ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1195 ความสามารถของหรงซิว
ตอนที่ 1195 ความสามารถของหรงซิว
ผู้อาวุโสวั่นเจิงและคนอื่นๆ ชะงักไป
ในตอนนั้นเอง จินเหลย และคนอื่นๆ ก็ขยับตัวแล้ว!
แทบจะในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสทุกท่านของสำนักก็รีบตามเขาไปในทันที!
แต่กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้
ท้ายที่สุดแล้วในตอนนี้ก็มีผู้อาวุโสจำนวนไม่น้อยจากสำนักทางนี้ได้ออกมาแล้ว สำหรับคนทั่วไปแล้ว โดยพื้นฐานนั้นถือว่าทั้งคู่ยุติธรรมมากแล้ว
แต่ในหมู่พวกเขานั้นมีคนหลายคนก้าวเท้าเร็วกว่าคนทั่วไปหนึ่งก้าว เพื่อล้อมตัวหรงซิว และฉู่หลิวเยว่เอาไว้
ทันใดนั้นหรงซิวก็ขยับเข้ามาใกล้ พร้อมตบไหล่ของฉู่หลิวเยว่เบาๆ
“เจ้ารออยู่ที่นี่เฉยๆ เถอะ ที่เหลือข้าจัดการเอง”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าไหล่ของตัวเองหนักอึ้ง
จากนั้นก็มีอันใดบางอย่างหล่นลงมาจากไหล่ของนางอย่างเงียบเชียบ
นางยกมือขึ้นมา แล้วเก็บของสิ่งนั้นลงไปในแหวนเฉียนคุนอย่างรวดเร็ว
นางเงยหน้ามองหรงซิว
ทั้งสองคนประสานสายตากัน และเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายอย่างชัดแจ้ง
นางพยักหน้าลงอย่างไม่ออกเสียง
“ศิษย์พี่ระวังตัวด้วย”
ในตอนนั้นเอง หรงซิวยกมือขึ้น พร้อมกางม่านพลังสีทองรอบตัวฉู่หลิวเยว่ด้วยความรวดเร็ว!
ต่อมาเขาก็ขยับตัวมายืนขวางด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่เอาไว้
“คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าคือข้า”
เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าราบเรียบ แต่กลับเห็นสีหน้าสูงส่ง และดูถูกคนอื่นที่มีมาแต่กำเนิดแผ่กระจายออกมา
“เข้ามาพร้อมกันเลย!”
คำพูดของหรงซิวได้ยั่วโมโหคนเหล่านั้น
“อย่าได้ใจไป!”
ช่วงหลายปีมานี้ หรงซิวที่มีฐานะโอรสสวรรค์ แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ ถือว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง
ตามข่าวลือบอกว่า ในปีนั้นมารดาของเขาได้ไปแต่งงานกับบุคคลธรรมดาที่ด้านนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ และได้ให้กำเนิดเขาขึ้นมา
เขาเกิดมาหลายปีแล้ว พระราชวังเมฆาสวรรค์ถึงค่อยตามตัวเขาจนพบ และรับเขากลับมา
ในตอนแรกพระราชวังเมฆาสวรรค์ตั้งใจจะกำจัดเขาโดยตรง
ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ สำหรับตระกูลลำดับหนึ่งของอาณาจักรเสิ่นซวี่ถือว่าเป็นรอยด่างพร้อยขนาดใหญ่
แต่สุดท้ายพระราชวังเมฆาสวรรค์ก็ยังเก็บเขาไว้
เพราะว่าเขามีพรสวรรค์ที่น่าตกใจ!
ต่อมาเขาไม่เพียงแค่จะสามารถมีชีวิตรอดอยู่ในพระราชวังเมฆาสวรรค์ได้ แต่เขายังได้รับตำแหน่งโอรสสวรรค์อีกด้วย!
ตามข่าวลือบอกว่า เขามีนิสัยโหดเหี้ยมมาตั้งแต่กำเนิด วิธีการล้วนร้ายกาจ
ไม่เช่นนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปี ผู้อาวุโสในพระราชวังเมฆาสวรรค์ ไม่มีทางออกไปปิดด่านฝึก เขาจึงสามารถควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งทำให้พระราชวังเมฆาสวรรค์ได้อยู่ในกำมือของเขาแล้ว
ดังนั้นจินเหลย และคนอื่นๆ จึงไม่ได้ดูเบาหรงซิวเลย
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเขาเช่นนี้ มันช่างทำให้เขารู้สึกโกรธขึ้นมาได้จริงๆ
หลังจากผ่านการต่อสู้เมื่อครู่นี้ พวกเขาก็ได้รู้ถึงฝีมือ และขีดกำจัดของหรงซิว
เขาสามารถต้านทานได้ในระยะเวลาหนึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หรงซิวไม่สามารถท้าทายคนจำนวนมากอย่างพวกเขาได้!
จินเหลยเป็นฝ่ายลงมือโจมตีก่อน!
ส่วนคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ด้านหลังก็ไม่ยินยอม พวกเขากลัวว่าทรัพย์สมบัติจะถูกจินเหลยแย่งชิงไปจนหมด จึงรีบตามติดไปอย่างรวดเร็ว!
หรงซิวลอยขึ้นกลางอากาศ พร้อมยกมือขึ้น
ลำแสงสีทองกลุ่มหนึ่ง ปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว!
