ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 246 สิ้นหวัง
ตอนที่ 246 สิ้นหวัง [รีไรท์]
สายตาทุกสายตาต่างจับจ้องที่ฉู่หลิวเยว่ด้วยตาเขม็ง ด้านหน้าของนางมีดาวดวงที่สี่สว่างไสวขึ้น!
คาดไม่ถึงว่านางจะสามารถใช้ช่วงเวลาสั้นๆ ผ่านด่านติดต่อกันสี่ครั้ง จนมาถึงด่านสุดท้าย
ตราบใดที่นางสามารถแก้ไขค่ายกลด่านสุดท้ายได้อย่างราบรื่น เช่นนั้นผู้ชนะของปรมาจารย์ลึกลับ ก็จะต้องเป็นนางแล้ว!
หากเป็นหนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ ทุกคนคงหัวเราะที่นางเริ่มเข้าสนามประลองในหนึ่งชั่วยามสุดท้าย แต่ว่าตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่า ฉู่หลิวเยว่ได้เตรียมตัวมาก่อนแล้ว
นางมีความสามารถพอที่จะแข่งขันแย่งชิงที่หนึ่ง
ตอนนั้นเอง ในที่สุดก็มีคนนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว
“พี่จ้งเหยียน ตอนนี้ท่านต้องอธิบายมาให้ข้าฟังได้แล้วล่ะมั้ง?”
ใบหน้าของเฉิงหันเต็มไปด้วยความเย็นชา ท่าทางเหมือนจะหาเรื่อง
“สามด่านแรกข้าจะไม่พูด แต่ด่านที่สี่ ฉู่หลิวเยว่เป็นแค่ปรมาจารย์ระดับสอง ทำไมถึงทะลวงผ่านได้แล้วยังรวดเร็วเช่นนี้ด้วย ข้าขอให้มีการตรวจสอบฉู่หลิวเยว่ทันที”
ฝูอวิ๋นซานมองเขาครู่หนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยอันใด แต่เห็นได้ชัดว่าเขาก็สงสัยเรื่องนี้เช่นกัน
ทำไมซุนจ้งเหยียนจะไม่รู้ความคิดของเขา ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธทันที
“การแข่งขันยังไม่เสร็จ มีเหตุผลอันใดที่จะหยุด? หากพี่เฉิงหันต้องการตรวจสอบล่ะก็ เช่นนั้นพวกเขาอีกสองคนก็ต้องอยู่ด้วย”
เฉิงหันหัวเราะเสียงเย็น
“อย่าว่าแต่ข้าเลย ผู้คนในสนามก็ต่างสงสัยฉู่หลิวเยว่กันทั้งนั้น! เขาเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ระดับสองคนหนึ่งแท้ๆ ทำไมถึงสามารถทะลวงค่ายกลอย่างรวดเร็วได้ถึงขั้นนี้ ต่อให้มีพรสวรรค์ มันก็ต้องไม่ถึงขั้นนี้อย่างแน่นอน”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันไม่ถึงขั้นนี้?”
ซุนจ้งเหยียนไม่เพียงไม่โกรธ แต่กลับมองไปรอบๆ พร้อมส่งยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา
“ทุกคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าฉู่หลิวเยว่เพิ่งเข้ามาที่สำนักเทียนลู่ของพวกเราเมื่อสองเดือนก่อน แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่พวกท่านอาจจะยังไม่เคยรู้ ฉู่หลิวเยว่ นางได้เป็นปรมาจารย์อย่างเป็นทางการทันทีหลังจากที่นางสอบคัดเลือกเข้ามาแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของทุกคนแล้ว เขาก็พูดเสียงเบาต่อไปว่า
“และนั่นก็หมายความว่า ฉู่หลิวเยว่จากบุคคลธรรมได้กลายมาเป็นปรมาจารย์ระดับสอง ภายในระยะเวลาสองเดือน”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ
คำพูดของซุนจ้งเหยียนช่างเป็นคำพูดที่แทงใจพวกเขาอย่างมาก เรื่องนี้มันน่าตกใจเกินไปแล้ว
“เป็นไปไม่ได้”
เฉิงหันเป็นคนแรกที่ได้สติคืนมา เขาจึงรีบเถียงขึ้นทันที
“ทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้? ทุกคนในเมืองหลวงต่างเคยได้ยินเรื่องนี้มาแล้วทั้งนั้น ผู้อาวุโสและอาจารย์ของสำนักพวกเรา รวมถึงศิษย์ทุกคน ก็สามารถเป็นพยานได้”
รอยยิ้มของซุนจ้งเหยียนคล้ายกับจิ้งจอกอย่างมาก
“เป็นไปได้ไหมว่าคนจำนวนเยอะขนาดนั้น แต่พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน จึงช่วยฉู่หลิวเยว่พูดโกหก”
เฉิงหันพูดอันใดไม่ออกไปครู่หนึ่ง หัวสมองของเขาขาวโพลน
ความจริงแล้ว เขาก็รู้ดีว่าหากซุนจ้งเหยียนกล้าพูดต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ แสดงว่าเรื่องที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงแน่นอน
อย่างน้อยเขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้
เขาหันไปมองฉู่หลิวเยว่อย่างอดไม่ได้
รอบข้างมีการเคลื่อนไหวเสียงดังสนั่นขนาดนี้ แต่นางกลับทำเหมือนไม่ใช่เรื่องของตนเองเลยสักนิด ใบหน้านิ่งเรียบสนิท และจดจ่อกับการทำลายค่ายกลอย่างเดียว
ในใจของเขารู้สึกสั่นไหวมากขึ้น
หากฉู่หลิวเยว่เป็นอย่างที่ซุนจ้งเหยียนพูดจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้น…นางก็เป็นอัจฉริยะ..
