ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 250 เสมอ
ตอนที่ 250 เสมอ [รีไรท์]
นั่นเป็นของที่ติดตัวหรงซิวอยู่เสมอ นางอยู่ที่หมิงเยว่เทียนซานมานานขนาดนั้น แม้ว่านางจะเคยเห็นแค่สองครั้ง แต่นางก็จดจำได้อย่างดี
แม้แต่กระทั่งลวดลายอักขระที่อยู่ด้านบนของมัน นางก็จดจำได้เป็นอย่างดี
นางเคยสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ มาแล้ว นางรู้เพียงว่า พรมแดนไวฑูรยะนั้นสำคัญต่อหรงซิวอย่างมาก จึงไม่เอาออกมาให้คนอื่นเห็นง่ายๆ
แต่ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าของที่ล้ำค่าขนาดนั้น จะอยู่ในมือของฉู่หลิวเยว่!
ก่อนหน้านี้นางก็เคยสงสัยมาก่อนแล้ว แต่ตอนนี้หรงซิวกลับมาปรากฏตัวที่นี่ด้วยตัวเอง ในที่สุดนางก็ไม่สามารถหลอกตัวเองต่อไปได้แล้ว นางก็ต้องยอมรับว่า หรงซิวเป็นคนมอบของสิ่งนั้นให้กับฉู่หลิวเยว่ด้วยตนเอง
หรือจะกล่าวว่า หรงซิวเต็มใจมอบพรมแดนไวฑูรยะให้กับฉู่หลิวเยว่เอง
เขาที่ดูท่าทางอบอุ่นอ่อนโยน ความจริงแล้วนั้นทั้งเย็นชาและหยิ่งผยอง เขาไม่เคยแยแสคนอื่นเลย นับประสาอันใดกับการมอบของให้ผู้อื่น
แล้วยังเป็นแม่นางคนหนึ่งอีก!
ซือถูซิงเฉินไม่กล้าคิดต่อ ว่านี่มันคือเรื่องอันใดกันแน่?
ยิ่งนางคิด นางก็รู้สึกมันมีอันใดมาบีบรัดหัวใจอยู่ เสียใจจนทนไม่ไหว
เฉิงหันที่อยู่ข้างก็ค้นพบเรื่องนี้นานแล้ว ตั้งแต่หรงซิวปรากฏขึ้นมา ซือถูซิงเฉินก็มีท่าทางแปลกๆ ไป
“ซิงเฉิน สองวันมานี้เจ้าไม่มีสมาธิเลยนะ หรือเป็นเพราะว่า…”
ซือถูซิงเฉินชะงักไป พร้อมส่ายหน้าทันที
“ไม่ใช่เพราะเขา ท่านอาจารย์อย่าเข้าใจผิดเด็ดขาดเลยนะเจ้าคะ!”
“ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าเป็นเพราะใคร?”
มีหรือที่เฉิงหันจะไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ เขาสามารถอ่านความคิดของลูกศิษย์ออก และเดาได้อย่างง่ายดาย
ซือถูซิงเฉินสะอึกไป และรู้ว่าต่อให้ปฏิเสธไปก็คงไม่มีประโยชน์อันใด นางจึงเม้มปากแน่น แล้วไม่พูดอันใดออกมาอีก
เฉิงหันกลับขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“ซิงเฉิน ไม่ว่าจะเป็นด้านไหน เจ้าล้วนเป็นที่หนึ่ง ทำไมถึง—“
หรงซิวผู้นั้นมีดีอันใด?
แม้จะบอกว่าเป็นหลีอ๋องของแคว้นเย่าเฉิน แต่ดูไปแล้วก็อ่อนแอและบอบบางยิ่งนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบำเพ็ญเพียรเลย
คนเช่นนี้ อย่างมากก็เป็นเพียงแค่องค์ชายที่ว่างงาน เหมาะสมกับซิงเฉินตรงที่ใดกัน?
มีหนุ่มรูปงามมากมายชอบนาง แต่นางกลับไม่สนใจ คิดไม่ถึงว่านางจะมาชอบคนแบบนี้!
