ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 164 หอโอสถสวรรค์
ตอนที่ 164 หอโอสถสวรรค์
“ถูกพิษ!”
มู่หงอวี๋ก็ตกใจมากเช่นกัน นางลืมความอายจนหมดสิ้นแล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“เจ้าแน่ใจหรือ เขาไปโดนพิษอะไรมา เจ้ารู้หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่เอาผ้าห่มคลุมให้เลี่ยวจงซูเหมือนเดิม นางไม่ได้ตอบคำถามมู่หงอวี๋ในทันที แต่กลับมองหน้าเลี่ยวจงซูแล้วเอ่ยถามว่า
“ในช่วงสองวันมานี้เจ้ารู้สึกคันขาบ่อยๆ แล้วพอเจ้าเกาผิวหนังก็ลอกแล้วมีเลือดออกใช่หรือไม่”
เลี่ยวจงซูพยักหน้าอย่างตกตะลึง
“เป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ…แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร”
ฉู่หลิวเยว่เพียงแค่เหลือบมองผ่านอาภรณ์เท่านั้น นางก็สามารถเดาได้อย่างแม่นยำมาก!
“ไม่สำคัญว่าข้าจะรู้ได้อย่างไร สิ่งสำคัญคือตอนนี้คือพิษได้ลามไปทั่วร่างกายของเจ้าแล้ว และมันจะเข้าสู่ปอดของเจ้าภายในสามวันนี้ หลังจากนั้นแล้วก็จะไม่มีทางแก้พิษได้”
เลี่ยวจงซูกระวนกระวายขึ้นมาทันที
“มัน…ร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือ แต่ตอนที่ข้ากลับมา ข้าไม่เคยออกไปไหนเลย ข้าจะถูกพิษได้อย่างไร ที่สำคัญพวกอาจารย์ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้…”
“พิษชนิดนี้เรียกว่า กู่โลหิตแดง[1] และเป็นพิษชนิดที่หาได้ยากยิ่ง เมื่อติดเชื้อแล้ว บาดแผลบนร่างกายจะเปื่อยเน่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่ร้ายแรงกว่านั้นรอบบาดแผลจะห้อเลือดอย่างรวดเร็ว จากนั้นผิวหนังก็จะเปราะบาง มีอาการเจ็บและคันมาก เพียงสัมผัสเบๆ ผิวหนังก็จะลอกออกมา จนสุดท้ายผิวก็แตกแล้วเลือดออกหมดตัวถึงขั้นเสียชีวิตได้!”
คำพูดทุกถ้อยคำที่ฉู่หลิวเยว่กล่าวออกมา ทำให้มู่หงอวี๋และเลี่ยวจงซูหน้าซีดเผือด จนกระทั่งได้ยินมาจนถึงคำสุดท้าย พวกเขาก็หน้าซีดราวกับผีก็มิปาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลี่ยวจงซูที่โกรธจัดในตอนแรก แต่ตอนนี้เขาหายใจไม่ออกเมื่อได้ยินประโยคนี้
“นี่…นี่…ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใด…หรือว่าข้า…”
เขาไม่สามารถพูดส่วนที่เหลือได้ แต่ฉู่หลิวเยว่และมู่หงอวี๋รู้ว่าเขากำลังกังวลถึงสิ่งใด
พิษอันร้ายแรงเช่นนี้ แม้กระทั่งอาจารย์ในสำนักยังจับสังเกตไม่ได้ เรื่องรักษายิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง!
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าชีวิตเขาจะเหลืออีกไม่กี่วันสุดท้ายแล้ว!
มู่หงอวี๋มองไปที่ฉู่หลิวเยว่ด้วยความกังวล
“หลิวเยว่ นี่มันร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือ ถ้าอย่างนั้นเจ้า เจ้ามีพอจะมีวิธีหรือไม่ ในเมื่อเจ้ารู้จักมัน เจ้าต้องหาทางรักษาได้ใช่หรือไม่”
เลี่ยวจงซูมองนางพร้อมกับความหวังสุดท้าย
ฉู่หลิวเยว่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ
“ข้ารู้จักพิษชนิดนี้ก็จริง แต่ถ้าหากต้องการขจัดพิษออกจนหมด อย่างน้อยจำเป็นต้องปรุงยาที่มากกว่าร้อยชนิด แล้วตัวยาส่วนใหญ่ก็มีราคาแพงมาก ที่สำคัญภายในระยะเวลาอันสั้น ข้าเกรงว่ามันจะหายาก…”
หากเป็นนางในชาติที่แล้ว การรับมือกับพิษชนิดนี้ย่อมไม่มีปัญหา แต่สถานการณ์ปัจจุบันนั้น ช่างทำอะไรยากลำบากจริงๆ!