“รอให้การแข่งขันจบลง หากพวกท่านสงสัยอันใดก็ค่อยให้ทำการตรวจสอบอีกรอบ”
ซุนจ้งเหยียนพูดขึ้นอย่างช้าๆ
อยากจะหาวิธีทางมาขัดขวางฉู่หลิวเยว่หรือ? ฝันไปเถอะ!
จากนั้นเฉิงหันก็ไม่ได้พูดอันใดอีก
ส่วนฝ่ายตรงข้ามอย่างฝูอวิ๋นซาน เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นเขาก็ตกใจไปเป็นเวลานาน แต่หลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว เขาจึงได้แต่หวังว่าเซิ่นอีหมิงจะสามารถทะลวงด่านสุดท้ายได้ก่อนฉู่หลิวเยว่
…
ความปรารถนาที่สวยงาม แต่มันมักจะไม่สำเร็จ
ทันใดนั้นฝูอวิ๋นซานก็พบว่าเซิ่นอีหมิงมีสภาพย่ำแย่ ท่าทางเหมือนจะไม่ค่อยดี
เขานั่งอยู่ตรงนั้น นั่งจ้องแผ่นกระดานเป็นเวลานาน แต่ไม่ยอมขยับตัวสักที
ขนาดซูไป๋ที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มแก้ด่านสุดท้ายแล้ว แต่เขากลับไม่มีความคิดนั้นเลย
ฝูอวิ๋นซานรู้จักเซิ่นอีหมิงเป็นอย่างดี เมื่อเห็นท่าทางของเขาเช่นนั้น ก็ตะโกนออกมาในใจเลยว่าแย่แล้ว
ปกติเซิ่นอีหมิงเป็นคนที่ดีในทุกด้าน แต่มีสิ่งหนึ่ง นั่นคือ อวดดีมากเกินไป
เรื่องทุกเรื่องเขาสามารถทำได้ดีที่สุด หากเขาแพ้ให้กับคนอื่นในบางครั้ง เขาจะเข้าไปเก็บตัวในหอสมุดเพื่อศึกษาค่ายกล เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนไม่ยอมออกมา
เพื่องานสมาคมเยาวชนในครั้งนี้ เขาใช้เวลาเตรียมตัวนานมาก เขามุ่งมั่นที่จะเป็นที่หนึ่ง
แต่ในตอนนี้ ฉู่หลิวเยว่กลับปรากฏตัวขึ้น เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับเขาอย่างมาก
…
ตอนนั้นเองที่ซีหว่านหว่านเดินกลับมาถึงที่นั่งของตน แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ในเวลาประลอง หัวใจของนางก็เหมือนถูกแขวนบนเส้นด้ายอีกครั้ง
เมื่อครู่นางไม่ควรออกมาเร็วขนาดนั้นเลย
ถ้ารู้ว่าฉู่หลิวเยว่จะเข้าร่วมการประลองด้วย นางน่าจะรอจัดการฉู่หลิวเยว่ให้ร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน
แต่มาพูดตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว
ทางด้านของเซิ่นอีหมิง ไม่รู้ว่าจะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้หรือไม่…
…
แกร๊ก
พริบตาเดียวนั้นเอง
บนหมากกระดานของฉู่หลิวเยว่ก็มีระลอกคลื่นบางๆ เกิดขึ้น
ระลอกคลื่นนี้ เซิ่นอีหมิงและซูไป๋รู้จักมันเป็นอย่างดี
ฉู่หลิวเยว่สามารถหาวิธีการแก้ไขค่ายกลนี้ได้เรียบร้อยแล้ว!