ในตอนนั้นเอง ลมปราณบนร่างกายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
แรงกดดันที่ทำให้คนน่าประหลาดใจ โดยมีเขาเป็นศูนย์กลางพร้อมแพร่กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง!
หัวใจของจินเหลยสั่นไหว ทันใดนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
หลังจากผ่านการต่อสู้ที่หนักหน่วงเมื่อครู่นี้ พลังของหรงซิวควรจะอ่อนแรงลงสิถึงจะถูกต้อง เหตุใดเหมือนว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากตอนแรกเลยล่ะ?
ในตอนนั้นเอง หรงซิวก็เงยหน้าขึ้น
ดวงตาทั้งสองลึกล้ำ เปลวเพลิงสีทองลุกโชนสว่างวาบอย่างรวดเร็ว!
ทันใดนั้นจินเหลยก็เหมือนจะนึกอันใดขึ้นมาได้ ใบหน้าของเขามีประกายความตกใจปรากฏขึ้นมา
“เหตุใดเจ้าถึงฝึกถึงระดับเทพ…”
ปัง!
เขายังพูดประโยคนั้นไม่ทันจบ
หรงซิวสะบัดข้อมือเบาๆ กลุ่มลำแสงสีทองนั้นลอยออกไปอย่างเงียบเชียบ!
มันมีขนาดเท่ากำปั้น ด้านนอกเหมือนห่อหุ้มด้วยกระจกใสอีกหนึ่งชั้น ด้านในเต็มไปด้วยลำแสงสีทองเข้มข้น
ตอนที่มันลอยผ่านกลางอากาศ น่าประหลาดใจมาก ที่ไม่ทำให้เกิดระลอกคลื่นแห่งความผันผวนใดๆ
มันดูธรรมดาอย่างมาก ก่อนจะลอยไปด้านหน้าอย่างช้าๆ
แต่แววตาของจินเหลยกลับฉายความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน และรีบถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว!
คาดไม่ถึงว่าหรงซิวผู้นี้จะยังซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้!
เขาขยับถอยหลังด้วยความตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ราวกับว่ากลุ่มแสงสีทองเล็กๆ นี้ เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
เขาเร็วแล้ว แต่กลุ่มแสงสีทองนั้นเร็วกว่า!
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบว่า อากาศรอบข้างตนเองนั้น เปลี่ยนเป็นเหนียวหนืด และหนักอึ้งขึ้นมา!
ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจะต้องเปลืองแรงอย่างมาก!
“แรงกดดันในอาณาเขตเทพเซียนของเขาเหตุใดถึงแข็งแกร่งขนาดนี้!?”
ในตอนนั้นเองคนที่อยู่รอบข้างไม่กี่คนก็รู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติไป พวกเขาจึงส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ลำคอของจินเหลยตีบตัน เลือดทั่วทั้งร่างกายแข็งตัว ภายในสมองเต็มไปด้วยความสับสน!
หรงซิวเป็นโอรสสวรรค์ของพระราชวังเมฆาสวรรค์
ตามข่าวลือนั้น พลังภายในชีพจรของเขานั้นตื่นมาตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังได้หลอมกายสีทองของโอรสสวรรค์อีก
โอรสสวรรค์ร่างทอง ก็ถือว่าเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ชนิดพิเศษเช่นกัน
ซึ่งเป็นเคล็ดลับเฉพาะของโอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์เท่านั้น
ต่อให้ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นจะเลื่อนขั้นเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพ แต่ก็ไม่สามารถควบแน่นร่างศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองจนเป็นกลุ่มก้อนแบบนี้ได้
แต่พระราชวังเมฆาสวรรค์ไม่เหมือนกัน
เมื่อช่วงหลายปีที่ผ่านมา โอรสสวรรค์ของพวกเขาสามารถทะลวงขั้นผู้แข็งแกร่งระดับเทพได้ในเวลาเดียวกัน เขากระตุ้นพลังแห่งสายเลือด การหลอมโอรสสวรรค์ร่างทอง ถือว่าเป็นการสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง
และเพราะเหตุนี้ โอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ซึ่งมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด
แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย
หากหลอมโอรสสวรรค์ร่างทองไปแล้ว ก็จะไม่มีทางหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่านี้ได้แล้ว
ซึ่งนี่เป็นโซ่ตรวนขนาดใหญ่ของพวกเขา
แต่เมื่อครู่นี้เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน หรงซิว…แรงกดดันของโอรสสวรรค์ร่างทองแข็งแกร่งกว่าร่างศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน!
…เขามีร่างศักดิ์สิทธิ์สองร่าง!
อีกทั้งแรงกดดันของอาณาเขตเทพเซียนมีจำนวนมากขึ้นเป็นสองเท่า ไม่สิ! แข็งแกร่งขึ้นสองเท่า!
ตอนนั้นเองความคิดบ้าบอปรากฏเข้ามาในสมองของจินเหลยอย่างต่อเนื่อง ลำแสงสีทองกวัดแกว่งอยู่ด้านหน้าของเขา ห่างไปเพียงสามก้าวเท่านั้น!
สีหน้าของหรงซิวราบเรียบ ดวงตาจ้องมองมาทางเขา
ริมฝีปากบางของเขายกขึ้น พร้อมพ่นออกมาหนึ่งคำ
แรงกดดันหนักแน่น เหมือนกับคำพิพากษาอันศักดิ์สิทธิ์
“ทำลาย!”