ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 13 ใครมาแอบดูข้า
ความคิดของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไป นางเพิ่งจะคิดได้ว่า ดูเหมือนร่างกายขององค์ชายเจ็ดหรงซิวไม่แข็งแรงจึงออกจากเมืองหลวงตั้งแต่เยาว์วัยจะเป็นเรื่องจริง หลายปีที่ผ่านมาเพิ่งกลับวังเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น
แม้แต่ในสายตาของขุนนางราชสำนักก็แทบจะไม่รู้สึกถึงการมีตัวตนขององค์ชายเจ็ดหรงซิวเลย แล้วนับประสาอะไรกับเจ้าของร่างเดิมที่อยู่แต่ในเรือนตลอดปีตลอดชาติและเป็นคนอ่อนแอมักถูกผู้อื่นรังแกเช่นนี้กันเล่า
ในความทรงจำของร่างเดิมนั้นแทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับองค์ชายเจ็ดหรงซิวเลย ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงไม่ได้ฉุกคิดถึงเรื่องที่เขาไม่ได้อยู่เมืองหลวงตั้งแต่แรก
“แต่สองวันนี้มีข่าวจริงดั่งว่า องค์ชายเจ็ดกำลังจะกลับมาแล้ว…เยว่เอ๋อร์ ลูกบอกว่าก่อนหน้านี้บังเอิญเจอองค์ชายเจ็ดที่ป่านอกเมืองใช่หรือไม่” ฉู่หนิงถามอย่างสงสัย
ฉู่หลิวเว่แอบโล่งใจและไหลไปตามน้ำ
“เจ้าค่ะ ตอนนั้นลูกก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอพระองค์ตอนกำลังเสด็จกลับมาพอดี”
“มิน่าล่ะ…ดูท่าองค์ชายเจ็ดคงกลับมาแล้วจริงๆ แต่ว่าที่เมืองหลวงยังไม่มีข่าวใดเลยนี่นา…”
ฉู่หนิงขมวดคิ้วครุ่นคิด แต่ก็มิได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ถึงอย่างไรไม่ว่าคนในราชวงศ์จะพูดหรือทำอะไรต่างก็มีเหตุผลของพวกเขาเองทั้งนั้น
อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้อยู่ในราชสำนักอีกต่อไปแล้ว ห่างไกลการแก่งแย่งชิงดีมานาน ขบคิดต่อไปก็ไร้ความหมาย
เขาลูบหัวเยว่เอ๋อร์ด้วยความรักและสงสาร
“คราวนี้เราเป็นหนี้บุญคุณองค์ชายเจ็ดแล้ว หากมีโอกาส พ่อต้องขอบพระทัยต่อหน้าพระองค์แน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่คิดร้ายในใจ บุญคุณใดกัน นางเป็นฝ่ายถือวิสาสะไปแช่น้ำในทะเลสาบคลื่นมรกตของเขาครู่หนึ่งมิใช่หรือ
แต่เมื่อเห็นสีหน้าโล่งใจของฉู่หนิง นางก็ไม่อธิบายให้มากความอีก จากนั้นจึงเบี่ยงประเด็นไปที่ยาซึ่งกำลังเคี่ยวกรำอยู่
“ท่านพ่อ นี่ข้าต้มตามสูตรยาในนั้น มันบอกว่าดีต่อแผลเก่าหลายปี ท่านพ่อลองดูสิเจ้าคะ”
ฉู่หลิวเยว่พูดพลางตักยาใส่ถ้วย จากนั้นเปิดกล่องหยกที่อยู่ด้านข้าง นำรากไม้สีแดงเข้มที่มีความยาวหนึ่งคืบขนาดความหนาเท่าหัวแม่มือออกมา นางออกแรงบีบมันจนน้ำสีแดงเข้มไหลหยดลงไปในถ้วยยานั้น
หลังจากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ยื่นถ้วยยานั้นให้ฉู่หนิง
ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้ากะพริบตามองยาสีแดงอ่อนๆ แล้วเกิดความไม่แน่ใจเล็กน้อย
“เยว่เอ๋อร์ นี่มัน…มันจะได้ผลจริงๆ หรือ”
แน่นอน ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าเขากังวลเรื่องอะไร คนที่ไม่รู้ความอะไรเลยที่เพิ่งลองต้มยาเองเป็นครั้งแรก เป็นใครก็ไม่ไว้ใจกันทั้งนั้น
อย่าว่าแต่หวังให้มันได้ผลเลย ขอแค่มันไม่มีพิษก็บุญหนักหนาแล้ว!
