ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1190 ประจันหน้า
ตอนที่ 1190 ประจันหน้า
เสียงระเบิดกัมปนาทครานี้ทำให้ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรับรู้ถึงการมีอยู่ของฉู่หลิวเยว่ได้สำเร็จ
ประเด็นก็คือเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ว่องไวนัก ในใจเขากำลังนึกอยากเรียกหาคนอยู่แล้ว ด้วยอารามพะวักพะวนเมื่อมองเห็นผู้อาวุโสวั่นเจิง จึงเอ่ยปากเรียกออกไปเสียเดี๋ยวนั้น มิทันได้เห็นว่าด้านข้างกันนั้นยังมีฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ด้วย
ภายในลานนั้นพลันเงียบกริบลงในบัดดล
มีเพียงกลิ่นไหม้ที่ลอยคลุ้งไปทั่วที่เป็นสิ่งป่าวประกาศชัดเจนว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องอันใดขึ้น
สายตาของฉู่หลิวเยว่จดจ้องไปยังหม้อต้มที่ไฟมอดลงแล้ว ทั้งภายในและบริเวณขอบหม้อล้วนเปรอะคราบดำเขรอะ
พลาดไปแค่ก้าวเดียวเท่านั้น…
แม้แต่ลวดลายด้านบนเองก็กำลังจะวาดสลักลงไปได้เสร็จสมบูรณ์อยู่แล้วเทียว!
มือของนางค่อยๆ กำเข้าหากันแน่น
บรรยากาศพลันหนักอึ้งและดูเปราะบางขึ้นมาโดยพลัน
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถึงได้รู้สึกตัวว่าตนทำอันใดพลาดไป เขาเผยอปากอ้าๆ หุบๆ พลางมองไปยังผู้อาวุโสวั่นเจิงด้วยสายตากระวนกระวายอยู่หลายส่วน
“คือว่า…ข้าคงมาผิดเวลาไปหน่อยกระมัง…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงปรายตามองเขาด้วยสายตาทะมึน
นี่ยังต้องถามอีกหรือ?!
เมื่อครู่นี้อีกนิดเดียวเจ้าเด็กนั่นก็จะทำสำเร็จอยู่แล้ว!
ที่เขาพยายามยับยั้งชั่งใจมาโดยตลอด อดทนอดกลั้นไม่เดินจากไปเสียก่อน ก็เพราะอยากรอดูฉู่เยว่หลอมยาอายุวัฒนะระดับเก้าได้สำเร็จ!
มาตอนนี้โชคดีเสียไม่มี! ดันล้มเหลวในช่วงเวลาสุดท้ายเอาเสียได้!
“คือว่า ฉู่เยว่เอ๊ย…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเองก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย ในตอนที่คิดจะออกปากอธิบายสักสองสามประโยค เขาก็เห็นเด็กหนุ่มผู้นั้นหมุนกายหันมาหาแล้ว
บนดวงหน้าของเขาที่มักจะปรากฏแววอ่อนโยนนุ่มนวลอยู่เสมอ บัดนี้กลับไร้ซึ่งรอยยิ้มอย่างเคย ยิ่งทวีความเย็นชาที่บรรยายออกมาไม่ได้ขึ้นมาหลายส่วน
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิงขอรับ”
เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเย็นยะเยือก
ในใจของผู้อาวุโสฮวาเฟิงพลันสั่นไหวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เขาตอบรับออกไปโดยไม่รู้ตัว
“อือ”
“เมื่อครู่ท่านพูดว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ฝางโจว? หรงซิว…พวกศิษย์พี่หรงซิวกำลังถูกล้อมโจมตีอย่างนั้นหรือขอรับ?“
“ใช่น่ะสิ! เอ๋? เหตุใดเจ้าถามถึงเรื่องนี้กันเล่า?”
