ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1215 ฆ่าเขาเลยเถอะ
ตอนที่ 1215 ฆ่าเขาเลยเถอะ
สิ้นเสียงของหรงซิว
ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่พลันตกอยู่ในความเงียบ
ทุกสายตาล้วนจับจ้องมองเว่ยซิงผิง
หรงซิวเป็นถึงโอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ และได้บำเพ็ญเพียรกระทั่งบรรลุโอรสสวรรค์ร่างทองแล้ว ฉะนั้นโดยพื้นฐานแล้ว พลังปราณดั้งเดิมในกายของเขาย่อมมีความพิเศษอย่างมาก และมีรัศมีเรืองรองสีทองเปล่งปลั่งอันหาได้ยาก
“เจ้าว่าอย่างใดนะ เว่ยซีผิง?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกดเสียงต่ำ
เหงื่อเม็ดเย็นๆ ไล่ผุดขึ้นมาบนแผ่นหลังของเว่ยซีผิง พลันไหล่ซึมจนแทบชุ่มไปทั้งตัว
อาภรณ์ที่ปกคลุมกายแนบชิดไปตามเนื้อผิว พลันรัดแน่นจนรู้สึกไม่สบายตัว
เขาอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็หาเส้นเสียงของตนเจอ
“ข้า…ข้า…”
ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“นี่ถือเป็นเรื่องอัปยศสำหรับข้า! ข้าขอปฏิเสธ!”
ทว่าการตอบสนองเช่นนี้ของเขา หาได้ส่งผลต่อผู้อาวุโสที่อยู่ ณ ที่นี้ไม่
ผู้อาวุโสวูเฟิงยิ้มเยาะหนึ่งที
“หากเจ้าปฏิเสธ แสดงว่าเจ้ายอมรับ! แค่ขอให้เจ้าสร้างค่ายกลเอง เหตุใดกัน มันยากขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เว่ยซีผิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วเถียงกลับทันที
“วันนั้นคนพลุกพล่านนัก ใครๆ ก็ย่อมลงมือได้! ไฉนถึงสงสัยแต่ข้า?”
“เช่นนั้นก็ตรวจสอบมันหมดนี่แหละ!”
ยิ่งเห็นท่าทีของเขา ผู้อาวุโสซูเฟิงก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตนสงสัย
และเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในวันนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกโมโห
กว่าพวกเขาจะร่วมมือกันนำสิ่งนั้นกลับมานั้นไม่ง่ายเลย แต่เพราะความเห็นแก่ตัวของเว่ยซีผิง จึงเกิดปัญหามากมายตามมาในภายหลัง!
ซึ่งหากได้รับการยืนยันว่าเป็นเว่ยซีผิงจริงๆ ล่ะก็ เขาจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีรอดไปได้แน่นอน!
“เริ่มจากเจ้าก่อน! ส่วนคนอื่นๆ ก็รอตามลำดับ! มิเช่นนั้น ก็สอบข้าคนแรกเลยก็ได้!”
เมื่อพูดเช่นนี้ เว่ยซีผิงก็มิอาจโต้แย้งได้อีกต่อไป
เขายืนอยู่กับที่ มือทั้งสองข้างทิ้งลงข้างตัว ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด ร่างกายของสั่นเทาเล็กน้อย
ย้อนกลับไปไม่กี่วันก่อน เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการพักฟื้น พลางแอบหงุดหงิดที่หรงซิวไม่ได้รับบาดเจ็บจากการรุมทำร้ายในครานี้
และสิ่งเดียวที่น่าพอใจของศึกในครานี้ก็คือ การที่หรงซิวแตกหักกับสำนักปีกสุวรรณโดยสมบูรณ์
แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่เขาก็รู้ว่าจินหมิ่นเย่าเป็นคนใจแคบเพียงใด หรงซิวสังหารลูกศิษย์อันเป็นที่รักของเขาต่อหน้าสาธารณชนเพียงนั้น แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ยอมจบง่ายๆ เป็นแน่
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ไม่ทันที่จินหมิ่นเย่าจะได้โจมตีหรงซิว หรงซิวกลับชิงแฉเบื้องหลังของเขาเสียก่อน!
แถมยังต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสของสำนักวิชาด้วย!
และในขณะนั้นก็ยังมีลูกศิษย์อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญทั้งสิ้น!
พฤติกรรมเช่นนั้นของเขา ถือเป็นการทรยศต่อสำนักวิชาอย่างไม่ต้องสงสัย!
หากยอมรับผิด จะมิอาจแก้ตัวได้อีกแล้ว!
สายตานับไม่ถ้วนจ้องเขม็งมาทางเขา ราวกับใบมีดคมที่กรีดกรายไปทั่วร่างกายของเขาอย่างดุเดือด ประหนึ่งต้องการขูดเลือดขูดเนื้อเขาจนหมด! ให้เหลือซากเปลือยเปล่าโชกเลือด!
ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเค้นหัวใจ มันปิดกั้นหลอดลมของเขาไว้ จนเขารู้สึกหายใจไม่ออก
อันที่จริงถึงเขาจะไม่พูดอันใด แต่ท่าทางของเขาในตอนนี้ ก็บ่งบอกทุกอย่างแล้ว
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนส่ายหัวแล้วถอนหายใจ
“เว่ยซีผิง เจ้าก็รู้ว่าการทรยศสำนัก จักต้องได้รับโทษเช่นไร”
“ข้าไม่ได้ทำ!”
เว่ยซีผิงโต้กลับทันควัน น้ำเสียงของเขาคมกริบ ทว่าสีหน้าและนัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกที่มิอาจเก็บซ่อนได้
“ขะ ข้าไม่ได้ทำจริงๆ! ผู้เฒ่าปั๋วเหยี่ยน! ท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์ขอรับ! ท่านช่วยพูดให้ข้าหน่อยเถอะ!”
