ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1225 เจ้าเป็นใคร
ตอนที่ 1225 เจ้าเป็นใคร
อันดับสุดท้ายที่อยู่บนรายชื่อฝั่งแขนงเซียนหมอนั้น คือเซียนหมอระดับเก้า
ตามระดับความแข็งแกร่งของฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ แม้จะยังมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
ลองดูสักหน่อยก็ไม่เสียหายอันใด
และเขาเองก็อยากเห็นว่าฉู่เยว่ผู้นี้ มีพรสวรรค์และแข็งแกร่งเพียงใด!
หลังจากพูดจบ ทั่วทั้งบริเวณโดยรอบพลันเงียบไปครู่หนึ่ง
ศิษย์หลายคนมองดูภาพนี้ด้วยความตกตะลึง
พวกเขาหูฝาดหรือเปล่า?
นี่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนชวนฉู่เยว่ให้ลองพยายามไต่เต้าขึ้นไปบนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นหรือ?!
เขาเข้ามาในสำนักยังไม่ครบสองเดือนด้วยซ้ำ!
แต่กลับมีโอกาสได้มีชื่ออยู่บนนั้นแล้ว เช่นนั้นศิษย์คนอื่นๆ ที่หมั่นฝึกฝนอยู่ในสำนักมานาน แต่ไม่สามารถติดอันดับได้ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
…
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัว
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมากขอรับ แต่ศิษย์รู้ดีว่าความแข็งแกร่งตัวเอง ยังเทียบเคียงเหล่าศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงอีกหลายคนไม่ได้ เอาเป็นว่า…รอให้ศิษย์พัฒนามากกว่านี้สักนิด ค่อยมาลองดูอีกครั้งแล้วกันนะขอรับ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพลันประหลาดใจ
นี่ฉู่เยว่…ปฏิเสธเขาหรือ?
ช่างหายากยิ่งนัก
ต้องรู้ว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยนัก
ศิษย์ในสำนักหลายคนต่างขวนขวายหาโอกาสนี้ แต่กลับทำได้เพียงรอจนถึงต้นเดือนเท่านั้น
แต่เด็กคนนี้กลับเหมือนไม่สนใจเลยสักนิด
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจ้องมองฉู่หลิวเยว่อยู่อย่างนั้น
“เจ้าแน่ใจนะ?”
วัยหนุ่มสาวเป็นช่วงวัยที่มีความกระตือรือร้นและหุนหันพลันแล่นที่สุด ปกติแล้วเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ คนส่วนใหญ่จะรู้สึกตื่นเต้นลุกลี้ลุกลน
ทว่ายามสบกับดวงตากลมใสของฉู่เยว่ เขากลับพบเพียงความสงบนิ่ง
ท่าทางแบบนั้นดูไม่เหมือนเด็กอายุสิบหกหนาวเลย
“แน่ใจขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยเสียงเบา หากแต่หนักแน่น
แต่พอเห็นสายตาอันลึกล้ำเสมือนมีนัยของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน ฉู่หลิวเยว่ก็พลันชะงัก และอธิบายเพิ่มเติม
“ตัวศิษย์ยังมีข้อบกพร่องอยู่ จากนี้ไปศิษย์จักตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก และมุ่งมั่นเพื่อที่จะ…ขึ้นไปอยู่บนตารางรายชื่อให้เร็วที่สุดขอรับ”
คำตอบของฉู่หลิวเยว่ทำเอาใครหลายคนอึ้งจนอ้าปากค้าง
“นั่นฉู่เยว่คิดจะทำอันใด? ยากมากที่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจะให้โอกาสใครเช่นนี้ และยังยินดีให้เขาได้ลองทดสอบอีก แต่เขากลับปฏิเสธท่านเนี่ยนะ!”
“จิ๊ เสียของจริงเชียว! หรือคิดว่ามีศิษย์พี่หรงซิวคอยหนุนหลังแล้วตัวเองจะมีสิทธิ์เหนือกว่าผู้อื่น ถึงได้กล้าทำตามใจชอบเช่นนี้?”
“เหอะ เหอะ พวกเจ้าอย่าพูดเช่นนั้น เขาบอกว่าเขายังไม่เก่งพอ เลยตัดสินใจแบบนี้ พวกเจ้าไม่ได้ยินหรือไร? ถึงการปฏิเสธผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจะดูเกินไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าต้องรู้สึกอับอายหลังจากลองแล้วแต่ไม่สำเร็จ และไม่สามารถมีชื่ออยู่บนตารางได้มิใช่หรือ? ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้เชียวนะ!”
“ความจริงแล้ว ถึงเขาจะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แต่ถ้าจะให้ขึ้นตารางรายชื่อตอนนี้เลย ก็ดูจะเกินตัวไปหน่อย! ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้อาวุโสกับศิษย์พี่หรงซิวเห็นอันใดในตัวเขา…”
ผู้คนล้วนออกความเห็นต่างๆ นาๆ
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขมวดคิ้วมุ่น
ถึงจะดูจืดจาง แต่ฉู่หลิวเยว่นั้นโดดเด่นจริงๆ
มิฉะนั้น วั่นเจิงผู้เรื่องมากคงไม่สนใจเด็กคนนี้หรอก
ยิ่งไปกว่านั้น ยามนี้ฉู่เยว่สามารถกลั่นยาเม็ดระดับเก้าได้แล้ว หมายความว่าศักยภาพในด้านจอมยุทธ์ของเขา ย่อมมิได้อยู่ในระดับต่ำแน่นอน!
