ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 144 สู้สุดชีวิต
ตอนที่ 144 สู้สุดชีวิต
ในช่วงเวลาที่หยดน้ำเปลี่ยนไป ทันใดนั้นนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาที่อยู่ใกล้ฉู่หลิวเย่รับรู้ได้ถึงอันตรายถึงชีวิต!
มันมองไปยังฉู่หลิวเย่ด้วยความตื่นตระหนก แววตาดูถูกและเย้ยหยันหายวับไปในทันที เหลือเพียงความหวาดกลัวที่อยากจะปิดบัง!
วินาทีต่อมา มันถอยกลับไปด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด
ราวกับว่าฉู่หลิวเย่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว!
สัตว์อสูรทั้งหมดที่มุงดูต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเช่นกัน
นี่…เกิดอันใดขึ้น?
ไม่ใช่ต้องการฆ่ามนุษย์เลวทรามคนนั้นหรือ? เพราะเหตุใด…
สติของฉู่หลิวเย่กลับคืนมา จึงพบว่าหยดน้ำตรงตำแหน่งตันเถียนเคลื่อนไหว!
พลังมหาศาลพลุ่งพล่านอย่างต่อเนื่อง ต่อมา หยดน้ำเล็กๆ หนึ่งหยดแยกออกมาจากด้านบน!
ฉับพลันฉู่หลิวเย่รู้สึกคันที่ฝ่ามือ เมื่อก้มหน้ามองดูก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ
นางเห็นหยดน้ำเล็กๆ หนึ่งหยดปรากฏขึ้นบนฝ่ามือที่เปื้อนเลือดของนาง!
หยดน้ำหยดนั้นมีขนาดพอๆ กับเมล็ดถั่วเหลือง มีลักษณะเป็นทรงกลม โปร่งใส เรียบเนียน ดูไม่ต่างจากหยดน้ำทั่วไป
ครั้นเมื่อเข้าใกล้จะรับรู้ได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัว!
ฉู่หลิวเย่มองดูด้วยความตกตะลึง
ภาพนี้คล้ายคลึงกับภาพที่นางฟื้นคืนเส้นโลหิตเดิม
ความแตกต่างคือครั้งที่แล้วนางใช้หยดน้ำในการฟื้นคืนเส้นโลหิตเดิมในร่างกาย ทว่าครั้งนี้กลับถูกใช้เพื่อโจมตี!
ในขณะที่นางยังไม่ทันได้ตอบสนอง หยดน้ำก็พุ่งออกไปยังนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาอย่างรวดเร็ว!
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหายังคงล่าถอยอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทว่าความเร็วของหยดน้ำนั้นกลับเร็วกว่ามัน!
ภายในชั่วพริบตา มันก็อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว!
เมื่อนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาสะบัดปีก เปลวไฟสีแดงก็พุ่งออกมา! ทันใดนั้นสิ่งกีดขว้างห็ถูกสร้างขึ้นต่อหน้าของมัน!
ทว่าในเวลาต่อมา แววตาของมันกลับฉายแววตื่นตระหนก!
เพราะหยดน้ำหยดนั้นทะลุผ่านชั้นเปลวไฟ และความเร็วก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย!
ความเร็วของหยดน้ำนั้นเร็วมาก ถ้าหากมองอย่างละเอียดจะเห็นรูเล็กๆ ที่ทะลุผ่านเปลวไฟ!
เปลวยังสร้างไม่เสร็จ หยดน้ำกลับทะลุผ่านมาเสียแล้ว!
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหากลับยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
มันเคยสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ และภาพตรงหน้าก็ยิ่งพิสูจน์ถึงการคาดเดาของมัน มีพลังลึกลับที่แปลกประหลาด ทรงพลังอยู่ในร่างกายฉู่หลิวเย่!
พลังนี้มันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ต่อสู้!
เมื่อมันคิดเช่นนั้น จึงล่าถอยอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีนี้!
ร่างขนาดใหญ่สีดำและสีแดงเคลื่อนที่ไปมาบนท้องฟ้าอย่างดุเดือด เส้นทางนั้นดูวุ่นวายไม่เป็นระเบียบและแปลกประหลาดนัก
ราวกับหยดน้ำนั้นคือลูกตาที่คอยติดตามอย่างใกล้ชิดและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ!
…..
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
อาวุโสซุนและซือถิงรีบมาอย่างเงียบๆ ทว่ากลับพบกับเหตุการณ์ผิดปกติ จึงเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่ง
ดูเหมือนว่ามันกำลังหลีกเลี่ยงบางอย่าง
ซือถิงเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้ว พลางละสายตามองไปบนยอดเขา
แท้จริงมีระยะห่างจากภูเขาลูกนั้น แต่สามารถเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่นั่น
ในความมืดมิด เขามองเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่บนยอดเขา
ไม่ใช่ฉู่หลิวเย่ แล้วจะเป็นผู้ใด?
เพียงแค่ยามนี้ นางนั่งอยู่บนก้อนหิน และดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อซือถิงรู้สึกกังวลใจ เขากำลังจะก้าวเท้าเดินหน้าต่อไป ทว่าอาวุโสซุนกลับหยุดเขาไว้เสียก่อน
“ซือถิง ข้างหน้านั้นคือที่ที่ของสัตว์อสูร และควบคุมโดยนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาถ้าหากเข้าไป จะว่าไปมันคงไม่ง่ายเช่นนั้น เจ้ารออยู่ที่นี่ อาจารย์จะไปตรวจสอบให้ละเอียด”
ริมฝีปากของซือถิงขยับราวกับว่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทางแน่วแน่ของอาวุโสซุน เขาจึงกลืนคำพูดลงคอไป
“…ขอรับ”
ซุนจ้งก้าวเท้าเพื่อจะไปด้านหน้าทันทีเมื่อพูดจบ
ปัง!
