ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1219 เป็นห่วงเจ้า
ตอนที่ 1219 เป็นห่วงเจ้า
ครั้นเห็นชายร่างสูงในชุดคลุมตัวยาวสีขาวที่อยู่ตรงเชิงเขา ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกปั่นป่วนในใจอย่างมาก
เมื่อเดือนที่แล้ว พวกเขาทั้งสองคนยังเป็นแค่ศิษย์พี่หรงซิวผู้สูงศักดิ์ และศิษย์น้องที่เพิ่งเข้าเรียนในสำนักวิชาอยู่เลย
แต่ตอนนี้กลับต้องมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยหรือ?
แถมหรงซิวยังบอกว่าจะ “พา” นางไปอยู่ในความดูแลอีก!?
ตลอดสามสิบวันที่ผ่านมา มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่นะ?
แต่ผู้อาวุโสวั่นเจิงมิได้สังเกตเห็นสีหน้าของนาง เขาหัวเราะร่าแล้วเหาะเหินไปทางนั้น ก่อนจะร่อนลงตรงหน้าหรงซิว
ฉู่หลิวเยว่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตามไป
“หรงซิว เจ้ามาถึงเร็วเพียงนี้เลย!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงทักทายด้วยรอยยิ้ม
หรงซิวหัวเราะเบาๆ แล้วพยักหน้า
“ข้าว่างน่ะ พอรู้ว่าท่านไปรับคนตั้งแต่เช้า ข้าเลยรีบมารออยู่ที่นี่ จะให้ท่านมานั่งรอข้าได้อย่างใดขอรับ?”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ผู้อาวุโสวั่นเจิงมีความสุขมาก
พูดเข้าหูดีจริงๆ!
คำพูดนี้แสดงให้เห็นว่า อีกฝ่ายให้เกียรติเขาและลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของเขามากเพียงใด!
ทั้งสำนักวิชาจะมีใครบ้างที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างนอบน้อมเช่นนี้?
หึ
ถ้าฉู่เยว่ไปกับเขา จะต้องได้ความรู้ติดตัวกลับมามากมายแน่นอน!
“หือ ฉู่เยว่ เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดอันใดกับหรงซิวเลยล่ะ?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงสะกิดให้ฉู่เยว่ก้าวไปข้างหน้า
“ข้าจำได้ว่าพวกเจ้าเคยรู้จักกันมาก่อนมิใช่หรือ?”
ใครบอกล่ะ มากกว่ารู้จักเสียอีก
ฉู่หลิวเยว่ก่นด่าในใจ ทว่าใบหน้ายังแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
“คารวะศิษย์พี่…หรงซิว”
ดวงตาคมแสนลึกล้ำของหรงซิว กวาดมองไปทั่วใบหน้าและกายบางของคนตรงหน้าด้วยสายตาอบอุ่น
“ดูเหมือนว่าตอนที่อยู่บนเขาเฝิงหมิน ศิษย์น้องฉู่เยว่จะทำได้ไม่เลวเลย”
รัศมีของนางดูมีพลังกว่าเมื่อก่อน ความแข็งแกร่งเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
และก็…น่าจะมีเรื่องให้คิดมากขึ้นด้วย
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ
“ไม่เท่าศิษย์พี่หรงซิวหรอกขอรับ แค่เพียงหนึ่งเดือน ก็สามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้มากมายเช่นนี้”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงแอบสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างคนทั้งสอง หากแต่มิได้ใส่ใจนัก พลางเอ่ยปากอย่างร่าเริง
“ศิษย์เอ๋ย รีบมากลั่นยาเร็ว! ไหนลองแสดงให้ข้าดูสิ ว่าช่วงนี้เจ้าพัฒนาไปมากแค่ไหนแล้ว!”
อันที่จริง พอเห็นท่าทางของฉู่เยว่ยามก้าวออกมาจากเขาเฝิงหมินในวันนี้ เขาก็สัมผัสได้ว่านางพร้อมแล้ว
แต่ถ้าไม่ได้ยืนยันด้วยตัวเอง คงรู้สึกไม่สบายใจ
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าหนึ่งเดือนมานี้ เขาคงเอาแต่คิดเรื่องนี้ไม่หยุดแน่ๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบเบาๆ
“ขอรับ”
…
ครั้งนี้ฉู่หลิวเยว่ก็ยังเลือกปรุงยาเม็ดที่ไม่สำเร็จเมื่อคราก่อน
นั่นเพราะครั้งก่อนนางใช้สมุนไพรที่นำมาไม่หมด และยังมีอีกหลายชนิดที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ จะได้ไม่ยุ่งยากเรื่องการเตรียมวัตถุดิบ
อีกอย่างก็คือ เพราะผู้อาวุโสวั่นเจิงมองว่านางสามารถกลั่นยาอายุวัฒนะระดับเก้าชนิดนี้ได้ จึงไม่แปลกที่นางจะเลือกกลั่นยาชนิดนี้
เมื่อพร้อมแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เริ่มตั้งใจกลั่นยา
อาจเป็นเพราะว่าเดือนนี้ที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นในด้าน ดังนั้นการกลั่นยาจึงราบรื่นกว่าครั้งก่อนมาก
ทั้งการผสมสมุนไพร และการปรุงยา
ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ผู้อาวุโสวั่นเจิงค่อนข้างพอใจ
มันต้องอย่างนี้สิ!
