในแขนงจอมยุทธ์สูงกว่าข้า แต่ข้ามีชื่อติดอันดับถึงสองแขนง ถ้าเทียบกันแล้ว ข้าไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเลย!”
“แม้แต่ข้ายังไม่ได้รับเลือกให้เป็นพระชายาแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ แล้วคิดว่าเจ้าจะได้หรือ!?”
เพี๊ยะ!
ในที่สุดเจียงจื่อหยวนก็ทนไม่ไหว นางยกมือขึ้นพลันตบหน้าหลิ่วอินถงฉาดใหญ่!
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของนางสูงกว่าหลิ่วอินถง ดังนั้นหลิ่วอินถงจึงหลบฝ่ามือนี้ไม่ทัน
ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบกริบ
ฉู่หลิวเยว่ลูบปลายคางด้วยความสนอกสนใจ พลางแสยะยิ้มเบาๆ
ขนาดตัวไม่อยู่ ยังสร้างความวุ่นวายได้เช่นนี้ ช่างร้ายกาจเสียจริงนะ…
“เจียงจื่อหยวน!”
กงเซิ่งรุดไปข้างหน้าแล้วประคองหลิ่วอินถง พร้อมขมวดคิ้วมุ่น
“เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
เจียงจื่อหยวนนึกเสียใจหลังจากเผลอตบอีกฝ่าย
เมื่ออยู่ข้างนอกนางจะวางตัวดีอยู่เสมอ ใครจะคิดว่าเมื่อครู่นางจักฟาดมือใส่คนอื่นด้วยโทสะเช่นนั้น…
สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่นาง
เปลือกตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็ว พร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
“ข้า…ข้ามันไร้ความสามารถ! เขาไม่ชอบ สัญญาของผู้ใหญ่ รักในวัยเด็กอันไร้ประโยชน์ ถ้าเขาชอบ ต่อให้เป็นคนนอกพรมแดนก็ไม่มีปัญหา แล้วข้าเล่า?”
พอพูดจบ นางก็ย่ำเท้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว! จื่อหยวน!”
เหลี่ยงเซียวเซียวตะโกนเรียก ก่อนจะหันไปพูดกับคนในกลุ่มด้วยความร้อนรน
“พวกเจ้าตกใจอันใดกัน? ยังไม่รีบตามไปอีก!”
จากนั้นพวกเขาก็วิ่งรีบตามไป
เหลี่ยงเซียวเซียวก้าวเท้าออกไปสองสามก้าว พลันหันกลับมามองหลิ่วอินถง
“ความแค้นในวันนี้ พวกข้าจักจำไว้!”
ครั้นพูดจบ ร่างเงาตรงหน้าก็พลันหายวับไปจากครรลองสายตาของทุกคน
หลิ่วอินถงหน้าซีดกว่าเดิม
และเพิ่งตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นางทำอันใดลงไป!
ฉู่หลิวเยว่ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอก ปลายนิ้วเรียวยาวเคาะลงบนแขนของตนไปมา พลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
นี่คือ…การสาดโคลนใส่หน้า[1]อีกฝ่ายตรงๆ เลยใช่หรือไม่?
[1]การสาดโคลน เป็นสำนวนที่ใช้เปรียบเรื่องการว่าร้าย ด่าทอ ใส่ร้ายคนคนหนึ่งแบบต่อหน้าต่อตา