ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 228 ถวนจื่อทรงพลัง!
ตอนที่ 228 ถวนจื่อทรงพลัง! [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่กำลังจะส่งเสียงออกไป เหิงจิ่งชั่วดูเหมือนจะรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง แสงสลัวแวบผ่านดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็เคลื่อนตัวไปทางฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว!
สิ่งนั้นเร็วมากในชั่วพริบตา เหิงจิ่งชั่วรีบวิ่งไปที่ร่างของฉู่หลิวเยว่ เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ลังเล พลังก็พุ่งออกมาอีกครั้ง
หึ!
พลังดั้งเดิมถูกรวมเข้ากับลำแสงทรงกลม ทำให้พลังที่อ่อนลงแต่เดิมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง! และเข้าใกล้ฉู่หลิวเยว่ด้วยความเร็วที่เร็วขึ้น
การบีบบังคับอันน่าสะพรึงกลัวได้มาถึง ฉู่หลิวเยว่รู้สึกราวกับว่าหน้าอกของนางถูกกดทับด้วยหินก้อนใหญ่ แม้แต่การหายใจก็กลายเป็นเรื่องยาก นับประสาอะไรที่จะเอ่ยพูด ใบหน้าของนางซีดลง นางไม่สามารถขยับไปไหนได้เลยจึงต้องยืนอยู่นิ่ง และนางกำลังจะโดนลำแสงทรงกลมโจมตี!
‘จบเห่! เกรงว่าฉู่หลิวเยว่จะแพ้!’
‘เหตุใดจู่ๆ นางก็ออกมาจากพรมแดนไวฑูรยะ? ถ้านางซ่อนอยู่ข้างใน…’
‘ไม่มีทางที่จะอยู่ในนั้นได้ตลอด เหิงจิ่งชั่วแข็งแกร่งมากเขาสามารถผลักนางออกจากเวทีพร้อมกับพรมแดนไวฑูรยะได้อย่างแน่นอน! เพียงแค่…เวลานี้นางไม่มีพลังที่จะกลับคืนสู่สวรรค์…’
หลายคนต่างออกความเห็นกับสถานการณ์นี้อย่างประหม่า
บางคนส่ายหน้าด้วยความสงสาร ราวกับว่าพวกเขาได้ทํานายผลลัพธ์สุดท้ายไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้! จู่ๆ ร่างสีแดงก็โผล่ออกมา ปรากฏตัวต่อหน้าฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกคันที่แก้มของนาง นางพยายามยกมือขึ้นเพื่อปัดออกแต่ก็ต้องตรงใจเมื่อนางได้พบกับพอนโลหิตที่ออกมาเมื่อไรไม่รู้!
ยิ่งกว่านั้น มันยังยืนอยู่ต่อหน้านางด้วย!
“ถวนจื่อ! กลับมา!”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกกังวลในใจ จนกัดฟันตะโกนลั่น นางมีเลือดออกที่มุมปาก หากนางสามารถพุ่งไปข้างหน้าได้ในเวลานี้ เขาจะเห็นว่าดวงตาของถวนจื่อเต็มไปด้วยความโกรธเคืองราวกับเปลวเพลิง ขนบนตัวมันตั้งขึ้นเห็นได้ชัดว่ามันตั้งใจจะพุ่งออกตัวหนี!
เหิงจิ่งชั่วหรี่ตาลง มองดูสิ่งที่มีขนยาวสีแดงที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
“…เพียงพอนโลหิต?”
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของศัตรูนั้นคือเพียงพอนโลหิต ในที่สุดเขาก็อดหัวเราะไม่ได้
“ฉู่หลิวเยว่ นี่คือสัตว์อสูรของเจ้างั้นหรือ นี่เจ้าล้อเล่นใช่หรือไม่”
แม้ว่านี้จะเป็นสัตว์อสูรระดับสาม แต่ในความเป็นจริงพลังการต่อสู้นั้นแทบไม่มีเลย สามารถใช้เป็นสัตว์อสูรเพื่อหยอกล้อได้ แต่พอเป็นการท้าดวลแบบนี้ มันจะไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้านายของมัน
โชคดีที่เขาคิดว่าฉู่หลิวเยว่ก่อนหน้ามีพลังมาก แต่ตอนนี้นางเป็นเพียงแม่นางตัวเล็กๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และไม่มีแม้แต่สัตว์อสูรที่ดี เพียงพอนโลหิตนี้ ส่วนใหญ่มันจะถูกเจ้าของเลี้ยงเพียงเพื่อความสนุกสนานใช่หรือไม่
ไร้สาระ!