เมื่อขอร้องผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนไม่ได้ ฉะนั้นความหวังเดียวของเขาในตอนนี้คือผู้เป็นอาจารย์อย่าง ผู้อาวุโสเจียงเล่ย
แต่ผู้อาวุโสเจียงเล่ยไม่ใช่คนโง่
ยามนี้ชัดเจนแล้วว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเว่ยซีผิง และทางสำนักจะไม่มีวันปล่อยเขาไปง่ายๆ
ในสำนักวิชาเขาไม่ได้มีตำแหน่งเท่าพวกผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน และเดิมทีก็ไม่ได้มีสิทธิ์ออกเสียงมากอยู่แล้ว แต่ถึงเขาจะมีสิทธิ์ เขาก็ไม่สามารถพูดช่วยเว่ยซีผิงได้!
สอนศิษย์ให้ได้เลว ถือเป็นความผิดของอาจารย์!
ก่อนหน้านี้เขาถูกปิดหูปิดตา ซึ่งถือว่ายังพอเข้าใจได้
แต่ถ้ายามนี้เขาเอ่ยปากช่วยพูดให้เว่ยซีผิงล่ะก็ เช่นนั้นก็ถือว่าเขารับรู้และตั้งใจปกปิด!
เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องทันที!
ความคิดเหล่านี้แวบขึ้นมาในหัวของเขา หลังจากที่ผู้อาวุโสเจียงเล่ยชั่งน้ำหนักเลือกข้างได้ เขาก็รีบตัดสินใจทันที
เขาผุดลุกขึ้นยืน แล้วใช้มือข้างหนึ่งชี้ไปทางเว่ยซีผิงด้วยสีหน้าฉุนเฉียว
“บอกข้าสิว่าเรื่องนี้มิใช่ฝีมือของเจ้า! เจ้าได้ทำเรื่องเสื่อมเสียให้แก่สำนักวิชาหรือไม่!”
หัวใจของเว่ยซีผิงชาวาบ
เขารู้จักท่านอาจารย์ของตนดีที่สุด
หากอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่าเขาอยู่ฝั่งสำนักวิชาแน่นอน
เขากัดฟันแน่น ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนสีหน้าไปมาไม่หยุด
“ท่านอาจารย์ แม้แต่ท่านก็ไม่เชื่อข้าหรือ?”
ผู้อาวุโสเจียงเล่ยสะบัดแขนเสื้อแล้วพูดอย่างเย็นชา
“จะเชื่อหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับหลักฐาน! ตอนนี้…จะให้ข้าเชื่อเจ้าได้เยี่ยงไร! เจ้าหายหน้าไปจากสำนักตั้งหนึ่งปีเต็ม และกลับมาเพียงครั้งเดียว เหตุใดเจ้าถึงปิดบังข้า แล้วกล้าทำเรื่องเช่นนี้!”
เว่ยซีผิงแอบเย้ยหยันในใจ
นี่เขา…ขายผ้าเอาหน้ารอดแล้วหรือ?
เกิดเรื่องกับเขาขนาดนี้ แต่ท่านอาจารย์ที่เขาสนิทชิดเชื้อที่สุด กลับไม่ได้คิดที่จะปกป้องเขา แถมยังชิงออกตัวว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก!
“เอาล่ะ เจียงเล่ย เจ้าเองก็อย่าได้โมโหโกรธานัก แม้เขาจะเป็นศิษย์ของเจ้า แต่เขาเองก็มีมือมีเท้า ถ้าเขาอยากจะทำอันใดสักอย่าง แล้วคิดว่าเจ้าจะควบคุมเขาได้หรือ?”
ท่าทีของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนสงบนิ่งอย่างมาก พลางยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นสัญญาณให้ผู้อาวุโสเจียงเล่ยนั่งลง
ผู้อาวุโสเจียงเล่ยสะบัดหัวไปอีกทางอย่างหงุดหงิด และเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา
“ปั๋วเหยี่ยน เป็นข้าที่สอนศิษย์ได้ไม่ดี ข้าเองก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย…”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนส่ายหัว
“ถ้าหรงซิวไม่เอะใจแล้วทิ้งหลักฐานไว้ แม้แต่ข้าเองก็ไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้ได้…และอย่างที่เจ้าพูดไว้ก่อนหน้านี้ เขาหายจากสำนักไปพักใหญ่ ถ้าเขาวางแผนมาแล้วจริงๆ เขาจะไม่ยอมให้เจ้ารู้แน่นอน”
ผู้อาวุโสเจียงเล่ยแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากแต่สีหน้ากลับแต่งแต้มไปความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งก่ายหน้าผากเสมือนทุกข์ใจอย่างมาก
“ดูเหมือนว่าเราคงต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ชาวลุ่มน้ำชิงกูทราบเสียแล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้จิตใจอันแน่วแน่ทว่าตึงเครียดของเว่ยซีผิง พังทลายลงอย่างสมบูรณ์!
“ท่านอาจารย์!?”
เขาตกใจระคนโมโห พลันตวัดสายตาไปมองผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนด้วยความไม่เชื่อ
“นี่เป็นกิจของข้า ไยจักต้อง…”
“จนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับ ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมต่อเจ้า เช่นนั้นก็เชิญคนจากลุ่มน้ำชิงกู่มาสอบสวนด้วยแล้วกัน”
“ทางสำนักและลุ่มน้ำชิงกู่มีสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด การเชิญพวกเขามาย่อมมิใช่เรื่องลำบาก”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกล่าวอย่างใจเย็น
แต่เว่ยซีผิงกลับใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเสียแล้ว!
…อย่างนี้ก็ฆ่าเขาเลยเถอะ!