ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1220 สมเหตุสมผลที่จะอยู่ด้วยกัน
ตอนที่ 1220 สมเหตุสมผลที่จะอยู่ด้วยกัน
ยาเม็ดขนาดใหญ่เท่าเม็ดลำไยพุ่งขึ้นไปในอากาศ!
ฉู่หลิวเยว่เอื้อมมือไปคว้ามันไว้อย่างรวดเร็ว แล้วยัดมันใส่เข้าไปในตลับหยก!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงอึดใจ และเหลือเพียงกลิ่นหอมรัญจวนอันเข้มข้นของเม็ดยา ที่ยังลอยฟุ้งแพร่และกระจายไปในอากาศ
ยาเม็ดนั้นดึงดูดความสนใจของผุ้อาวุโสวั่นเจิงได้ในทันที ชายชรายังจ้องไปยังตลับหยกในมือของฉู่หลิวเยว่อย่างกระตือรือร้น พลางรู้สึกกระวนกระวายยิ่งกว่าตอนที่เขากลั่นยาเองเสียอีก
ฉู่หลิวเยว่เดินไปหาเขาและยื่นตลับหยกให้
“นี่ขอรับ ท่านอาจารย์”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงอยากจะรับมันมาเต็มแก่ เขาเช็ดมือกับชายเสื้อพัลวัน ก่อนที่จะรับตลับหยกนั่นมาอย่างระมัดระวัง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
กริก!
ตลับหยกถูกเปิดออก
พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพร!
เม็ดยาทรงกลมวางอยู่ในนั้นอย่างเงียบๆ
ยาเม็ดนั้นมีสีฟ้าครามสวยและสม่ำเสมอกันทั่วทั้งเม็ด
แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ลวดลายอักขระเก้าเส้นที่อยู่บนนั้น!
ดวงตาของผู้อาวุโสวั่นเจิงพลันทอประกายเจิดจ้าด้วยความปิติยินดี
“ระดับเก้า! ระดับเก้า!”
แม้จะเป็นระดับเก้าขั้นต่ำ แต่ก็เป็นยาเม็ดระดับเก้าของจริง!
ถึงก่อนหน้านี้เขาจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่พอได้เห็นยาอายุวัฒนะระดับเก้าเม็ดนี้กับตาจริงๆ ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็ยังตื่นเต้นดีอกดีใจอย่างควบคุมไม่ได้
“สำเร็จแล้ว! ศิษย์เอ๋ย เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”
เซียนหมอระดับเก้าผู้มีอายุเพิ่งสิบหกหนาวหรือ จัดได้ว่าเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งของสำนักวิชาขนานแท้!
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เมื่อถึงการประเมินในต้นเดือนหน้า เกรงว่าการติดอันดับชิงอวิ๋นคงไม่ใช่เรื่องยากแล้ว!”
ถึงตอนนั้น พวกเขาจักต้องตกตะลึงอ้าปากค้างกันทั้งบางแน่ๆ!
เอาให้พวกตาแก่เหล่านั้นอิจฉาตาร้อนกันไปข้าง!
“หรงซิว! เจ้าว่าฝีมือในการกลั่นยาของฉู่เยว่ครานี้เป็นเช่นไร?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงถามอย่างตื่นเต้น
ในเมื่อมีศิษย์มากความสามารถเช่นนี้ เขาย่อมอยากโอ้อวดเป็นธรรมดา
โดยเฉพาะหรงซิวแล้วยิ่งต้องอวด!
“เก่งมากขอรับ”
หรงซิวยิ้มรับแล้วพยักหน้าสองสามที
“ข้ายินดีกับผู้อาวุโสวั่นเจิงยิ่งนัก หากได้คำแนะนำของท่าน ในอนาคตศิษย์น้องฉู่เยว่จักกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานอย่างแน่นอน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าเด็กนี่เยี่ยมยอดจริงๆ!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงถือยาเม็ดนั้นไว้ด้วยความภาคภูมิใจจนไม่อยากวางมันลง เขาอยากให้ทุกคนในสำนักวิชารู้ว่าลูกศิษย์อันล้ำค่าของเขา ได้ทะลวงผ่านเซียนหมอระดับเก้าแล้ว!
เมื่อทะลวงข้ามขอบเขตพลังปราณระดับนี้ คนส่วนใหญ่มักจะล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง
แต่ฉู่เยว่นั้นต่างออกไป
หากนับรวมครั้งก่อนแล้ว เขาล้มเหลวเพียงห้าครั้งเท่านั้น!
“หึ หึ หลายปีมานี้ กว่าจะหาลูกศิษย์ที่ทำให้ข้าพึงพอใจได้นั้นไม่ง่ายเลย! ตอนนั้นข้าถูกเจ้าสำนักตัดหน้า แต่โชคดีที่ครานี้ ข้าจะไม่ยอมปล่อยเด็กคนนี้ไปง่ายๆ แล้ว!”
แววตาของหรงซิวสั่นไหวเบาๆ
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับโพล่งถามในทันใด
“ท่านอาจารย์ ตอนนั้นที่ว่า…ท่านหมายถึงใครหรือขอรับ?”