กลัวว่ามีบางอย่างที่อาจจะหายากในแคว้นเย่าเฉิน
แววตาของเลี่ยวจงซูค่อยๆ หม่นแสงลง
เขาตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
“ดูเหมือนว่า…ข้าคงต้องทำได้เพียงรอความตาย…”
มู่หงอวี๋มองฉู่หลิวเยว่ที มองเลี่ยวจงซูที ตอนนี้นางรู้สึกร้อนใจราวกับหัวใจถูกแผดเผา
เลี่ยวจงซูและนางมีความสัมพันธ์อันดีเสมอมา ประกอบกับการที่พวกเขามีชีวิตรอดกลับมาในครั้งนี้ได้ เพราะเลี่ยวจงซูช่วยเหลือไม่น้อย
มิตรภาพระหว่างพวกเขามันเกินกว่าเป็นเพียงแค่ศิษย์ร่วมสำนักธรรมดาไปแล้ว
แล้วตอนนี้จะทนดูเขาตายไปต่อหน้าต่อตาได้หรือ
บรรยากาศในห้องเข้าสู่ความเงียบ
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็โพล่งถามว่า
“เจ้าไปโดนพิษนี้มาได้อย่างไร”
เลี่ยวจงซูมีสีหน้ามึนงง
“ข้า ข้าก็ไม่รู้…ก่อนหน้าไปบรรพตวั่นหลิงก็ยังดีๆ อยู่ แต่ตั้งแต่กลับมาบาดแผลก็ทรงๆ ทรุดๆ ไม่ดีขึ้นเลย…”
“หมายความว่าเจ้าถูกพิษหลังกลับมาถึงสำนักอย่างนั้นหรือ”
“น่าจะ..ใช่ หลังจากที่ข้ากลับมาแล้ว แม้กระทั่งประตูนี้ข้ายังไม่เคยก้าวออกไปเลย”
เลี่ยวจงซูพูดพลางขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก
“แต่ว่า ข้าก็ไม่รู้ว่าปัญหามันมาจากตรงที่ใด ตั้งแต่กลับมาก็เริ่มรักษา ข้าก็ได้แต่ทำตามคำแนะนำของอาจารย์ว่าให้กินยาพักผ่อน…แล้วข้าก็ไม่เคยสัมผัสสิ่งใดเลย”
ฉู่หลิวเยว่ยกมือกอดอก แล้วจู่ๆ ก็ถามว่า
“จี้อวี้หรงทำอะไรกับเจ้าบ้าง”
“เขาน่ะหรือ เขาดีกับข้ามาก หลายวันมานี้เขาก็ดูแลข้าตลอด…นี่เจ้าสงสัยว่าเขาวางยาพิษอย่างนั้นหรือ”
ในที่สุดเลี่ยวจงซูก็เข้าใจความหมายของฉู่หลิวเยว่ แต่เขาก็ปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว
“เป็นไปไม่ได้ เขากับข้าอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันที่เขาเข้าสำนัก และเราเข้ากันได้ดีเสมอ ถึงแม้จะไม่ได้สนิทเหมือนพี่น้องแท้ๆ แต่ก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายข้า ใช่หรือไม่”
มู่หงอวี๋อดไม่ได้ที่จะพูดแทรก
“นั่นน่ะสิ หลิวเยว่ ข้าก็รู้จักจี้อวี้หรง เขาเป็นคนดี ดังนั้นเขาไม่น่าทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้หรอก”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ถ้าหากว่าไม่ใช่เขาแล้ว หรือว่าเจ้าวางยาพิษตัวเองล่ะ”
ฉู่หลิวเยว่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ทั้งสองพูด
ถ้าหากว่าไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ ทำไมเมื่อครู่นี้ตอนจี้อวี้หรงเห็นนางเข้าถึงได้มีท่าทีพิรุธล่ะ
มู่หงอวี๋และเลี่ยวจงซูถึงกับพูดไม่ออก
สิ่งที่ฉู่หลิวเยว่กล่าวมาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
“แล้วตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี แต่ก็ไม่น่าจะจับตัวเขามาถามได้หรอกกระมัง เช่นนั้นต่อให้เขาเป็นคนทำ เขาต้องไม่ยอมรับแน่นอน!” มู่หงอวี๋กุมขมับ นางรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่สำรวจไปรอบๆ ก็เห็นว่ามีถ้วยเปล่าข้างๆ เลี่ยวจงซูและสามารถได้กลิ่นสมุนไพรจางๆ
“นี่เจ้าดื่มยาถ้วยนี้จนหมดเกลี้ยงเลยหรือ”
เลี่ยวจงซูพยักหน้า
“ทุกครั้งที่ดื่มยา อวี้หรงจะหยิบถ้วยไปล้างทันที เขาบอกว่ากลิ่นของยาแรงเกินไป และเขากังวลว่ามันจะส่งผลต่อการพักของข้า ดังนั้นทุกครั้งเขาจะรอข้าดื่มจนหมดก่อนจะนำไปล้าง เมื่อล้างเสร็จแล้วก็เอากลับมาไว้ที่เดิม…”