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ความเกลียดชังในดวงตาของถวนจื่อก็ยิ่งรุนแรงขึ้น การหัวเราะเยาะฉู่หลิวเยว่ก็เทียบเท่ากับการหัวเราะเยาะมันเช่นกัน!
เพียงครู่เดียวทันใดนั้นร่างเล็กก็พุ่งตัวออกไป!
ความเร็วของมันนั้นเร็วมาก ผู้คนที่เห็นเพียงส่วนเว้าโค้งสีแดงในอากาศ…และนั่น มันกำลังมุ่งสู่ลำแสงทรงกลม!
การเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่มุมปากของเหิงจิ่งชั่ว
“ตั้กแตนขวางทางเกวียน[1]”
พลังของตะครุบจันทร์มันทรงพลังเพียงใด ครานี้เกรงว่าจะต้องสังหารเพียงพอนโลหิตนี้ได้ทันที ฉู่หลิวเยว่ต้องการที่จะหยุดมัน แต่เนื่องจากนางถูกบีบบังคับนางจึงไม่สามารถพูดประโยคที่สมบูรณ์ได้
ถวนจื่อนี้หุนหันพลันแล่นนัก ภายในลำแสงทรงกลมของตะครุบจันทร์ มันมี…
“โอ๊ย!” ถวนจื่อพุ่งตรงไปที่ลพแสงทรงกลมที่เปล่งพลังอันน่าสะพรึงกลัว ฉู่หลิวเยว่ซึ่งเดิมเต็มไปด้วยความกังวลก็ตกตะลึงในทันใด
นี่มันไม่ถูกต้อง!
เมื่อยืนอยู่ตรงนี้นางถูกพลังบีบบังคับจนหายใจไม่ออก ร่างกายของนางก็เต็มไปด้วยเลือด เหตุใดถวนจื่อถึงรีบวิ่งเข้าไปตรงๆ อย่างนั้นล่ะและดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบเลย!
มัน…มันผ่านไปได้อย่างไร?
ก่อนที่นางจะคิดออกเหตุการณ์ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นก็เกิดขึ้น!
นางเห็นถวนจื่อง้างปากแล้วกัดลงอย่างดุเดือด!
หงั่บ!
เสียงกัดดังขึ้นอย่างคมชัดบนลำแสงทรงกลมนั้นมันถูกกัดเป็นช่องโดยถวนจื่อ แก้มของมันโปนขึ้น และดูเหมือนว่าหัวของมันจะมีขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของตัวมัน
หงั่บ!
หงั่บ!…หงั่บ!
คำราม…ควบคู่ไปกับเสียงเหล่านี้ ถวนจื่อเคี้ยวและกลืนก้อนที่กัดเข้าไปทันที!
ในสนามการประลองขนาดใหญ่เช่นนี้ สามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นอย่างเบาๆ ได้อย่างชัดเจน นับประสาอะไรกับเสียงกัดของเพียงพอนโลหิต
หลายคนเบิกตากว้างมองเหตุการณ์นี้อย่างไม่เชื่อสายตา!
แม้แต่ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ก็กระตุกอย่างรุนแรงราวกับไม่เชื่อสายตา นั่นมันเพิ่งจะ…เกิดอะไรขึ้น?
ถวนจื่อกินสิ่งนั้นไปจริงๆ
กิน!
แม้ว่าจะดูเหมือนแก้วผลึกหรืออะไรสักอย่าง แต่นั่นไม่ใช่ นั่นมันเต็มไปด้วยพลังดั้งเดิมที่รวมตัวกันแน่น!