เพียงแค่ให้เวลากับนางอีกนิด ไม่แน่ว่านางจะสามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะมาได้แน่นอน
ซูไป๋กลับเป็นฝ่ายตามมาอยู่ด้านหลัง
บนหมากกระดานของเขาก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้นมาเหมือนกัน
เซิ่นอีหมิงก็มองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ
ซูไป๋ทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้เล็กน้อย จากนั้นก็ไม่ได้สนใจเขาอีก
รอยยิ้มนี้ ทำให้เซิ่นอีหมิงมีการตอบสนองขึ้นทันที ก่อนหน้านี้ซูไป๋ก็ซ่อนฝีมือที่แท้จริงของตนเองเอาไว้ตลอดเช่นเดียวกัน
ทุกครั้งที่ซูไป๋ไล่ตามเขามา เดิมทีเขาคิดว่าเป็นความห่างชั้นของฝีมือ…แต่คิดไม่ถึงว่า..
ไม่ว่าจะเป็นซือถิง หรือว่าซูไป๋ หรือว่าจะเป็นฉู่หลิวเยว่ที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างน่าสงสัย ฝีมือล้วนแข็งแกร่งกว่าเขาทั้งนั้น
เขากลับยังคิดว่าตนเองเป็นคนที่โดดเด่น คิดว่าตนเองก้าวหน้าไปมาก ความจริงแล้ว ในสายตาพวกเขาคงมองเป็นเรื่องตลกเท่านั้น!
ถ้าหากครั้งนี้ข้าแพ้…
เซิ่นอีหมิงกำหมากที่อยู่ในมือแน่น ทั่วทั้งร่างกายเครียดเกร็ง
เขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะมองลวดลายอักขระบนกระดาน แต่ว่าในใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสน จึงทำให้ไม่มีสมาธิมองเข้าไป
ส่วนเรื่องใช้สมองคิดนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป
แกร๊ก
ซูไป๋แย่งที่หนึ่งมาได้ก่อนหนึ่งก้าว!
ฉู่หลิวเยว่ตามมาอย่างใกล้ชิด นางเสร็จแทบจะในเวลาเดียวกัน
เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองคนเงียบไป มือของเซิ่นอีหมิงก็สั่นเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเขาจะบีบหมากรุกจนแตก
การเคลื่อนไหวที่ไม่หนักไม่เบา แต่ก็เรียกความสนใจของทุกคนได้ทันที
ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นมา
เหมือนว่าเซิ่นอีหมิงกำลังนั่งอยู่บนพรมเข็มที่ทุกข์ทรมานอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมา แล้วมองเขาด้วยแววตาราบเรียบ มุมปากกระตุกขึ้น
คนอย่างเซิ่นอีหมิง แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์เพียงเล็กน้อย และเป็นปรมาจารย์สายบำเพ็ญเพียร ก็ถือว่ายังเดินทางมาไม่ไกล
เซิ่นอีหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาจะหยิบหมากขึ้นมาอีกครั้ง แต่มือเขากลับสั่นอย่างมาก ผ่านไปสักพักเขาถึงค่อยหยิบมันขึ้นมาจนได้
เขามองดูกระดานนั้นอย่างฟุ้งซ่าน ทั้งร้อนใจอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าเขาจะลองหมากอย่างสุ่มๆ
จากนั้นกระดานหมากก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เซิ่นอีหมิงรู้สึกตกใจอย่างมาก
เมื่อเขาก้าวผิดตำแหน่ง การประลองครั้งนี้ก็จะพังทันที
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังความวุ่นวายที่อยู่บนกระดานหมาก ในหัวสมองของเขาก็มีความคิดที่อันตรายปรากฏขึ้นมาทันที
ทันใดนั้นเองเหมือนว่าเขาจะควบคุมมือของตัวเองไม่ได้ เขากวาดหมากที่อยู่บนกระดานทิ้ง
กระดานแผ่นนี้ล้มระเนระนาด
พลังบนค่ายกลนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นทันที พร้อมกับกระจายออกไปรอบทิศทาง
แววตาของฉู่หลิวเยว่สว่างวาบ นางหยิบกระดานหมากแล้วลุกขึ้นทันที!