ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 146 หรงซิว
ตอนที่ 146 หรงซิว
“ดูเหมือนที่นั่นจะมีบางอย่างผิดปกติ”
หลังจากที่อาวุโสซุนเห็นว่านาคาปีกทมิฬกลืนเวหากำลังเคลื่อนที่ไปยังยอดเขา ทว่าผ่านไปไม่นาน มันกลับหยุดนิ่ง
สภาพของมันแปลกมาเมื่อมองจากระยะไกล
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าระวังตัวด้วย”
อาวุโสซุนรีบตรงไปยังภูเขาทันทีเมื่อกำชับกับทุกคนเรียบร้อยแล้ว
มู่หงอวี๋เหม่อมองออกไปอย่างว่างเปล่าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“ถ้าหาก…ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเรา…หลิวเย่ นางคงจะไม่…”
นางสำลักและพูดต่อไปไม่ได้ มีเพียงน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา
นางเป็นคนชอบชิงดีชิงเด่น จากที่ไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าผู้คน กลับรู้สึกอ่อนอยู่เสมอ แต่ในเวลานี้นางกลับไม่สามารถดูแลสิ่งเหล่านั้นได้ ในใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแล้วความเศร้าราวกับน้ำทะเลที่ถาโถมเข้ามาจนทำให้นางหายใจไม่ออก
ใบหน้าของเฉินหู่ก็ซีดเผือดเช่นกัน สุดท้ายเขาทำได้เพียงเดินไปข้างหลัง พร้อมทั้งยกกำปั้นทุบลงไปที่ต้นไม้
กู้หมิงเฟิงกลับเป็นคนที่สงบที่สุด
“นางไม่เป็นอันใดหรอก”
คำพูดนี้ ทำให้ทุกคนมองมาที่เขา
มู่หงอวี๋อดถามไม่ได้ “จริงหรือ? หมิงเฟิง เหตุใดเจ้าจึงแน่ใจว่าจะเป็นเช่นนั้น?”
กู้หมิงเฟิงกลับมีสีหน้านิ่งเฉยและไม่พูดอะไร
หญิงสาวที่เฉลียวฉลาดมิมีผู้ใดเทียม อีกทั้งยังมีการสังหารที่เด็ดขาดเช่นนี้ จะปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร
พละกำลังของนางต้องมีมากกว่าที่พวกเขาเคยเห็นอย่างแน่นอน
นางช่างลึกลับราวกับว่านางรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
การที่นางสามารถหนีออกมาได้หลังจากที่ทำให้องค์รัชทายาทและตระกูลฉู่ขุ่นเคือง นั่นก็บ่งบอกถึงความสามารถของนางแล้วมิใช่หรือ?
ลึงลงไปในก้นบึ้งของหัวใจ เขามีความเชื่อมั่นในตัวนางอย่างอธิบายไม่ถูก
แม้เขาจะไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจนี้มาจากที่ใดก็ตาม
ทว่า…
อีกไม่นานคงได้รู้!
ซือถิงเหลือบมองเขา เห็นแสงสว่างสีดำสว่างวาบในแววตาอันแหลมคมของเขา
จากนั้น เขาจึงหันกลับไปจ้องภูเขาลูกนั้น และมือในแขนเสื้อของเขาก็ค่อยๆกำหมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เขาก็รู้ว่าฉู่หลิวเย่ซ่อนความแข็งแกร่งของตนไว้ ทว่า…นั่นคือนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาสัตว์อสูรระดับเจ็ด!
นางต้องทำอย่างไรจึงจะกลับมาอย่างปลอดภัย!?