นางมิอาจบอกตัวตนที่แท้จริงของนางให้ฉู่หนิงรับรู้ได้ แล้วก็มิอาจบอกได้ว่านางไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บเรื้อรังหลายปีของเขาตั้งแต่แรก และทำได้เพียงให้เขาลองดูไปก่อนเท่านั้น
“เยว่เอ๋อร์ตั้งใจทำตามตำราแพทย์…”
ในขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังอธิบายอยู่นั้น ฉู่หนิงก็รับถ้วยยาในมือนางไปเสียแล้ว
เขาหัวเราะแล้วเอ่ยว่า
“ในเมื่อเยว่เอ๋อร์ลำบากต้มยาให้พ่อแล้ว เช่นนั้นพ่อก็จะไม่ทำร้ายน้ำใจของเยว่เอ๋อร์!”
เขาพูดพลางยกถ้วยยาขึ้นดื่มจนหมดเกลี้ยง
เมื่อดื่มยาหมดแล้วเขายังคว่ำถ้วยเปล่าให้ฉู่หลิวเยว่ดูอีกด้วย
“ดูสิ พ่อยอมดื่มจนหมดเลย!”
คนทั้งใต้หล้าคิดจะทำร้ายเขา แต่เยว่เอ๋อร์ไม่มีวัน!
แม้เขาไม่แน่ใจว่ายาถ้วยนี้ของเยว่เอ๋อร์จะมีผลอย่างไร กระนั้นเขาก็ยินดีที่จะดื่มด้วยความเต็มใจ
เพราะว่านี่คือบุตรสาวที่เขารักดั่งแก้วตาดวงใจ!
ฉู่หลิงเยว่ชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสเบิกบานบนในหน้าของฉู่หนิง นางจึงเอ่ยถามคำถามนี้โดยไม่รู้ตัว
“เยว่เอ๋อร์เพิ่งลองเป็นครั้งแรก ไม่มีประสบการณ์ใดๆ ท่านพ่อไม่กลัวหรือว่าถ้าดื่มยาถ้วยนี้ไปแล้วจะ…”
“ยามนี้ก็นับว่าลูกมีประสบการณ์แล้วมิใช่หรือ มีพ่ออยู่ทั้งคน เยว่เอ๋อร์ไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใดทั้งนั้น ลูกอยากทำสิ่งใดก็ทำไปเถิด!”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกถึงกระแสน้ำอุ่นไหลรินหัวใจ พลันรู้สึกเหมือนอบอุ่นขึ้นมาทันที
ในอดีตชาติ นางถูกทรยศหักหลังอย่างเจ็บปวดเข้ากระดูก ราวกับว่าหัวใจของนางได้ถูกแช่แข็งไปจนหมดสิ้นแล้ว แม้กระทั่งเลือดและกระดูกก็แข็งตัวไม่มีเหลือ
แต่ทว่าตอนนี้ เมื่อมองดูรอยยิ้มเอ็นดูของฉู่หนิง ทันใดนั้นก็ทำให้หัวใจของนางกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
นางก้มหน้าซ่อนน้ำตา เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็เอ่ยปากพูดอีกครั้ง
“ท่านพ่อต้องหายดีแน่นอนเจ้าค่ะ”
ฉู่หนิงอึ้ง แต่ก็ได้ยินนางพูดอีกประโยคอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“สักวันหนึ่งในอนาคต ท่านพ่อจะต้องกลับมาเก่งดังเดิม แล้วก็จะยิ่งเก่งขึ้นไปอีก!”
ฉู่หนิงหัวเราะขมขื่นในใจ
เก่งกว่าเมื่อก่อนหรือ
ขาของเขามัน…ไม่มีทางรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่สามารถบรรลุขั้นขึ้นไปได้อีก ทุกอย่างเหมือนจะพูดง่ายไปหรือไม่
แต่เขาก็ไม่ใจแข็งพอที่จะพูดเรื่องนี้ทำร้ายจิตใจบุตรสาว เขากลับยิ้มแล้วหยิกแก้มฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะเอ่ยถาม
“จริงสิ เงินที่นำไปซื้อยาพวกนี้…”
แววตาของฉู่หลิวเยว่เป็นประกายวูบไหว
“เงินพวกนี้องค์ชายรัชทายาทเป็นคนให้มา ท่านพ่อไม่ต้องกังวล”
ฉู่หนิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ในเมื่อฉู่หลิวเยว่ยืนกรานเช่นนี้ เขาก็ไม่ถามให้มากความอีก จากนั้นบ่นอีกไม่กี่ประโยคจึงจะออกไป
เขาขอลากลับบ้านมา ในเมื่อบุตรสาวไม่เป็นอะไร เขาก็ควรกลับไปทำงานเสีย
ฉู่หลิวเยว่รอเขาออกไปแล้วจึงเริ่มต้มยาต่อ
อาการบาดเจ็บของฉู่หนิงไม่สาหัสมากนัก แค่ใช้ยาสมุนไพรเพียงเล็กน้อยกับเวลาชั่วโมงเดียวก็เสร็จแล้ว นับจากนี้ต่างหากถึงจะเป็นเรื่องสำคัญของนาง
…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงยามค่ำคืน
กลิ่นยาในห้องเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่านางจะปิดประตูและหน้าต่างไปแล้วก็ตาม แต่ในเรือนก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่น
เดิมที่ที่พวกเขาอยู่นั้นห่างไกลมาก บวกกับเรื่องวุ่นวายในวันนี้ จึงไม่มีผู้ใดในตระกูลฉู่อยากมาที่นี่
พระจันทร์เสี้ยวลอยสูงเด่นบนท้องนภา
บรรยากาศในและนอกเรือนเงียบกริบ
ฉู่หลิวเยว่เทยาลงในถังไม้ที่เตรียมเอาไว้ข้างๆ ไอร้อนที่พวยพุ่งขึ้นผสมกลับกลิ่นยาหอมเข้มข้นตีขึ้นจมูกนาง
จากนั้นนางก็ปลดผ้าคาดเอวและเตรียมถอดเสื้อผ้า
แม้ว่าร่างกายนี้จะผอมบางและอ่อนแอ แต่ก็ซ่อนรูปอรชรอ้อนแอ้นของหญิงสาวเอาไว้
เมื่อเสื้อผ้าหลุดร่วงก็เผยให้เห็นไหล่ขาวเนียน
“ตึง!”
