ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1228 ข้อตกลง
ตอนที่ 1228 ข้อตกลง
หลินจือเฟยยิ้มบาง ภายในรูม่านตาอันสดใสมีเพียงความสงบนิ่ง เสริมให้บุคลิกของเขานั้นดูสง่างามและซื่อตรง
“ศิษย์พี่ก็กล่าวเกินไป ข้าเป็นปรมาจารย์ ส่วนเขาเป็นเซียนหมอ ความจริงแล้วมันเอามาเทียบกันมิได้ขอรับ”
และเขาเองก็ไม่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด
“เหอะ ข้าแค่คิดว่าเจ้าเด็กนั่นเรียกร้องความสนใจเก่งเหลือเกิน! เพิ่งเข้ามาเรียนได้แค่สองเดือน แต่ทุกคนต่างรู้กิตติศัพท์ของเขาหมดแล้ว! หลายคนบอกว่าเขาโดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์ใหม่ทั้งหมด แต่ข้าไม่คิดอย่างนั้น! เมื่อครู่ข้าได้ยินคนฝั่งเซียนหมอหลายคนกล่าวว่า ดูเหมือนครานี้ฉู่เยว่จะไม่มีกระจิตกระใจเข้าร่วมการประลองชิงอวิ๋นเลย ให้ตายสิ! รู้ว่าตัวเองไม่พร้อม! เลยคิดจะยอมแพ้สินะ!
หลินจือเฟยส่ายหัว
“ถ้าเขาเป็นอย่างที่ใครพูดจริง เช่นนั้นโอรส…ศิษย์พี่หรงซิวคงไม่ให้ความสำคัญกับเขาขนาดนั้นหรอก”
แม้เขาจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับหรงซิวมากนัก แต่เขาก็ได้เห็นความสง่างามและการวางตัวของชายคนนั้น ในงานพิธีวันคล้ายวันพระราชสมภพของเจ้าตัวมาแล้ว
หากทำให้หรงซิวสนใจได้ ฉู่เยว่ผู้นั้นย่อมไม่ธรรมดา
“ลืมไปเลยว่าเจ้าเองก็เป็นคนของเผ่าที่อยู่ภายใต้การปกครองของพระราชวังเมฆาสวรรค์เช่นกัน”
ชายหนุ่มคนนั้นยักไหล่และไม่พูดอันใดอีก
แต่เขาแอบไม่เห็นด้วยกับคำพูดของหลินจือเฟย และคิดว่าที่หลินจือเฟยกล่าวเช่นนี้ อันที่จริงเป็นเพราะเกรงกลัวหรงซิวมากกว่า
หลินจือเฟยรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจผิด และเตรียมจะเอ่ยปากอีกครา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้อธิบายอันใด
เดิมทีเขาก็เป็นคนนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว ขอเพียงทำเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว เขาคร้านเกินกว่าจะใส่ใจปัญหาอื่น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปทางพื้นที่ของเซียนหมอ
ด้วยระยะห่างที่ไกลออกมาช่วงหนึ่ง และถูกบดบังด้วยศีรษะของศิษย์นับไม่ถ้วน ทำให้เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้มองไม่เห็นอันใดสักอย่าง และเห็นเพียงร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นลางๆ
และแม้จะเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย แต่ลมปราณที่หมุนเวียนอยู่รอบตัวเขากลับโดดเด่นกว่าคนอื่นมาก และสามารถสังเกตเห็นได้ในทันที
เด็กหนุ่มคนนั้นยืนอยู่คนเดียว ท่าทางของเขาแลดูตรงไปตรงมาและสง่าผ่าเผย
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เสมือนกำลังมองดูตารางจัดอันดับชิงอวิ๋น และเหมือนว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
หลินจือเฟยเหลือบมองอีกฝ่ายสองสามครั้งแล้วถอนสายตาออกมา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
ตอนแรกคนผู้นั้นเองก็บอกว่าอยากมาที่สำนักหลิงเซียว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
ไม่รู้เลยว่า นางจะมาได้หรือไม่
…
การที่ชื่อของหลินจือเฟยปรากฏอยู่บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋น สร้างความโกลาหลได้ไม่น้อย
หลังจากใครหลายคนได้ยินข่าวนี้ ต่างก็พากันมองเขาด้วยความสงสัยใคร่รู้
และท่ามกลางคนเหล่านั้น ก็มีหลายคนที่คิดเหมือนชายหนุ่มผู้เป็นศิษย์พี่ของเขา และอยากดูใครจักโดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์ใหม่ทั้งหมดที่เพิ่งเข้ามา
ตอนนี้หลินจือเฟยเป็นคนแรกที่ขึ้นตารางได้ และได้ตำแหน่งบนนั้นมาครองแล้ว
แต่ถ้าฉู่เยว่ไม่สามารถขึ้นตารางได้ จะต้องอับอายขายหน้าเป็นแน่
…
“คนต่อไป ฉู่เยว่!”
ในที่สุดก็ถึงคราวของฉู่หลิวเยว่
ฝูงชนต่างเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกได้ชัดเจนว่าทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่นาง
นางยกเท้าขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้า
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมองนางพลางแย้มยิ้ม
“ฉู่เยว่ เจ้าเลือกมาว่าอยากประลองกับใคร?”