เสียงของเลี่ยวจงซูค่อยๆ อ่อนลงและสายตาของเขามองไปที่ถ้วยยานั้นก็ลุ่มลึกขึ้นมา
“…หรือว่าจะเป็นเขาจริงๆ”
ตอนแรกเขาคิดว่าจี้อวี้หรงดูแลเขาอย่างดีจึงรู้สึกขอบคุณมาก ทว่าเวลานี้เขาคิดครุ่นคิดพิจารณาแล้วมันก็แปลกจริง
ในฐานะผู้ป่วย ต่อให้เขาสามารถดมกลิ่นยาได้แล้วอย่างไรเล่า
เขาไม่ได้สนใจแม้แต่ตัวเอง แต่ว่าทำไมจี้อวี้หรงถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขนาดนั้น
เขาวุ่นวายอยู่หลายครั้ง โดยบอกว่าไม่จำเป็นต้องลำบากมากขนาดนี้ก็ได้ แต่จี้อวี้หรงมักจะเบือนหน้าหนีแล้วพูดว่าแค่เรื่องเล็กน้อย
มู่หงอวี๋วิ่งพรวดพราดไปที่ถ้วยยาแล้วมองอย่างระมัดระวัง
“หลิวเยว่ เจ้าบอกว่ายานี่มีปัญหาใช่หรือไม่ น่าเสียดายที่ถ้วยยานี่ล้างจนสะอาดหมดแล้ว ไม่มีหลงเหลือหลักฐานอะไรเลย เอาอย่างนี้ รอได้เวลาจงซูดื่มยาครั้งต่อไป เรามาตรวจกันให้เห็นจะๆ กันไปเลยดีหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่ยกริมฝีปากสีแดงของนางขึ้นเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า
“เขาจะไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป พิษก่อนหน้านี้ก็เพียงพอแล้ว รออีกสองสามวันก็ออกฤทธิ์แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น…”
ยิ่งไปกว่านั้น จี้อวี้หรงน่าจะรู้ตัวแล้วว่านางระแวงสงสัยในตัวเขา และจะไม่มีวันให้โอกาสนางจับมือดมแน่ๆ
มู่หงอวี๋หน้าเศร้าหมอง
“แล้วจะทำอย่างไรดี”
เลี่ยวจงซูพยายามฝืนยิ้ม
“หงอวี๋เจ้าอย่าคิดมาก แม้ว่าเจ้าจะรู้อะไรบางอย่าง แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้ว ร่างกายของข้า…”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย ก่อนจะยิ้มเจือจางแล้วพูดว่า
“ยิ่งเป็นอย่างนี้ยิ่งต้องสืบเสาะ ถ้าหาตัวคนวางยาพิษเจอ ถึงจะมีความหวังได้ยาแก้พิษได้ เจ้าดูแลตัวเองดีๆ ก่อน ส่วนข้ากับหงอวี๋จะไปตามสืบเอง”
…
หลังจากบอกให้เลี่ยวจงซูพักผ่อนให้ดี ฉู่หลิวเยว่กับมู่หงอวี๋ก็ออกไปทันที
หลังจากเดินออกจากประตูแล้ว มู่หงอวี๋ก็มองกลับมาและถามอย่างกังวลว่า
“หลิวเยว่ ตอนนี้พวกเราจะตรวจสอบได้อย่างไร หากไม่มียาแก้พิษ จงซูจะตายในอีกสองสามวันนี้แล้ว พวกเราจะกลับมาทันหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นและมองไปในทิศทางที่แน่นอน
“ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราในตอนนี้คือการหยุดการแพร่กระจายของพิษในร่างกายของเขาชั่วคราวก่อน”
มู่หงอวี๋ตกตะลึง
“ไหนเจ้าบอกว่ายาแก้พิษหายาก…”
“การล้างพิษให้สมบูรณ์นั้นยาก แต่การระงับพิษนั้นไม่ยาก”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวพลางยกเท้าขึ้นและเดินไปข้างหน้า
“นี่…เจ้าจะไปไหนน่ะ”
ฉู่หลิวเยว่ตอบโดยไม่หันกลับมามอง
“หอโอสถสวรรค์”
[1] กู่ 蛊 เป็นพิษซึ่งได้มาจากสัตว์พิษตามความเชื่อทางภาคใต้ของประเทศจีน ทำขึ้นโดยนำสัตว์พิษชนิดต่างๆ (เช่น ตะขาบ งู แมลงป่อง) ใส่ลงในภาชนะ แล้วปิดผนึก ปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นบริโภคกันเอง ตัวสุดท้ายที่รอดมาเพียงหนึ่งเดียวเชื่อว่า มีพิษร้ายแรงที่สุด มักนำมาใช้ในการทำร้ายคน หรือก่อโรคภัยไข้เจ็บ