ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 182 ข่มขู่
ตอนที่ 182 ข่มขู่
ภายในใจของฉู่หลิวเยว่มีความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามา
ผู้ที่เป็นปรปักษ์กับนางก็มีไม่น้อย แต่ดูเหมือนว่าไม่มีผู้ใดสามารถพอที่จะเอาพิษชนิดนี้มาได้เลย
แม้แต่อาจารย์ในสำนักเทียนลู่ก็ไม่ค่อยมีผู้ใดเข้าใจเกี่ยวกับกู่โลหิตแดงเท่าไรนัก นับประสาอะไรกับผู้อื่นในเมืองหลวง
ตระกูลฉู่งั้นหรือ
องค์ชายรัชทายาทงั้นหรือ
หรืออาจจะเป็นผู้อื่น
ศัตรูอยู่ในเงามืด ส่วนนางอยู่ในที่สว่าง
เสมือนดั่งมีหมอกควันกลุ่มหนึ่งปกคลุมตัวนางเอาไว้ ความจริงของสิ่งเหล่านี้ถูกปกปิดไว้ไม่สามารถมองเห็นชัดเจน!
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่งและในที่สุดก็ปล่อยมีดสั้นนั้นลง
จากนั้นฉู่เซียนหมิ่นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และมองฉู่หลิวเยว่อย่างไม่พอใจ
“สิ่งที่ข้าสามารถพูดได้ ข้าก็พูดไปหมดแล้ว สาแก่ใจเจ้ารึยัง”
“แน่นอนว่ายังไม่สาแก่ใจ ข้าต้องการยาถอนพิษ เจ้ากลับไม่มีให้ข้า เจ้าปองร้ายข้า ทำร้ายสหายของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ” ฉู่หลิวเยว่มองนางด้วยความตลก “เจ้าฝันสูงไปหน่อยกระมัง”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้ว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่หยุดเพียงแค่นั้น
“แล้วเจ้าต้องการอะไรกันแน่”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อย
“ข้าไม่คิดที่จะทำอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ต้องการนำเรื่องทั้งหมดไปบอกให้ผู้อาวุโสซุนและอาจารย์ท่านอื่นทราบ ถึงอย่างไรการที่สำนักมีศิษย์ที่คิดฆ่าเพื่อนร่วมสำนักทุกวิถีทางเช่นนี้ ชวนให้คนอื่นผวาจนนอนไม่หลับจริงๆ”
“เจ้า…เจ้ากล้าไล่ข้าออกหรือ!”
“เจ้าเป็นฝ่ายกระทำชั่วก่อนแท้ๆ ยังจะโทษผู้อื่นอีกหรือ”
ฉู่หลิวเยว่มองนางด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“น่าเสียดายจริงๆ ข้าได้ยินมาว่าตอนนั้นเจ้าสอบเข้าได้ที่หนึ่งใช่หรือไม่ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเจ้าจะถูกขับไล่ออกจากสำนักอย่างน่าอนาถกันเล่า”
“ไม่ได้นะ!”
คำพูดของฉู่หลิวเยว่สะเทือนใจนางอย่างถึงที่สุด นางรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อต้องการคว้าตัวฉู่หลิวเยว่ แต่ฉู่หลิวเยว่กลับหลบได้ทัน
“เจ้าไล่ข้าออกไปไม่ได้ ข้าไปไม่ได้ แล้วข้าก็จะไม่ไปด้วย!”
ตอนนี้นางกลับไปยังตระกูลฉู่ไม่ได้อีกแล้ว ส่วนทางด้านจวนรัชทายาท นางก็ยังมิอาจพลิกสถานการณ์ได้
ถ้าหากว่านางยังถูกขับไล่ออกจากสำนักอีก ชีวิตของนางต้องพังพินาศเป็นแน่!
นี่คือโอกาสเดียวที่นางจะสามารถพลิกวิกฤตกลับมาได้ แล้วนางจะปล่อยให้มันหลุดมือไปแบบนี้ได้อย่างไร
ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าเย็นชา
“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคือสนอง หากมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ก็ช่างเถิด”
ฉู่เซียนหมิ่นหวั่นวิตกเป็นอย่างมาก นางครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายนางก็ต้องอ้อนวอนฉู่หลิวเยว่
“ถือเสียว่าข้าขอร้องเจ้า อย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป เพียงแค่เจ้ารับปากกับข้า ข้าสาบานว่าข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก ไม่ว่าเจ้าสั่งอะไรข้าก็จะทำตาม ได้โปรด ข้าขอร้องเจ้า”
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่นิ่งเฉย นางจึงกัดฟันแล้วคุกเข่าลงกับพื้นทันที
“เจ้าจะเอาอย่างไร ถึงจะปล่อยข้าไปได้!”
จี้อวี้หรงก้าวไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกสงสาร
“หมินหมิ่น…”
ฉู่เซียนหมิ่นเหลือบมองเขาอย่างโกรธเกลียด สายตานั้นตรึงเขาไว้ให้อยู่ที่เดิม
“แค่นี้เจ้ายังคิดว่าทำร้ายข้าไม่พออีกหรือ! ไสหัวไป!”
จี้อวี้หรงรู้สึกผิดมาก เขาจึงคุกเข่าลงเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่หลุบตามองพวกเขาทั้งสองจากเบื้องสูง ด้วยหัวใจที่ไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ
ตรงกันข้าม นางยังพอมีความชื่นชมฉู่เซียนหมิ่นอยู่บ้าง
ฉู่เซียนหมิ่นในอดีตเป็นผู้เย่อหยิ่งมากแค่ไหน
ฉู่เซียนหมิ่นเกลียดแค้นนางแทบตาย แต่สุดท้ายวันนี้ก็ต้องยอมคุกเข่าต่อหน้านาง
ก็ถือว่าปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี
อุปนิสัยเช่นนี้ เมื่อเทียบกับตอนแรกนั้นเหี้ยมโหดกว่ามาก
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะบีบให้ฉู่เซียนหมิ่นต้องตกสู่ความสิ้นหวัง
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ยังคงเมินเฉย ฉู่เซียนหมิ่นจึงหลับตาลงและโขกศีรษะลงกับพื้น!