แค่เขาใช้ความสามารถของจอมยุทธ์ระดับเจ็ด เอาชนะจอมยุทธ์ระดับแปดได้ แค่นั้นก็อธิบายทุกอย่างได้แล้ว
เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมา
“เอาล่ะ เจ้าเองก็ไม่ต้องกังวลไป! ไม่ว่าจะเป็นหรงซิว อาจารย์ของเจ้า หรือผู้อาวุโสหลายคนในสำนัก ความจริงแล้วพวกเขาล้วนชื่นชมเจ้า! จากนี้ไปก็ตั้งใจฝึกฝนเข้าล่ะ!”
ภายในคำพูดของเขา เต็มไปด้วยการชื่มชนและเยินยออย่างปิดไม่มิด
และเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน แส้เสียงอื้ออึงรอบข้างก็พลันเงียบลงทันตา
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนไม่ค่อยชอบศิษย์คนใดออกนอกหน้า หากได้รับการยอมรับจากเขาเช่นนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าฉู่เยว่โดดเด่นเพียงใด!
บางคนปิดปากด้วยความขลาดอาย
ฉู่หลิวเยว่กล่าวรับอย่างนอบน้อม
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขอรับ”
และยิ่งเห็นว่าแววตาของฉู่หลิวเยว่ยังสงบนิ่งดังเดิม ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็ยิ่งชื่นชอบในตัวนาง
เขาได้เห็นหนุ่มสาวผู้เก่งกาจมากความสามารถมานับไม่ถ้วน
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ของโลกได้
เพราะนอกจากความสามารถแล้ว ความตั้งใจอันแน่วแน่และจิตใจที่สงบนิ่ง ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน!
ซึ่งฉู่เยว่ทำเช่นนั้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ในอนาคตจักต้องกังวลอันใดอีก!?
“เด็กดี เด็กดี!”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนระบายยิ้ม พลางลูบเคราของตนด้วยความพอใจ
“ครั้งนี้วั่นเจิงได้ศิษย์ดีจริงๆ!”
เขากล่าวพลางหันไปมองหรงซิว
“หรงซิว จากนี้ก็ฝากเจ้าดูแลเด็กคนนี้ด้วย เจ้าต้องสอนเขาให้ดีล่ะ”
หรงซิวพยักหน้าตอบ
“ข้าจะทำให้ดีที่สุดขอรับ”
…
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจากไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นหรงซิวก็เบนสายตาไปมองฉู่หลิวเยว่
“เรากลับกันเถอะ”
หรงซิวเอ่ยบอกนาง
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับ พลันหันกลับไปมองกำแพงหนาทึบของหอระฆังบูรพกษัตริย์แวบหนึ่ง
จนถึงตอนนี้ตารางรายชื่อก็ยังไม่ปรากฏออกมา
ทว่าแค่ได้สัมผัสเมื่อครู่ก็เพียงพอแล้ว
แต่หลังจากนี้ เกรงว่าชื่อของนางคงไม่สามารถกลับขึ้นไปอยู่บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นอีกครั้งได้ง่ายๆ เสียแล้ว
อย่างใดก็ตาม นามของคนที่อยู่ด้านบนสุดก็คือนาง บางทีอาจจะต้องรอให้ถึงเวลาที่นางแข็งแกร่งมากพอเสียก่อน ถึงจะได้เห็นรุ่งอรุณแห่งความสำเร็จนั่นอีกครั้ง
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินตามหรงซิวกลับไป
หลังจากที่พวกเขากลับไปแล้ว ผู้ชมหลายคนพลันรู้สึกเบื่อหน่าย ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
…
ในคืนนั้น.
ฉู่หลิวเยว่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องของตน
แสงจันทร์สีนวลเย็นตาสาดส่องลงมา
ร่างเล็กๆ ปรากฏขึ้นในห้องอย่างเงียบเชียบ
ฉู่หลิวเยว่เหมือนจับสัมผัสได้ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง
“แม้เจ้าจะเปลี่ยนที่อยู่ แต่การเล่นหมากรุกประจำวันของเจ้า ยังต้องดำเนินต่อไป…”
ตู๋กูโม่เป่ากล่าวขณะเดินไปทางฉู่หลิวเยว่
แต่ไม่ทันได้พูดจบ เขาก็สังเกตเห็นสีหน้าของฉู่หลิวเยว่เสียก่อน
แค่มองแวบเดียวเขาก็รู้แล้ว!
เท้าเล็กๆ พลันหยุดชะงัก
เป็นฉู่หลิวเยว่ที่เริ่มขมวดคิ้วอย่างจริงจัง
“พี่เป่า เจ้ามาทันเวลาพอดี ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”
หว่างคิ้วของตู๋กูโม่เป่าค่อยๆ ย่นเข้าหากันช้าๆ
ฉู่หลิวเยว่โคลงศีรษะเล็กน้อย
“เจ้าเป็นใคร?”