เห็นได้ชัดว่าตอนกลั่นยา เด็กนี่ดูสงบและชำนาญมากกว่าครั้งก่อนมาก
และด้านการคุมเปลวไฟเองก็ดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
เดิมทีเขากลัวว่าหลังจากถูกขังบนเขาเฝิงหมินหนึ่งเดือน เจ้าเด็กนี่จะลืมสิ้นทุกสิ่งที่เขาเคยทำ
ตอนนี้เขาว่างใจได้แล้ว!
เมื่อเห็นภาพอันน่าภาคภูมิใจ ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปคุยโวโอ้อวดกับหรงซิวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“หรงซิวเอ๋ย เจ้าดูศิษย์คนใหม่ของข้าสิ เป็นอย่างใดบ้าง?”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ พร้อมรอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ดีมาก เขา…โดดเด่นจริงๆ ดูมีทักษะกว่าคนอื่นๆ”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงหัวเราะในลำคอ
“เกือบลืมไปเลยว่าพวกเจ้ารู้จักกันมาก่อน! อย่างนั้นเจ้าก็คงรู้เกี่ยวกับพรสวรรค์ด้านนี้ของเจ้าหนูนี่อยู่แล้วสิ!”
หรงซิวระบายยิ้มทว่าไม่ตอบ บ่งบอกว่าเขายอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
ผู้อาวุโสวั่นเจิงลูบเคราของตนไปมา
“เมื่อก่อนข้าไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงศิษย์น้องผู้โดดเด่นคนนี้เลย! หรงซิวเอ๋ย เจ้าควรพาเขามาที่นี่ตั้งนานแล้ว!”
แต่แน่นอนว่า มาตอนนี้ก็ยังไม่สาย
ฉู่เยว่เพิ่งอายุได้สิบหกหนาว หลังจากนี้ยังมีอันใดให้เขาได้ลองทำอีกเยอะ!
ขณะเดียวกัน กลิ่นหอมอ่อนๆ จากสมุนไพรพลันลอยฟุ้งในอากาศ
เป็นฉู่หลิวเยว่ที่เริ่มกลั่นยาแล้ว!
เมื่อเห็นเม็ดยาขนาดเท่ากำปั้นลอยอยู่ท่ามกลางเปลวไฟสีชาดอย่างเงียบงัน ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็อดไม่ได้ที่จะถูมืออย่างลุ้นระทึก
ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะกลั่นได้สำเร็จ!
เมื่อคิดเช่นนี้ ริมฝีปากของชายชราพลันแย้มยิ้ม แล้วหันไปพูดกับหรงซิวอย่างอดใจไม่อยู่
“เจ้าคงไม่รู้ตอนที่ฉู่เยว่พยายามกลั่นยาเม็ดชนิดนี้ครั้งแรก ความจริงเขาเกือบจะทำสำเร็จแล้ว! แต่น่าเสียดายที่เจ้าคนพูดมากอย่างฮวาเฟิง วิ่งแจ้นเข้ามาแจ้งเรื่องที่เจ้าถูกล้อมเสียก่อน เด็กนั่นเลยเสียสมาธิ และเม็ดยาที่อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก็ถูกทำลาย! จิ๊จ๊ะ ไม่อย่างนั้น ตอนนั้นเขาคงทะลวงเซียนหมอระดับเก้าได้แล้ว!”
ดวงตาคมดุจเหยี่ยวของหรงซิวหรี่ลงเล็กน้อย หางตาปรากฏรอยยิ้มละมุนละไม ภาพลักษณ์ที่แต่เดิมเย่อหยิ่ง เย็นชาและสูงส่งราวจับต้องไม่ได้ พลันอบอุ่นขึ้นทันตา
“หือ เช่นนั้นเลยหรือ?”
สุ้มเสียงของเขาทั้งนุ่มทุ้มและไพเราะ
“แสดงว่าศิษย์น้องฉู่เยว่คงเป็นกังวลเรื่องข้ามากเลยสินะ…”
“แน่นอนอยู่แล้ว! มิเช่นนั้นเขาคงไม่ล้มเหลวกระทันหันหรอก!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ และพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“ตอนนั้นเจ้าเด็กนี่โกหกข้าว่าจะกลับไปปรุงยาด้วยตัวเองต่อ แต่ความจริงกลับแอบย่องออกไปด้านนอก พอมาคิดดูตอนนี้ ก็คงเพราะเป็นห่วงเจ้านั่นแหละ!”
มิเช่นนั้น จู่ๆ ฉู่เยว่จะไปโผล่อยู่ข้างกายหรงซิวในตอนนั้นได้อย่างใด?
ตัวเขาเป็นถึงจอมยุทธ์ระดับเจ็ด ย่อมรู้ดีว่าการต่อสู้ระยะประชิดอันตรายมากเพียงใด แต่เขาก็ยังดื้อรั้นออกไปช่วย
แค่นี้ก็อธิบายทุกอย่างได้แล้ว!
ริมฝีปากบางของหรงซิวกดยิ้มลึกลงกว่าเดิม
เพี๊ยะ!
ฉู่หลิวเยว่ตบมือข้างหนึ่งลงบนหม้อต้มโอสถ!