……
อาวุโสซุนเข้าใกล้อย่างเงียบๆ ไม่นานนักเขาก็มาถึงเชิงเขา
ด้วยความกลัวว่าจะเป็นจุดสนใจ เขาจึงไม่กล้าเดินทางบนอากาศ จึงทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในป่า
แม้ว่าเขาจะไม่ถูกค้นพบ ทว่าเชิงเขาและบนยอดเขาเกือบทั้งหมดต่างถูกครอบครองโดยสัตว์อสูร หากเขายังก้าวไปข้างหน้า จะต้องถูกค้นพบอย่างแน่นอน
อาวุโสซุนมองไปยังกลุ่มสัตว์อสูรที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยใจที่เป็นกังวล
ภูเขาทั้งลูกถูกห้อมล้อม เขาอยากจะฝ่าฟันเข้าไปจากด้านนอก ทว่ามันก็เป็นเรื่องยากยิ่ง
ไม่ต้องพูดถึงนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา เพียงแค่ด้านนอกยังถูกสัตว์อสูรรุมล้อมจนเขายากที่จะต้านถึงเพียงนี้
แต่ฉู่หลิวเย่และคนอื่นยังอยู่ด้านบน
เขาหาทางซ่อนตัว ในมุมที่มองเห็นได้ดี และมองกลับไปบนภูเขาอีกครั้ง
จากตรงนี้สามารถมองเห็นสถานการณ์ด้านบนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ทว่าหลังจากที่มองเพียงแวบเดียว หัวใจของอาวุโสซุนก็เต้นรัว!
เขาเห็นความโกลาหลบนยอดเขา และฉู่หลิวเย่กับนาคาปีกทมิฬกลืนเวหากำลังเผชิญหน้ากันจากระยะไกล!
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหานอนขดตัวเป็นวงกลม พร้อมทั้งปล่อยพลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งดูน่ากลัวยิ่ง
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเย่อยากจะจากไป แต่กลับถูกอีกคนหนึ่งรั้งไว้โดยกอดขาเอาไว้แน่น
เมื่ออาวุโสซุนมองอย่างละเอียด กลับพบว่าคนนั้นคือกู้หมิงจู!
นางกำลังทำอันใดกัน?!
ในเมื่อกู้หมิงจูอยู่ที่นี่ เหตุใดจึงไม่หนีไปกับฉู่หลิวเย่ แต่กลับขัดขวางนาง?
ดูเหมือนนางไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยฉู่หลิวเย่สหายที่มีอาจารย์คนเดียวกัน ทว่าตรงกันข้ามนางกำลังช่วยนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา!
หัวใจของอาวุโสซุนลุกเป็นไฟ เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะไปที่นั่น!
กู้หมิงจูบ้าไปแล้วจริงๆ!
……
ฉู่หลิวเย่อยากที่จะสะบัดกู้หมิงจูทิ้งไป ทว่ากู้หมิงจูกลับมุ่งมั่นที่จะรั้งนางไว้ เพื่อแลกกับโอกาสที่ตนเองจะมีชีวิตอยู่
แม้ว่าการวิ่งเต้นและการกดขี่ข่มเหงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นางจะใช้พลังค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้ทำให้นางได้รับบาดเจ็บมากนัก
ซึ่งดีกว่าฉู่หลิวเย่นิดหน่อย
ดังนั้นด้วยการที่นางกัดฟันดื้อรั้นต่อไป ไมว่าฉู่หลิวเย่จะสะบัดกี่ครั้งนางก็ไม่ยอมปล่อย
ส่วนอีกด้านหนึ่ง บาดแผลของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหายังคงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อพลังของหยดน้ำค่อยๆหมดไป ในที่สุดมันก็กลับมาหายใจได้อีกครั้ง
มันเงยหน้าขึ้น แววตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น!
แม้แต่กู้หมิงจูยังตื่นตระหนกเมื่อเห็นมัน
นางรีบตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว
“ข้า! ข้าช่วยเจ้าขัดขวางฉู่หลิวเย่ เจ้า เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ? ได้โปรด!”
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาส่งเสียงคำรามเมื่ออดทนจากความเจ็บปวด!
เสียงคำรามดังเข้าไปในโสตประสาทของฉู่หลิวเย่ ทันใดนั้นราวกับว่ามีภูเขากดทับอยู่ที่ไหล่ของนาง!
การบังคับอันทรงพลัง ทำให้นางเคลื่อนไหวได้ยาก!
