ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1227 ไม่มีทางสู้ได้
ตอนที่ 1227 ไม่มีทางสู้ได้
เขาจงใจพูดเสียงดัง และการแสดงออกที่หวือหวานี้ ก็ทำใครหลายคนหันมาสนใจได้ในทันที
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็อยากรู้เรื่องนี้เช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบาง
“บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นมียอดฝีมือผู้เก่งกาจอยู่มากมาย ข้าเป็นแค่ศิษย์ใหม่ จะเอาอันใดไปสู้”
จัวเซิงกระเดาะลิ้นดัง “ก๊อก” หนึ่งที
“หายหน้าหายตาไปหลายวัน เจ้าถ่อมตัวขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย!”
แต่ความจริงแล้ว หลังจากเข้ามาในสำนักหลิงเซียว ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ทำกริยาเย่อหยิ่งวางท่าใส่ใครเลย
ไม่เช่นนั้น นางคงไม่เลือกเรียนเซียนหมอหรอก
แต่นางมักจะประสบพบเจอกับปัญหาต่างๆ เสมอ ส่งผลให้นางกลายเป็น “คนดัง” ของสำนักวิชาภายในสองเดือน
เมื่อเห็นท่าทีของฉู่หลิวเยว่ หลัวซือซือก็โพล่งถามด้วยความสงสัย
“ฉู่เยว่ เจ้าจะไม่ลองจริงๆ หรือ?”
เนื่องจากความสัมพันธ์ของเขากับศิษย์พี่หรงซิว ทำให้หลายคนในสำนักวิชาเชื่อมั่นในฝีมือของเขา
แต่ก็มีคนรอทับถมเขาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ซึ่งการประเมินต้นเดือนนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับฉู่หลิวเยว่ ที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าท่าทีของเขาในตอนนี้ กลับดูไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย?
ฉู่หลิวเยว่นิ่งคิดไปพักหนึ่ง
“ไว้รอดูอีกที”
นางเองก็ไม่สามารถปฏิเสธการเข้าร่วมได้ตลอด เพราะนั่นจะยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนมากกว่าเดิม
อย่างใดก็ตาม เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันวานแล้ว หากนางเข้าใกล้ ตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นจักปรากฏออกมาแน่นอน!
นางจึงต้องหาทางซ่อนมันไว้และผ่านมันไปให้ได้…
…
การประเมินดำเนินไปตามปกติ
ทั่วทั้งจัตุรัสชิงหมิงเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวก แลดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก
ฉู่หลิวเยว่เดินไปยังฝั่งของเซียนหมอ และรอคอยอย่างเงียบเชียบ
แต่ตรงนี้มีคนอยู่ไม่มาก ดังนั้นการปรากฏตัวของฉู่หลิวเยว่ จึงยิ่งดูสะดุดตามากขึ้นไปอีก
บางคนหันมามองนางเป็นครั้งคราว
ฉู่หลิวเยว่แสร้งทำหูทวนลมใส่พวกเขา
ขณะเดียวกัน ในที่สุดผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็โบกสะบัดแขนเสื้อ และเรียกตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นออกมา!
หึ่ง!
คลื่นพลังปราณอันทรงพลังพวยพุ่งออกมา!
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ พลันเงยหน้าขึ้น!
ฝูงชนรอบด้านเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
ฝูงชนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
บางคนกังวล บางคนตั้งตารอ แต่ส่วนใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ และกระเหี้ยนกระหือรืออยากลองเสียให้ได้
“ขอประกาศเริ่มการประเมินต้นเดือนอย่างเป็นทางการ!”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนประกาศกร้าว!
ฝูงชนพลันลุกฮือตื่นเต้นกันยกใหญ่
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ขยับ และทำเพียงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วมองไปทางตารางจัดอันดับชิงอวิ๋น
รายชื่อนับร้อยถูกจัดเรียงอย่างประณีต เปล่งแสงแวววาวบนกำแพงสีนิล
ทั้งศักดิ์สิทธิ์และทรงพลัง พร้อมแรงกดดันบดขยี้ที่ไม่อาจต้านทานได้
นางเลื่อนสายตามองไปยังจุดสูงสุด
ณ พื้นที่ตรงนั้นยังเป็นเพียงกำแพงสีดำสนิท
แทบไม่มีใครรู้ว่ามีชื่อของนางซ่อนอยู่ข้างใต้!