ฉับพลันก็มีเสียงชนสิ่งของดังมาจากข้างนอก!
ฉู่หลิวเยว่รีบสวมเสื้อผ้าและเดินไปที่หน้าต่างอย่างรวดเร็ว นางเปิดหน้าต่างและมองออกไปข้างนอก
“ผู้ใดน่ะ”
ภายนอกเรือนเงียบสงบ นางเห็นเพียงเงาสีขาวแวบวาบผ่านกำแพงในระยะไกลเท่านั้น
เมื่อนางต้องการจะดูใกล้ๆ เงานั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นางรออย่างระแวดระวังอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิง่ใดเกิดขึ้น นางก็ไม่ไปดูอีก
ขณะที่นางกำลังจะปิดหน้าต่างอีกครั้ง หัวใจของนางก็เต้นโครมคราม
หรือว่า…เมื่อครู่นี้จะเป็นเสวียเสวี่ยที่มาหา
นอกจากนี้ นางก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีผู้ใดมาที่นี่ได้อีก
เหตุใดมันถึงได้กลับไปอีกแล้วล่ะ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่หลิวก็ปิดหน้าต่างแต่ไม่ได้ลงกลอนเอาไว้
หากมันกลับมาจะได้เข้ามาทางนี้ได้
เมื่อจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ นางก็ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดสักที จากนั้นนางก็เข้าไปแช่ในถังไม้
พลังที่ร้อนแรงพุ่งเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างบ้าคลั่งแทรกซึมไปตามผิวหนัง!
ดูเหมือนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่จะมีเลือดฝาดทันทีเพราะขณะนี้แดงก่ำอย่างยิ่ง
ชีพจรดั้งเดิมของร่างกายนี้ไม่สมบูรณ์ พลังที่มีอยู่ก็อ่อนแอมาก การที่พลังรุนแรงแทรกซึมเข้ามาเยี่ยงนี้ จึงทนรับไม่ไหวเป็นธรรมดา
ฉู่หลิวเยว่เปิดกล่องหยกใบสุดท้าย หยิบไข่มุกเมฆาเนื้อเย็นขนาดใหญ่เท่าตามังกรสีเขียวมรกตเข้าปากกลืนลงไป
ลมหายใจเย็นฉ่ำสดชื่นพุ่งเข้าปอดทันที!
จากนั้นความเจ็บปวดก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย!
ภายนอกหนาวเหน็บภายในร้อนเร่า ราวกับกำลังสัมผัสน้ำและไฟไปพร้อมกัน
เมื่อมีสิ่งกระตุ้นที่ร้อนแรงเช่นนี้ จึงจะสามารถกระตุ้นชีพจรเดิมและเข้าสู่การฟื้นฟูได้!
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลงอย่างเชื่องช้า
ภายในตำแหน่งตันเถียน หน้ากระดาษหนังสือแผ่นโปร่งใสที่ไม่สมบูรณ์หน้านั้นก็กลายเป็นทะเลสาบเล็กๆ และทันใดนั้นก็เกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้นมา!
…
ด้านนอกตระกูลฉู่ มีเงาร่างสูงใหญ่ของคนผู้หนึ่งซ่อนตัวอยู่ในตรอกซอยมืดเงียบยามค่ำคืน
แสงจันทร์เย็นยะเยือกสาดส่อง แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่าแสงแวววาวในดวงตาของเขา
ข้างหลังของเขามีสิงโตขาวตัวหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่า หน้าผากของมันปรากฏรอยปูดนูน จนเห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งถูกตีหัวมาไม่นาน
หรงซิวยืนเอามือไพล่หลัง มองดูเรือนหลังนั้นที่มืดสนิทและสงบอย่างเงียบๆ และเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเล็กน้อย
“หากมีครั้งต่อไป ข้าจะตีตาเจ้า เข้าใจหรือไม่”
Next