นางตื่นตระหนกในทันใด!
ดูเหมือนว่านาคาปีกทมิฬกลืนเวหากำลังชะลอตัว เกรงว่าต่อไปในจะตอบโต้อย่างรุนแรง!
ในยามนี้พลังของนางกำลังจะหมดลง และนางคงไม่มีพลังตอบโต่เป็นแน่!
นางหรี่ตาลง พลางจ้องไปที่ท้องของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา
ตรงนั้นมีบาดแผลขนาดใหญ่และเลือดไหลนอง ดูน่าสยดสยอง
มันคือบาดแผลที่หยดน้ำฝากไว้!
นางกัดฟัน
ถ้าหาก…มีหยดน้ำอีกหนึ่งหยด นางย่อมชนะแน่!
ขณะที่ความคิดกำลังผุดขึ้นมา ฉับพลันนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาก็เคลื่อนไหว!
คราวนี้มันไม่ได้เคลื่อนไหวไปข้างหน้า ทว่ากลับขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อปีกของมันขยับ ลมพัดโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง!
พลันอ้าปากส่งเสียงกรีดร้องดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
ฉู่หลิวเย่ตกตะลึง และยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น!
ในเวลาต่อมา ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับมืดลงในทันใด!
หลุมดำทรงกลมปรากฏขึ้นบนหัวของมัน!
ก้อนเมฆโดยรอบถูกดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว!
ในขณะที่สิ่งต่างๆกำลังหลั่งไหลเข้าไป หลุมดำก็ขยายตัวใหญ่อย่างต่อเนื่อง ไม่นานนักมันก็ขยายจนสามารถปกคลุมภูเขาทั้งหมด!
ชั่วพริบตาเดียว ก้อนหินบนยอดเขาสั่นไหวและลอยขึ้น ในที่สุดมันก็ถูกกลืนกินเข้าไปในกระแสน้ำวน!
ฉู่หลิวเย่ตื่นตระหนกอย่างมาก!
นี่คือวิธีการสังหารของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา…การกลืนกินท้องฟ้า!
แม้ว่ามันจะใช้พลังอย่างมากในการทำสิ่งนี้ แต่ในตอนนี้รู้แจ้งแล้วว่ามันวางแผนที่จะสู้สุดชีวิต!
ฉู่หลิวเย่เตะกู้หมิงจูออกไป แล้วแทงกริชเข้าในกำแพงภูเขาที่อยู่ข้างๆ!
พลังการดึงดูดมากมายมหาศาล!
ร่างกายของกู้หมิงจูลอยขึ้นไปอย่างควบคุมไม่ได้!
เมือถึงตอนนี้ นางก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างปกติ
เมื่อถูกหลุมดำดูดเข้าไป นางเกรงว่าตัวเองจะตาย!
นางมองไปรอบๆ พยายามไขว่คว้าอะไรบางอย่าง ทว่ากลับสายเกินไป
“ไม่! ไม่ได้! ข้ายังตายไม่ได้! ข้าเพิ่งช่วยเจ้าขัดขวางฉู่หลิวเย่ เหตุใดเจ้าจึงจะฆ่าข้า!?”
นางหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดและตื่นตระหนก
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาไม่แม้แต่จะเหลียวมองนาง
สำหรับมดพวกนี้ไม่เคยมีความหมายใดกับมัน
กู้หมิงจูรู้สึกว่าพลังนั้นเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นางอดเงยหน้าขึ้นมาได้ จึงได้รู่ว่าตนเองได้มาถึงหน้าหลุมดำแล้ว!
ด้านในมืดสนิทราวกับขุมนรก หากได้เข้าไป จะติดอยู่ในนั้นตลอดกาล!
ใบหน้านางซีดเผือด และพยายามจะหนี ทว่ากลับเปล่าประโยชน์
“ไม่ ไม่…”
ในเวลาต่อมา ร่างกายของนางก็ถูกกลืนกินจนหมด!