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ กำมือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อไว้แน่น
ความรู้สึกที่นางได้มาเห็นมันในวันนี้ แตกต่างจากครั้งแรกที่เห็นมันเมื่อสองเดือนก่อนอย่างสิ้นเชิง!
“ฉู่เยว่ มองอันใดอยู่หรือ?”
จงซวิ๋นเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ฉู่หลิวเยว่ แล้วมองตามสายตาของนางไป
นัยน์ตาของเขาทอประกายวาววับ พลางระบายยิ้มให้นาง
“เจ้าอยากมีชื่ออยู่บนนั้นใช่หรือไม่?”
นอกจากนี้ เขายังได้ยินบทสนทนาระหว่างฉู่เยว่กับหลัวซือซือเมื่อสักครู่ด้วย
เขาบอกว่าคนหนุ่มสาววัยนี้ยังเด็กนักและมีพลังมากที่สุด
แม้เจ้าตัวจะบอกไม่กล้าหรือไม่ต้องการ แต่ในใจก็ยังมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่มิอาจเก็บซ่อนได้
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบาง ทว่าไม่ได้พูดอันใด
แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงอุทานดังมาจากด้านข้าง
ฉู่หลิวเยว่และจงซวิ๋นหันกลับไปมองพร้อมกัน
“เหมือนว่าการประลองฝั่งปรมาจารย์จะได้ผู้ชนะแล้วนะ”
จงซวิ๋นพึมพำเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่ทอดสายตาไปยังใบหน้าอันคุ้นเคยที่อยู่อีกฟากของฝูงชน พลันหรี่ตาลง
หลินจือเฟย
ยามนี้เขากำลังยืนอยู่บนลานกว้างด้วยใบหน้าซีดเซียว พร้อมหยาดเหงื่อท่วมตัว
โดยที่ตรงข้ามเขา มีชายหนุ่มคนหนึ่งล้มลงกับพื้นและกระอักเลือดออกมาอย่างน่าเวทนา
ระหว่างพวกเขาสองคนมีกระดานหมากรุกวางอยู่
แค่มองก็รู้แล้วว่านี่คือการประลองชนิดหนึ่งของแขนงปรมาจารย์ และผู้ชนะก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินจือเฟย!
ทุกคนตกใจกับฉากตอนจบที่ไม่คาดคิดนี้ และเริ่มสนทนากันอย่างออกอรรถรส
“เขาชนะแล้ว!? นี่เขาชนะจริงๆ หรือ? อีกฝ่ายเป็นถึงคนดังบนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นเชียวนะ! หมายความว่าเขาจะเข้ามาแทนที่ฝ่ายนั้น แล้วพาตัวเองขึ้นตารางขึ้นสู่รายชื่อให้ได้เลยสินะ?”
“ข้าจำได้ว่าคนผู้นั้นอยู่แค่อันดับที่เก้าสิบแปดในแขนงปรมาจารย์…ยังมีอีกหลายคนต้องการพิชิตตารางจัดอันดับนี้ มีผู้ชนะย่อมไม่แปลกมิใช่หรือ?”
“เรื่องนี้เจ้าอาจจะยังไม่รู้! ผู้ที่เพิ่งคว้าชัยชนะไปเมื่อครู่นั้นมีนามว่าหลินจือเฟย แต่เขาเพิ่งเข้ามาในสำนักได้เพียงสองเดือน หรือที่เรียกว่าศิษย์ใหม่แกะกล่องขนานแท้!”
“ศิษย์ใหม่?! จริงหรือ!?”
“เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน แต่กลับสามารถล้มคนบนตารางชิงอวิ๋นได้ น้อยคนนักที่จะทำสำเร็จ! หลินจือเฟยผู้นี้ เป็นใครมาแต่ไหนกัน ไม่คิดเลยว่าเก่งกาจเพียงนี้”
หลินจือเฟยไม่ได้สนใจแส้เสียงรอบข้าง และทำเพียงกำหมัดโค้งคำนับให้ฝ่ายตรงข้าม
“ขอบคุณศิษย์พี่ที่ออมมือขอรับ”
ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
ออมมือหรือ?
เขาสู้สุดฝีมือแล้วต่างหาก! ไม่ได้ออมมือเลยแม้แต่น้อย!