เหิงจิ่งชั่วก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการฝึกฝนกลเม็ดนี้ เนื่องจากเขาประสบความสำเร็จในการฝึกฝนมันจึงเป็นท่าสังหารของเขามาโดยตลอด
เมื่อเสียสละแล้วจะไม่มีวันพ่ายแพ้สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
ในขณะที่ทุกคนต่างตะลึงงัน ถวนจื่อก็ง้างปากขึ้นอีกครั้ง กัดเข้าไปคำใหญ่!
เกิดเป็นช่องกว้างบนของลำแสงทรงกลม…ด้วยการกระทำของมัน พลังด้านบนเริ่มสูญหายอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าลำแสงทรงกลมก็ถูกกลืนกินไปครึ่งหนึ่ง เหิงจิ่งชั่วเริ่มรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!
ตอนนี้เขาคิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพียงพอนโลหิตนี้ แต่เขาต้องหยุดมันก่อน!
เหิงจิ่งชั่วก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่เขาเคลื่อนตัว เขาก็เห็นว่าเพียงพอนโลหิตกำลังจับลำแสงทรงกลมอีกครึ่งที่เหลือไว้ก่อนจะยัดเข้าไปในปากของมันทันที เมื่อยัดเข้าปากแล้วก็สะบัดหางของมันแล้ววิ่งหนีไป!
ขณะที่มันวิ่งหนี มันก็เคี้ยวสิ่งที่อยู่ในปากในจังหวะที่รวดเร็วขึ้น!
หงั่บ!
หงั่บ!หงั่บ!หงั่บ!
เหิงจิ่งชั่วแทบคลั่งเมื่อได้ยินเสียงนี้…มันมีพลังของเขาอยู่ในนั้น!
ถ้าโดนกลืนกินทั้งแบบนี้ ไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่ามันจะฟื้น!
“เจ้าต้องหยุดเพื่อข้า!”
ในไม่ช้าเหิงจิ่งชั่วก็พบว่าความเร็วของเขาไม่สามารถเทียบได้กับความเร็วของเพียงพอนโลหิต มันมีขนาดเล็กและยืดหยุ่น มันวิ่งไปทั่วสนามที่เขาไม่สามารถตามทัน!
มันใช้เวลาไม่นานแต่นั่นทำให้เขาสูญเสียพลังไปมาก แต่เพียงพอนโลหิตนั้นยังรู้สึกดี
เช่นนั้นเขาเลยทำได้เพียงแค่มองดูลำแสงทรงกลมนั้นที่มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่ง…
เสียงคำรามดังขึ้น…
เพียงพอนโลหิตกัดคำสุดท้ายเข้าปากแล้วกลืนเข้าไปจนหมด การเคลื่อนไหวของเหิงจิ่งชั่วหยุดนิ่งในทันใด แต่ร่างกายของเขากลับสั่นเล็กน้อย
ไม่…พลังของเขาหายไปหมดสิ้นแล้ว
“ถวนจื่อ เจ้ายังสบายดีอยู่หรือไม่?”
ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็สบายตัวขึ้นจากความอึดอัดที่ถูกกดทับไว้เล็กน้อย นางก้าวไปข้างหน้ามองไปที่มันอย่างประหม่า ถวนจื่อมีดวงตากลมโตและตอนนี้มันแกว่งไปมาดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นคง ฉู่หลิวเยว่ยิ่งกังวลมากขึ้น
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าทำ…”
“เบ่อออ…”
ทันใดนั้นถวนจื่อก็เรอออกมาเสียงดัง
ฉู่หลิวเยว่เงียบลงในทันที ท่าทางของมัน เหตุใดจึงดูเหมือนเมา ก่อนที่นางจะตอบสนอง ถวนจื่อหันไปมองรอบๆ และมองไปที่เหิงจิ่งชั่ว
พู่…พู่!
ทันใดนั้นมันก็พ่นสิ่งที่มีสีดำออกมาจำนวนมาก มุ่งหน้าไปทางเหิงจิ่งชั่วอย่างรวดเร็ว!
ดวงตาของเหิงจิ่งชั่วเบิกกว้างขึ้นด้วยความสยดสยอง!
มันคายสิ่งนั้นออกมา!
[1] ตั๊กแตนขวางทางเกวียน คือ คนที่ทำอะไรไม่ดูกำลัง และความสามารถตัวเอง ทำอะไรเกินตัวจนเดือดร้อนนั่นเอง