ในชั่วพริบตา ราวกับมีมีดนับพันเล่มบดขยี้และขีดข่วนไปทั่วร่างกาย!
“กรี๊ด…”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องกังวานไปทั่วทั้งภูเขา ทว่ามันกลับไปหายไปอย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอย
กริ๊ก!
ทันใดนั้นกำแพงภูเขาที่มีกริชของฉู่หลิวเย่ปักอยู่กลับปรากฏรอยแตกร้าว!
ร่างกายของนางเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาส่งเสียงคำรามอีกครั้ง!
หลุมดำบนท้องฟ้ายิ่งหมุนอย่างบ้าคลั่งมากขึ้นอีก!
ทันใดนั้นกำแพงภูเขาที่อยู่ข้างๆฉู่หลิวเย่ก็พังทลายลง!
นางเสียสมาธิและถูกพัดพาไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว มุ่งหน้าไปยังกระแสน้ำวนอันน่าหวาดกลัว!
ความสุขปรากฏขึ้นในแววตาของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา
ขอเพียงฉู่หลิวเย่ถูกฆ่าและบดขยี้…
ฉู่หลิวเย่มองไปยังความมืดที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อีกทั้งยังมองเห็นพลังสีดำที่เชื่อมโยงถึงกันในบริเวณใกล้ๆ อีกด้วย!
ในเวลาต่อมา ร่างกายของนางถูกกลืนกินจนหมด!
ความสิ้นหวังอันมืดมิดหลั่งไหลมาทุกทิศทาง!
ทว่าเมื่อพลังที่อยู่รอบๆ กำลังจะปลิดชีพนาง ทันใดนั้นจึงมีร่างสีขาวปรากฏขึ้น!
มือเรียวยาวขาวผ่อง ฉีกความมืดมิดอันไร้ขอบเขตออกจากกัน พร้อมทั้งจับมือนางไว้แน่น
มือนั้นมีอุณหภูมิที่ปกติ ทว่าฉู่หลิวเย่กลับรู้สึกร้อนมาก
อุณหภูมิความร้อนที่แผดเผาแผ่ซ่านไปทั่วตั้งแต่มือที่สัมผัสจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ
ต่อมา นางเข้าไปอยู่อ้อมกอดอันอบอุ่น และพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แตกสลายไปในทันที
แม้ว่านางจะยังไม่เห็นใบหน้าของบุคคลนั้น ทว่ากลิ่นหอมเย็นที่คุ้นเคยกลับทำให้นางรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
นางจึงอดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้ : “…หรงซิว?”
ในความมืดมิด นางไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ แต่นางมั่นใจว่าต้องเป็นเขาแน่ๆ!
ผู้ที่กอดนางไว้ในอ้อมกอดหัวเราะเบาๆดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขมาก
ฉู่หลิวเย่ยังสามารถสัมผัสถึงการสั่นสะเทือนในหน้าอกของเขาอย่างชัดเจน
“เย่เอ๋อร์ สายตาของเจ้าดีขึ้นมา ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นข้า”
ใบหูของฉู่หลิวเย่ร้อนผ่าวในทันที
ในที่แห่งนี้มืดสนิท มองไม่เห็นสิ่งใด แต่เขากลับจงใจบอกว่านาง “สายตาดี” เห็นได้ชัดว่าเขาเยาะเย้ยนาง
ถ้าหากไม่คุ้นเคยรู้จักกันเป็นอย่างดี จะสามารถโอบกอดนางด้วยมือข้างเดียวได้อย่างไร?
“เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด? ที่นี่มันอันตรายยิ่ง”
ในขณะนี้ฉู่หลิวเย่ก็นึกขึ้นได้ว่า หรงซิวเข้ามาในกระแสน้ำวนดำกับตน!
หรงซิวจับไหล่ของนางเบาๆ
ไม่รู้ว่าเสียเลือดไปเท่าไหร่
หัวใจของเขาเหมือนถูกแทงด้วยบางสิ่งบางอย่าง
“เพราะว่าอันตราย ข้าจึงต้องมา”