ทันใดนั้นกลับมีเสียงดังสนั่นดังออกมา!
อาวุโสซุนและซือถิงต่างตื่นตระหนก พร้อมทั้งมองไปยังทิศทางของเสียง ทว่ากลับเห็นหลุมโผล่ขึ้นมากลางป่าเขาบนพื้นดินที่อยู่ไม่ไกลนัก
ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาจากหลุมนั้น!
ทั้งสองต่างตะลึงงัน!
อาวุโสซุนตะโกนเสียงดัง “ผู้ใดกัน?”
ดูเหมือนว่าผู้ที่อยู่ในนั้นจะตกใจ เขาหดมือกลับไปอย่างรวดเร็ว และก็มีร่างหนึ่งกระโดดออกมา!
นั่นคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ผิวสีเข้ม อีกทั้งยังมีบาดแผลและคราบเลือดทั่วร่างกาย พร้อมทั้งท่าทีตื่นตระหนก
ทว่าเขากลับสวมเครื่องแบบของโรงเรียนเทียนลู่
ฉันพลันอาวุโสซุนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ทันทีที่ชายหนุ่มออกมา เขาก็มองไปยังอาวุโสซุนและซือถิง และเมื่อเห็นใบหน้าทั้งสองคนชัดๆ เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“อาวุโสซุน?”
ความกังวลและความสงสัยของเขาพลันหายไปในพริบตา ทันใดนั้นเขาจึงหันกลับไปตะโกนที่หลุมทันที “หงอวี๋! หมิงเฟิง! พวกเจ้ารีบออกมา! ผู้ที่อยู่ด้านนอกคืออาวุโสซุน!”
ครั้นเมื่อได้ยินชื่อของทั้งสอง อาวุโสซุนและซือถิงจึงเข้าใจในที่สุด
นี่คือคนในทีมของฉู่หลิวเย่!
จากนั้นมู่หงอวี๋และกู้หมิงเฟิงก็เดินออกมา ซึ่งดูย่ำแย่มาก และมีท่าทีตื่นตระหนกเช่นกัน
อาวุโสซุนกวาดสายตามองทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว และเขาก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
“พวกเจ้าไปทำสิ่งใดมา? เหตุใดจึงบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้?”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาจึงเห็นว่ามู่หงอวี๋กำลังอุ้มหมีแผงคอทองคำตัวเล็กหนึ่งตัวอยู่ในอ้อมแขน
“นี่คือ…”
“อาวุโสซุน พวกเราเคยถูกกู้หมิงจูทำร้ายมาก่อน และถูกหมีแผงคอทองคำไล่ฆ่า หลังจากที่มันตาย พวกเราจึงมีชีวิตรอดมาได้”
มู่หงอวี๋สรุปเรื่องราวทั้งหมดอย่างง่ายๆ
อาวุโสซุนและซือถิงกลับตกตะลึงเมื่อได้ยิน
“หมีแผงคอทองคำ!”
นั่นคือสัตว์อสูรระดับสี่
พวกเขากี่คนที่สามารถฆ่ามันได้จริงๆ หรือ?!
มู่หงอวี๋พยักหน้า “เจ้าตัวเล็กนี่คือลูกของหมีแผงคอทองคำ ข้านำมันมาเพื่อเป็นสัตว์อสูรของข้า”
อาวุโสซุนกำลังจะถามอีกครั้ง ทว่าซือถิงที่อยู่ข้างๆ กลับพูดอย่างเฉยชา “มีแค่พวกเจ้าสามคน?”
เฉินหู่รีบตอบในทันที “ใช่! พวกเราสามคนแยกกับหลิวเย่ นางบอกว่าจะมาเจอพวกเราที่นอกภูเขา นางอยู่ที่ใด?”
เมื่อเฉินหู่พูดจึงพบว่าฉู่หลิวเย่ไม่ได้อยู่ที่นี่
มือของซือถิงที่อยู่ในแขนเสื้อค่อยๆ กำหมัดแน่น
“นางไม่ได้อยู่ที่นี่”
กู้หมิงเฟิงรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาจึงมองไปรอบๆอย่างเงียบๆ ในที่สุดเขาจึงเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ห่างไกล!
“นางอยู่ที่นั่น!”
เห็นได้ชัดว่าในขณะนี้นางกำลังถูกห้อมล้อมด้วยสัตว์อสูรมากมายนับไม่ถ้วน
ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด!
กู้หมิงเฟิงจ้องไปยังร่างใหญ่โตที่อยู่บนท้องฟ้า
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหา?!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ยามนี้ฉู่หลิวเย่ยังไม่ปรากฏตัว เห็นได้ชัดว่านางกำลังตกอยู่ในอันตราย!
อาวุโสซุนไม่ได้สนใจที่จะถามเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ เขาเพียงแค่พูดกับซือถิงอย่างรวดเร็ว “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นให้ลงมือทันที เจ้าจงปกป้องสามคนนี้ก่อน เพราะอาจารย์ได้แจ้งอาจารย์ท่านอื่นแล้วว่าให้ส่งพวกเขาออกมา”
ซือถิงพยักหน้า “ท่านอาจารย์วางใจเถิด”
อาวุโสซุนพยักหน้า จากนั้นหันหลังจากไป
ในขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าไป นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาบนท้องฟ้ากลับร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่ง!
ดูเหมือนมันจะเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด หลังจากที่มันเคลื่อนไหวบนอากาศอย่างดุเดือด ทันใดนั้นหัวของมันก็กระแทกที่กลางภูเขา!