และเมื่อเห็นท่าทางเมื่อครู่ของหรงซิว! เขาไม่ได้เห็นซิงเฉินอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
ซือถูซิงเฉินส่ายหน้า พร้อมพูดเสียงเบา จากนั้นก็อ้อนวอนว่า
“อาจารย์ หยุดพูดเถอะเจ้าค่ะ”
เมื่อเฉิงหันเห็นท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรมของนาง ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจมากยิ่งขึ้น
“เอาล่ะๆ อาจารย์ไม่พูดแล้ว เรื่องนี้เจ้าคงรู้ดีแก่ใจ”
พวกเขามาที่นี่ ก็เพื่อมาเป็นที่หนึ่งของงานสมาคมเยาวชน ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น!
ซือถูซิงเฉินพยักหน้าอย่างจำใจ และอยากจะละทิ้งความคิดที่อยู่ในหัว
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนที่อยู่ในใจมาแสนนาน และยากที่จะได้เจอกัน นางจะละเลยได้อย่างไร?
จากนั้นสายตาของนางก็ไปหยุดที่หรงซิวอีกครั้งโดยที่เขาแทบจะไม่รู้สึกตัว
เขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ราวกับว่ารอบข้างของเขามีออร่าที่มองไม่เห็นแผ่ออกมา ทำให้ดูสูงส่งและห่างไกลจากคนอื่นมาก
นั่นคือความสูงศักดิ์ที่ฝังอยู่ในกระดูก
ท่าทางของเขาดูเหมือนอ่อนโยนไร้พิษสง แต่ก็ทำให้คนรู้สึกเกรงขามอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เกียจคร้าน สง่างาม เรียบสงบ
มีบางครั้งเขาก็ดูสูงส่ง ยิ่งใหญ่ เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเขาก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
คนรอบข้างจำนวนไม่น้อยก็ลอบมองสำรวจหรงซิวอย่างเงียบๆ
เหมือนว่าเขาจะไม่ได้สังเกต หรือว่าเขาอาจจะไม่ได้ใส่ใจ ดวงตากระจ่างทั้งสองข้างของเขา มองตรงไปที่เวทีอย่างเดียวเท่านั้น
ซือถูซิงเฉินมองตามสายตาของเขาไป ก็รู้สึกเจ็บปวดใจทันที
เขากำลังมองฉู่หลิวเยว่อยู่จริงๆ
อีกทั้ง ตอนที่มองนาง แววตาของเขายังมีประกายความอ่อนโยนอีกด้วย!
แม้จะแค่ครู่เดียวแต่นางก็ยังเห็น!
นางกัดฟันกรอดอยู่เงียบๆ ในใจมีคลื่นลมพัด เป็นเวลานานกว่าจะรู้สึกสงบใจขึ้นมาได้
…
เมื่อเห็นว่าหรงซิวปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ฉู่หลิวเยว่ก็ยังมีความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นหลังจากได้ยินเขาพูดกับผู้อาวุโสซุนนางก็สามารถเดาได้หลายส่วน
นางขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และรีบถอนสายตากลับมาจดจ่ออยู่ที่กระดานหมากรุกอีกครั้ง
ตอนนั้นเองที่นางกำลังจะแก้ไขด่านสุดท้ายได้พอดี
นางคิดไปด้วย พร้อมวางหมากลงไปอีกครั้ง
ซูไป๋ที่อยู่ข้างก็เหลือบไปมองหน้านางอย่างอดไม่ได้ แววตาและสีหน้าของเขาดูสับสนอย่างมาก
เขาสามารถเดาได้อย่างชัดเจนแล้วว่าฉู่หลิวเยว่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านนี้จริงๆ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งถึงระดับนี้…
หลังจากมองฉู่หลิวเยว่ที่วางหมากลงไปอย่างต่อเนื่องเหมือนกระแสน้ำไหล จากนั้นเขาก็หันมามองกระดานหมากของตนเอง เขาจ้องอยู่นานโดยที่ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ ในใจของเขานั้นคาดเดาผลสุดท้ายออกแล้ว
ความจริงแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ฉู่หลิวเยว่สามารถรักษากระดานของตนเองโดยไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย
เขากุมขมับแน่น แล้วหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น หมากที่อยู่ในมือ ก็ถือค้างไว้ ไม่ได้วางลงไป
…
ตอนนี้แม้เรื่องราวจะดำเนินไปอย่างยากลำบาก แต่เวลากลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ซูไป๋เพิ่งรู้สึกได้ว่าเขาเหม่อลอยมานานเกินไปแล้ว ตอนที่เขาเงยหน้ามาอีกครั้ง ตัวเองเหลือเวลาเพียงเสี้ยวสุดท้ายเท่านั้น!