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองมือของนางที่กำแน่นอยู่บนพื้น
เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาสแม้เพียงน้อยนิด ฉู่เซียนหมิ่นจะตอบแทนความอัปยศอดสูของวันนี้เป็นร้อยเท่าอย่างแน่นอน!
“ถ้าหากเจ้าต้องการจะอยู่ที่นี่ต่อไป ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแค่เจ้าสัญญากับข้าเรื่องหนึ่งก็ได้แล้ว”
เวลาที่รอคอยนั้นช่างยาวนานเหลือเกิน แล้วฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกว่าทุกๆ วินาทีของความเงียบได้บั่นทอนความภาคภูมิใจในตนเองไปหมดสิ้น!
ในขณะที่นางกำลังคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่ตอบแล้ว ในที่สุดนางก็ได้ยินคำตอบที่โหยหา!
นางเงยศีรษะขึ้นทันที ดวงตาของนางเป็นสีแดงก่ำ
ฉู่หลิวเยว่พูดช้าๆ ชัดๆ
“เจ้าก็แค่แสร้งทำเป็นว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และรอให้คนผู้นั้นกลับมาก็พอแล้ว”
ฉู่เซียนหมิ่นอึ้งไปชั่วขณะ แต่นางก็กัดฟันทันที
“ข้ารู้แล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าแล้วหันหลังเดินจากไป
แต่เดินไปได้เพียงก้าวเดียว จู่ๆ นางก็หันกลับมา
“อ้อ จริงสิ ข้าลืมบอกเจ้าไปเลยว่ามีดสั้นของข้าอาบยาพิษ”
ฉู่เซียนหมิ่นมีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ “อะไรนะ!”
ฉู่หลิวเยว่เตือนด้วยความหวังดี
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พิษชนิดนี้ ถ้าหากเจ้าทำตามที่ข้าบอกดีๆ ข้าจะเอายาถอนพิษมาให้เจ้าได้ทันท่วงทีอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเจ้าคิดเล่นลูกไม้ตุกติกละก็ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน ถ้าหากว่าพิษนี้แทรกซึมลึกเข้าไปในร่างกายเจ้า อันดับแรกมันจะกัดกร่อนอวัยวะภายในทั้งห้าของเจ้า จากนั้นก็เข้ากระดูก จนกระทั่งหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ร่างกายก็จะเปื่อยเน่าจากภายในสู่ภายนอกจนตายไปในที่สุด เจ้าคงไม่อยากตายอย่างน่าอนาถหรอกกระมัง”
“นี่เจ้า!”
กว่าฉู่เซียนหมิ่นจะระงับไฟโกรธที่กำลังสุมทรวงได้นั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย
“ข้ารู้แล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองจี้อวี้หรง
“เจ้ากลับไปเก็บของย้ายออกเอง คงไม่ต้องให้ข้าลงมือเองหรอกกระมัง”
“ไม่ต้องๆ! ข้ารู้ว่าควรจะทำอย่างไร” จี้อวี้หรงรีบตกลงทันที
คราวนี้ฉู่หลิวเยว่จึงเดินจากไปจริงๆ สักที
เมื่อร่างของนางหายลับตาไป ฉู่เซียนหมิ่นก็ทุบกำปั้นลงบนพื้นอย่างแรง
“นังสารเลว!”
“หมินหมิ่น…” จี้อวี้หรงประคองนางอย่างสงสารจับใจ แต่เขากลับถูกตบจนหน้าหัน
ฉู่เซียนหมิ่นพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ฝ่ามือของนางถูกพื้นขรุขระทำจนเป็นรอยเนื่องจากออกแรงมากเกินไป มือของนางจึงเต็มไปด้วยเลือด
แต่ความเจ็บปวดแค่นี้จะทำอะไรนางได้
ความอัปยศอดสูที่ฉู่หลิวเยว่มอบให้นางในวันนี้เป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือนที่สุดสำหรับนาง!
จี้อวี้หรงเห็นว่าดวงตาของนางแดงก่ำ ดูอำมหิตและน่ากลัว ในใจของเขาก็เกิดความกังวลและความกลัว
เขาอยากจะเอ่ยอะไรสักนิด แต่ยังคงรู้สึกแสบร้อนที่ใบหน้า ดังนั้นเขาจึงปิดปากเงียบ
ฉู่เซียนหมิ่นสัมผัสบาดแผลที่ลำคอของตน มิใช่ว่านางจะไม่มีข้อสงสัยในใจ
หรือว่ามีดสั้นนั้นจะอาบยาพิษจริงๆ หรือ
แต่ไม่ว่าจะมีหรือไม่ก็ตาม นางก็ไม่กล้าที่จะกระทำการบุ่มบ่ามวู่วาม และทำได้เพียงทำตามคำสั่งของฉู่หลิวเยว่
ในขณะที่นางกำลังจะหันหลังจากไป ทว่าเดินไปได้เพียงแค่สองก้าว นางก็กระอักเลือดออกมาและล้มลงกับพื้น
“หมินหมิ่น!”
จี้อวี้หรงอุทานด้วยความตกใจ เขากระโจนไปข้างหน้า แต่กลับเห็นว่าฉู่เซียนหมิ่นหมดสติล้มลงไปแล้ว