ศึกครานี้เขาแพ้อย่างหมดสภาพ!
เขาฝืนตัวลุกขึ้นยืน
“… ศิษย์น้องมิต้องถ่อมตัว เป็นข้าที่สู้คนอื่นไม่ได้”
หลังจากพูดจบ ใบหน้าของเขาก็เห่อร้อนกว่าเดิม ก่อนจะรีบหันหลังกลับและจากไปทันที
ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบดูแลการประลองกล่าวด้วยรอยยิ้ม:
“หลินจือเฟยใช่หรือไม่? ช่างเป็นเด็กอายุน้อยอนาคตไกลจริงๆ ยินดีด้วย!”
สิ้นคำพูด เขาก็สะบัดแขนเสื้อหนึ่งที จากนั้นนามของชายหนุ่มที่จากไปแล้ว ก็ค่อยๆ จางหายไปจากตารางรายชื่อฝั่งปรมาจารย์ และถูกแทนที่ด้วยชื่อของหลินจือเฟยแทน!
ครั้นเห็นนามของตน หลินจือเฟยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พลันกำหมัดคารวะและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบพระคุณขอรับ ท่านผู้อาวุโส”
“ขอบคุณข้าเหตุใด ที่ควรขอบคุณคือตัวเจ้าเองต่างหาก! เพราะเจ้ามีความสามารถโดดเด่น ถึงได้ขึ้นไปอยู่บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นในเวลาอันสั้นเช่นนี้!”
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสคนนั้น ชื่นชมหลินจือเฟยเป็นอย่างมาก และตบไหล่เขาราวให้กำลังใจ
“จากนี้ก็ตั้งใจฝึกฝน จะได้เลื่อนอันดับสูงขึ้นอีก!”
หลินจือเฟยส่งเสียงตอบรับด้วยความเคารพ
ทั้งถ่อมตัวไม่โอ้อวด ด้วยรูปลักษณ์ที่สุภาพเรียบร้อยและรู้จักยับยั้งชั่งใจเช่นนี้ ทำให้เขาชนะใจผู้อาวุโสหลายท่านที่อยู่รอบๆ ไปด้วย
พวกเขาอ่านใจคนได้นับไม่ถ้วนและมีสายตาที่เฉียบคม
หลินจือเฟยเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และความสามารถ เทียบกับศิษย์ทั้งสำนักวิชา เขาถือเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ เลยทีเดียว
และที่สำคัญก็คือบุคลิกภาพดี ใจเย็น ไม่หยิ่งผยองหรืออวดดี
ตราบใดที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาจะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน
หลินจือเฟยถอยตัวออกจากลานประลอง
ผู้คนที่มุงอยู่ต่างจ้องมองเขาด้วยความริษยา
“ดูเหมือนว่าคนที่เพิ่งเข้าในสำนักมาไม่ถึงสามเดือน แต่สามารถขึ้นตารางจัดอันดับได้ จะมีไม่มากสินะ?”
“อย่างอื่นข้าไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่า เขาจัดเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งของศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาช่วงนี้เลย!”
“เหอะ ก่อนหน้านี้ข้าคิดเสมอว่าฉู่เยว่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาน้องใหม่ แต่ตอนนี้ข้าว่ามันอาจไม่เป็นเช่นนั้น! ข้าว่าหลินจือเฟยหน่วยก้านดีกว่าเขามาก!”
“นอกจากนี้ หลัวซือซือ น้องสาวของหลัวเยี่ยนหลินเองก็มีความสามารถมากเช่นกัน ข้าคิดว่าอีกไม่นาน นางก็จะขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ มิใช่ว่าพวกเขาเก่งกว่าฉู่เยว่ผู้นั้นอีกหรือ?”
“วันนี้ข้าอยากเห็นว่านามของฉู่เยว่จะขึ้นไปอยู่บนตารางได้หรือไม่!”
บทสนทนาต่างๆ ดังก้องไปทั่วจัตุรัส
“จือเฟย! เจ้าทำได้แล้ว!”
ทันทีที่หลินจือเฟยเดินออกมา ก็มีชายรูปร่างกำยำคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาจากทางด้านข้าง
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าดังระเบิดแน่! ขนาดนี้แล้ว! ฉู่เยว่อันใดนั้นก็ไม่มีวันสู้เจ้าได้หรอก!”