แน่นอนว่าคำถามนี้ย่อมหมายถึงบุคคลที่มีรายชื่ออยู่บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋น
ในมุมมองของผู้อาวุโสวั่นเจิง ลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาได้เป็นเซียนหมอระดับเก้าแล้ว แม้จะยังเทียบผู้ที่มีรายชื่อบนตารางนั่นไม่ได้ แต่หากท้าประลองกับอันดับท้ายๆ ย่อมมิใช่ปัญหา
หากเป็นศิษย์คนอื่นที่เพิ่งทะลวงผ่านเซียนหมอระดับเก้า ผู้อาวุโสวั่นเจิงคงไม่มีท่าทางความมั่นใจเช่นนี้
แต่เพราะคนผู้นี้คือฉู่หลิวเยว่ เมื่อเป็นเขาทุกอย่างล้วนดูเป็นไปได้
เนื่องจากทักษะการกลั่นโอสถของนางเป็นไปได้อย่างราบรื่น ฉะนั้นถึงจะเพิ่งทะลวงผ่านระดับเก้า แต่เมื่อเทียบกับระดับเก้าคนอื่นแล้ว ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
ดังนั้นผู้อาวุโสวั่นเจิงจึงตื่นเต้นมาก และรอคอยที่จะได้เห็นลูกศิษย์ของเขาขึ้นชื่อบนตารางจัดอันดับ
ชิงอวิ๋นวันนี้ด้วยตาตัวเอง!
ทว่าคำตอบของฉู่หลิวเยว่กลับทำให้เขาต้องประหลาดใจ
“ท่านอาจารย์ ข้าต้องเลือกจริงหรือขอรับ?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงตกตะลึง
“อันใดกัน เจ้า…ไม่อยากประลองหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เม้มปากอย่างขบคิด
“ดูจากกำลังของศิษย์ในตอนนี้ เกรงว่า…จะมิอาจชนะได้ ดังนั้น ไหนถึงไม่รออีกสักพักแล้วค่อย…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
นี่มันเกิดอันใดขึ้น?
นี่ฉู่เยว่ไม่คิดจะประลองจริงหรือ?
แต่เขาทะลวงไปถึงระดับเก้าได้แล้วนะ!
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสามารถและจิตวิญญาณของเขาในด้านนี้ แน่นอนว่าเขาต้องชนะอยู่แล้ว
แล้วเหตุใดตอนนี้ถึง…
“เจ้าคิดดีแล้วหรือ?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงยังคงไม่เชื่อ
ตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นถือเป็นเป้าหมายหลักของศิษย์จำนวนมากในสำนักวิชาแห่งนี้
พวกเขาตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะได้มีชื่ออยู่บนนั้น
ส่วนผู้ที่อ่อนแอก็จะถูกปัดตก ทั้งๆ ที่ฉู่หลิวเยว่สามารถทำได้ แล้วเหตุใดเขาถึงปฏิเสธ?
“โอกาสแบบนี้ไม่ได้มาง่ายๆ นะ!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงเหลือบมองผู้อาวุโสอีกคนที่อยู่ไม่ไกล ด้วยสีหน้ากล้ำกลืน
ฉู่หลิวเยว่ใจกระตุกวูบ พลันนึกถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเคยกล่าวไว้เมื่อวันวาน
…ผู้อาวุโสวั่นเจิงโพนทะนาออกไปแล้ว ว่านางทะลวงผ่านเซียนหมอระดับเก้าได้แล้ว
ราวกับจะยืนยันความสงสัยของนาง ต่อมาผู้อาวุโสวั่นเจิงก็กระแอมออกมาเบาๆ ก่อนจะลดเสียงลงแล้วพูดว่า
“ศิษย์เอ๋ย ข้าไม่ได้อยากทำให้เจ้าลำบากใจ แต่…ข้าไปเดิมพันกับพวกเขาไว้แล้วน่ะสิ…เจ้าฟังนะ…ถึงจะไม่มีหลักประกันว่าเจ้าจะชนะ แต่ลองขึ้นไปแสดงฝีมือดูหน่อย…จักเป็นไรไป?”
แม้เขาจะแพ้ แต่แค่ทำให้ไอ้แก่พวกนั้นเห็นว่าฉู่เยว่ทะลวงถึงระดับเก้าได้ ก็คุ้มค่าแล้ว!
แค่ยอมแพ้เฉยๆ มันจะไปมีประโยชน์อันใด?
ถ้ากลับไปทั้งๆ แบบนี้ จะต้องถูกคนพวกนั้นหัวเราะเยาะแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่ “…”
“ศิษย์เอ๋ย เจ้าลืมข้อตกลงที่ข้าเคยบอกไปแล้วหรือ?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมองฉู่หลิวเยว่อย่างกระตือรือร้น
พวกเขาตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า จะรีบขึ้นตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นโดยเร็วที่สุด!
ฉู่หลิวเยว่เงียบไปครู่หนึ่ง
และจะได้สมุนไพรที่นางต้องการทั้งหมด ซึ่งข้อเสนอนี้ถือเป็นสิ่งล่อใจอันใหญ่หลวงจริงๆ…
“ตกลง!”