เฉิงหันมองซูไป๋อยู่นาน จากนั้นเขาก็พูดขึ้นเป็นคนแรกว่า
“หากการแข่งขันนี้จบลง และยังไม่มีใครสามารถทะลวงค่ายกลด่านสุดท้ายได้ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาทั้งสองคนเสมอกันเป็นลำดับสอง พี่จ้งเหยียน ข้าพูดถูกหรือไม่?”
ซุนจ้งเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
เขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฉู่หลิวเยว่กำลังขึ้นนำซูไป๋ แต่ระยะห่างนั้นมันห่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ถ้าว่าด้วยตามกฎแล้ว หากไม่สามารถทะลวงด่านได้ตามที่เวลาได้กำหนดไว้ เช่นนั้นต้องนับว่าคนที่ได้คะแนนมากที่สุด ได้เป็นที่สอง และไม่มีใครสามารถเป็นที่หนึ่งได้
หากมีที่สองเสมอกันสองคน สำหรับฉู่หลิวเยว่นั้น มันเป็นการเสียเปรียบเล็กน้อย
หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้าตอบอย่างเห็นด้วย
“พี่เฉิงหันพูดได้ถูกต้อง”
น่าเสียดาย ที่ฉู่หลิวเยว่มาสายไปเสียหน่อย
หากนางมาเร็วกว่านี้สักหนึ่งชั่วยาม หรือครึ่งชั่วยาม นางจะต้องทะลวงค่ายกลด่านสุดท้ายสำเร็จแน่นอน
“พวกเขาทั้งสองคนเสมอกันในลำดับที่สอง ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว”
อย่างน้อยก็ไม่ได้แพ้!
หากฉู่หลิวเยว่สามารถครอบครองตำแหน่งนี้ได้ ก็ถือว่าสร้างความประหลาดใจอย่างมากแล้ว
…
ซูไป๋เงยหน้ามองดูนาฬิกาจับเวลา เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว
อีกทั้งกระดานที่อยู่ด้านหน้าเขา ก็เหลือเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น
เขายิ้มขึ้นมาอย่างจนใจ จากนั้นก็วางหมากลงในมือลงไปทันที
ฉู่หลิวเยว่ที่นั่งอยู่ข้างๆ สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว จึงเงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่าซูไป๋จะยอมแพ้ในเวลาแบบนี้….
“เหมือนว่า พวกเราสองคนจะได้ตำแหน่งเดียวกันแล้วล่ะ…”
ซูไป๋หัวเราะเยาะตนเอง
เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะสามารถคว้าที่หนึ่งมาอย่างง่ายดาย
น่าเสียดายที่อยู่ๆ ก็มีเด็กใหม่อย่างฉู่หลิวเยว่ปรากฏตัวออกมา
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น
“ขอโทษนะ ข้าไม่ชอบที่สอง”
ซูไป๋ชะงักไป จากนั้นก็เห็นฉู่หลิวเยว่วางหมากลงไป แทบจะในเวลาเดียวกัน มือของนางอีกข้างหนึ่งก็มีหมากอีกตัวหนึ่ง นางวางลงไปอย่างต่อเนื่อง!
นางกำลังเล่นวางหมากด้วยสองมือ!
ต้องรู้ก่อนว่า นี่ไม่ใช่หมากจริงๆ แต่เป็นการทะลวงค่ายกล
ทุกครั้งที่วางหมากลงไป จะทำให้เกิดปราณที่แตกต่างกัน
หากมีข้อผิดพลาดบางอย่าง มันจะส่งผลกระทบกับค่ายกลทั้งหมด และทำให้ค่ายกลระเบิดได้โดยตรง!
คาดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะใจกล้าขนาดนี้ ใช้เพียงมือเดียวไม่พอ นางกลับใช้สองมือ!
นางไม่กลัวว่าตนเองจะวางผิดตำแหน่ง จนทำให้นางแพ้เลยหรือ?
ราวกับว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างเลย สองมือของนางเพิ่มความเร็วมากขึ้น เสียงวางหมากดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ในที่สุด!
เสียงของอาจารย์ผู้ตัดสินดังขึ้น
“หมดเวลาแล้ว“
ตู้ม!
ค่ายกลด่านสุดท้าย แตกออกแล้ว!
กระดานด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่ ก็มีดาวดวงที่ห้าสว่างออกมา!