เดิมทีผู้อาวุโสฮวาเฟิงคิดว่าเป็นเพราะนางโมโหที่ยาอายุวัฒนะถูกทำลายไม่มีชิ้นดีจึงอยากจะต่อปากต่อคำกับเขาสักตั้ง คิดไม่ถึงว่านางจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาเสียได้ เขาจึงผงกศีรษะตอบรับไปอย่างไม่ได้คิดอันใดมาก
ทว่าหลังจากที่เอ่ยจบ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าการให้ศิษย์สำนักรู้ถึงเรื่องนี้นั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จึงเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกว่า
“แต่เจ้าวางใจเถอะ นี่พวกข้าเองก็กำลังจะไปที่นั่นกัน ไม่มีปัญหาใหญ่อันใดหรอกหนา”
พูดพลาง เขาก็หันหน้าไปมองทางผู้อาวุโสวั่นเจิงแล้วส่งสายตาเป็นนัยไปให้
ผู้อาวุโสวั่นเจิงลอบถอนใจออกมา
“ฉู่เยว่ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ เรื่องของด้านนอกปล่อยให้พวกเหวยซือเป็นคนจัดการเอง”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง
หากว่าสถานการณ์มันแก้ไขได้ง่ายดายปานนั้น ตอนที่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมาถึงนี่ก็คงไม่กระวนกระวายใจหนักถึงเพียงนี้ อีกทั้งคงไม่พูดอันใดแบบนั้นออกมาเป็นแน่
เรื่องเหล่านั้นที่พวกเขาเอ่ยออกมาคงไม่พ้นเพื่อปลอบใจนางก็เท่านั้น
ทว่านางมิได้เผยความคิดของตนออกมา ทว่ากลับแสร้งว่าเชื่อในคำพูดนั้นแล้วเพียงเท่านั้นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา
“เช่นนั้นก็ดีแล้วขอรับ ศิษย์ยังคิดอยู่เลยว่า…จริงๆ แล้วเมื่อครู่ที่ท่านอาจารย์คิดจะจากไป เป็นเพราะว่าข้าทำผิดพลาดในการหลอมยาเสียอีก”
นางเหลือบมองไปยังผู้อาวุโสวั่นเจิง
“ท่านอาจารย์ขอรับ ท่านเองก็รีบไปดูสถานการณ์กับผู้อาวุโสฮวาเฟิงเถิด!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงพ่นลมหายใจออกมาอีกครา
“ก็ดีเหมือนกัน น่าเสียดายที่วันนี้ยาอายุวัฒนะของเจ้า…เดิมทีก็สามารถหลอมให้สำเร็จได้…”
ฉู่หลิวเยว่พลันหัวเราะออกมา
“ศิษย์พอจับทางได้บ้างแล้วขอรับ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องสำเร็จได้แน่ ท่านมิต้องเป็นกังวลไป เพียงแต่ว่า… คำสัญญาตอนก่อนนี้ของท่านยังคงนับอยู่กระมังขอรับ?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงเห็นนางอารมณ์ดีขึ้นแล้ว อีกทั้งไม่ตีโพยตีพายเพราะตนพ่ายแพ้ ในใจจึงรู้สึกชื่นชมอยู่มากมายนัก
“แน่นอนว่ายังนับอยู่สิ! อีกอย่างเรื่องในวันนี้ก็เป็นความรับผิดชอบของผู้อาวุโสฮวาเฟิงด้วยส่วนหนึ่ง ไปขอคะแนนสะสมจากเขาสักหน่อย หนึ่งเป็นการไถ่โทษก็ถือเป็นอันใช้ได้แล้ว!”
ทางด้านผู้อาวุโสฮวาเฟิงนั้นหารู้ไม่ว่าศิษย์อาจารย์ทั้งสองกำลังอุบอิบอันใดกัน แต่เมื่อได้ยินคำว่าขอคะแนนสะสม ตัวเขาที่ไม่ได้ยึดถือมันเป็นเรื่องใหญ่อันใดก็รีบตอบตกลงไปในทันที
“ถูกต้องแล้ว! เดี๋ยวกลับมาข้าจะชดใช้คืนให้อย่างงามเลย!”