เสียงหัวเราะของผู้อาวุโสวั่นเจิงหยุดลงเสียดื้อๆ ก่อนจะคิดได้ว่าตนคงมีความสุขมากเกินไป จนเผลอหยิบยกเรื่องในอดีตขึ้นมาพูดอีกครั้ง
เขากระแอมออกมาทีหนึ่ง แล้วกล่าวเชิงปัดป้องเพื่อปกปิดบางอย่าง
“เหอะ ไม่มีอันใดหรอก เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ข้าแค่ปากพล่อยไปอย่างนั้น…มิได้ตั้งใจเปรียบเทียบเจ้ากับใครอื่นเสียหน่อย!”
เมื่อเห็นสีหน้าของฉู่หลิวเยว่ ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็แอบรู้สึกผิดขึ้นมา และรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ข้าสาบานว่าเจ้าคือศิษย์ที่ดีที่สุดของข้า!”
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดเสียแล้ว ถึงจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจไปบ้าง แต่ในใจก็รู้สึกอบอุ่นกับประโยคนั้น
เดิมทีนางอยากจะถามต่อ แต่หลังจากเห็นสีหน้าที่ดูประหม่าระคนหวาดระแวงของผู้อาวุโสวั่นเจิง ก็จำต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับไปโดยปริยาย
นางพยักหน้าตอบเบาๆ
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ขอรับ”
“ขอบคุณอันใดกัน!”
ครั้นเห็นว่านางมิได้สนใจใคร่รู้ไปกว่านี้ ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดกับตัวเองในใจว่าจากนี้เขาจักไม่หลงระเริงจนเผลอปากพล่อยอีก
“อันที่จริงข้ามิได้สอนอันใดเจ้าเลย การที่เจ้าทะลวงได้สำเร็จนั้น เป็นเพราะมันสมองและความตั้งใจของเจ้าเองต่างหาก!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงรู้ดีแก่ใจ
ฉู่เยว่อยู่ในสำนักวิชาได้ไม่ถึงสองเดือน และยังถูกขังอยู่บนเขาเฝิงหมินตลอดเวลา อีกฝ่ายมีเวลาฝึกฝนเล่าเรียนกับเขาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
พูดตามตรง เขาแทบไม่ได้ทำอันใดเลยจริงๆ
การที่ฉู่เยว่ทะลวงขึ้นสู่เซียนหมอระดับเก้าได้อย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่ล้วนมากจากกำลังของเขาทั้งนั้น
เขามีลางสังหรณ์ว่า เด็กคนนี้จะกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต!
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าทะลวงและกลั่นยาเม็ดนี้ออกมาได้แล้ว วันนี้ก็พอแค่นี้แล้วกัน! สายป่านนี้แล้ว เจ้าไปกับหรงซิวเถอะ ครั้นคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นั่นแล้ว ก็ตั้งใจเรียนรู้จากเขา ส่วนเรื่องวิชาที่ต้องเรียนกับข้า ไว้รอเจ้ากลับมาค่อยคุยกันอีกที”
พรสวรรค์ของเด็กคนนี้มีดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก ปรับแผนการเรียนเสียใหม่น่าจะเหมาะกว่า
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น พลางหันไปมองหรงซิว
“ศิษย์พี่หรงซิวของเจ้าเองก็เป็นเลิศด้านเซียนหมอ ไปกับเขาเจ้าจะได้เรียนรู้อันใดมากมายแน่นอน”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงตบไหล่ฉู่หลิวเยว่ คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจ พร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความวาดหวังในตัวนาง
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง
ไม่บอกก็รู้ว่าหรงซิวนั้นสมบูรณ์แบบในสายตาของเหล่าผู้อาวุโสของสำนักวิชามากเพียงใด
ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอันใด มันไม่เพียงแต่จะกระตุ้นความสงสัยของผู้อาวุโส แต่ยังทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจากคนเหล่านั้นอย่างเต็มกำลังด้วย
ส่วนนางก็ทำได้แค่ตอบตกลงเท่านั้น
สุดท้ายนางก็ยอมพยักหน้าตกลง
“เช่นนั้นหลังจากนี้…ก็ต้องรบกวนศิษย์พี่หรงซิวช่วยชี้แนะแล้วขอรับ”
…
หลังจากคืนยาอายุวัฒนะให้ฉู่หลิวเยว่ ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสีหน้าที่รีบร้อนระคนสนุกสนานของเขายามจากไปแล้ว ฉู่หลิวเยว่แทบเดาได้ทันทีว่าเขารีบวิ่งออกไปทำอันใด
“เหมือนว่าอีกไม่นาน หลายคนในสำนักวิชาคงได้รู้เรื่องที่เจ้าทะลวงระดับเก้าได้แน่ๆ”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นหยั่งเชิง
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขา พลางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ก่อนหน้านั้น พวกเขาหลายคนคงได้รู้เรื่องที่ข้าอยู่กับเจ้าเสียก่อนกระมัง?”
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เกรงว่ามันจะเป็นเรื่องวุ่นวายยิ่งกว่าการที่นางกลั่นยาอายุวัฒนะระดับเก้าได้เสียอีก
หรงซิวไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับหัวเราะเบาๆ
“การที่เราอยู่ด้วยกัน เดิมทีก็สมเหตุสมผลอยู่แล้วมิใช่หรือ?”