รอยยิ้มบริเวณมุมปากของฉู่หลิวเยว่เข้มขึ้นหลายส่วน นางก้มคำนับเขาอย่างนอบน้อม
“เช่นนั้นศิษย์ไม่ขอรั้งท่านอาจารย์ไว้แล้ว ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงคิดว่านางต้องการกลับไปครุ่นคิดถึงเรื่องการหลอมยาใหม่จึงตอบรับคำทันที
พอนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ด้านนอกยังมีปัญหาหลายอย่างที่ยังไม่ได้จัดการ ผู้อาวุโสทั้งสองจึงพากันรีบรุดจากไปในทันที
ไม่นานนัก บนไหล่เขาก็เหลือฉู่หลิวเยว่อยู่เพียงผู้เดียว
เมื่อเงาร่างของผู้อาวุโสทั้งสองหายจากครรลองสายตาไปแล้ว รอยยิ้มบนดวงหน้าของฉู่หลิวเยว่ก็ค่อยๆ เลือนหายไป ภายในนัยน์ตาสีดำขลับราวกับว่ามีกระแสคลื่นใต้น้ำกำลังสาดซัด
เมืองฝางโจวอย่างนั้นหรือ?
นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าไล่ตามมาถึงที่นี่ มาหาเรื่องสำนักหลิงเซียวนี่นะ?
ที่สำคัญก็คือ…
“ของสิ่งนั้น” คืออันใดกันแน่?
เพราะว่ามันอยู่กับหรงซิว เพราะแบบนั้นตอนนี้หรงซิวเลยตกที่นั่งลำบากอย่างนั้นสินะ?
นางหมุนกายกลับลงเขาไป
…
ณ เมืองฝางโจว
บนกลางอากาศ บรรดากองกำลังต่างก็ยืนคุมเชิง ไม่ยอมอ่อนข้อลงให้กันและกันเลยแม้แต่น้อย
หรงซิวยืนอยู่ตรงกลาง รอบข้างกายเขาคือคนของสำนักปีกสุวรรณที่กำลังยืนล้อมรอบเขาเอาไว้อยู่
ส่วนด้านนอกอีกที่หนึ่งนั้นตามด้วยพวกผู้อาวุโสซูเฟิง และยังมีคนของสำนักหลิงเซียวที่ทยอยพากันมาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งในตอนนี้เอง จำนวนคนก็มากขึ้นเรื่อยๆ
ภายในเมืองฝางโจวที่อยู่ด้านล่าง ฝูงชนจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนพากันแหงนหน้าขึ้นมอง ในใจต่างก็สั่นผวากันถ้วนทั่ว
ใครจะไปคิดกันเล่า ว่าจะได้เห็นภาพเช่นนี้จากเมืองฝางโจวที่อยู่รอบนอกของสำนักหลิงเซียว!?
บรรดาผู้คนที่ลอยอยู่กลางอากาศเหล่านั้น ต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งจากตระกูลระดับแนวหน้าของอาณาจักรเสิ่นซวี่ด้วยกันทั้งสิ้น!
อีกทั้งในตอนนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเป้าหมายที่พวกเขาเล็งกันอยู่นั้นก็คือหรงซิว!
ดวงหน้าของพวกผู้อาวุโสซูเฟิงล้วนดูไม่ได้กันเป็นอย่างมาก เพราะหากยึดตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้า ขอเพียงปลดค่ายกลออก พวกเขาก็จะสามารถสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายขึ้นมาและกลับไปยังสำนักได้โดยทันที คาดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะทำตัวเหมือนหนอนไชกระดูกก็มิปาน ยังจะคิดตามมาอีก!
นั่นทำให้อารมณ์ของพวกจินเหลยย่ำแย่ยิ่งกว่าเก่า
เดิมพวกเขาคิดที่จะรีบมาเมืองฝางโจวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วค่อยหาทางขโมยเอาของกลับไป
ใครจะรู้ได้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของหรงซิวแข็งแกร่งยิ่งนัก สถานการณ์ก็เลยยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้!
คนจากสำนักหลิงเซียวพากันมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่!
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป สถานการณ์ของพวกเขาก็มีแต่จะย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม!
ต้องรีบจบการต่อสู้ให้ได้เร็วที่สุด!
ทว่าทั้งสองฝั่งต่างก็กริ่งเกรงกันอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงตกอยู่ภายใต้สถานการณ์อิหลักอิเหลื่อ
ในที่สุด จินเหลยก็เงื้อขวานในมือขึ้น ก่อนจะทะยานออกไปพร้อมเสียงอัสนีคำราม! พุ่งตรงไปยังด้านของหรงซิว!
“ทุกคนบุกเข้าพร้อมกัน! จัดการมันซะ!”