ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 258 สมควรตาย
ตอนที่ 258 สมควรตาย [รีไรท์]
ซือถูซิงเฉินจมอยู่กับความอัปยศและเสียใจ นางสาวเท้าไปด้านหน้าอย่างไร้ทิศทาง
ร่างของนางชาไปทั้งตัวจิตวิญญาณหลุดลอย แววตาเลื่อนลอยมีเพียงแต่น้ำตาที่ไหลหยดออกมาอย่างไม่ขาดสายไม่รู้ว่าเดินมาหลายเท่าใดแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีคนเดินเข้ามาด้านหน้า นางก็หลบให้ตามสัญชาตญาณ แต่ชายคนนั้นกลับเดินมาขวางทางนางเช่นเดิม
นางก็หลบอีกครั้ง คนผู้นั้นก็มาขวางเหมือนเดิม
นางถึงสัมผัสได้ว่ามีอันใดบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงเงยหน้าขึ้นมา ด้านหน้าของนางมีผู้ชายสามคนยืนอยู่ บนตัวพวกเขายังสวมเสื้อผ้าที่ซักจนเก่า ดูแล้วเหมือนว่าจะอายุสามสิบกว่าปี หนวดเครารุงรัง บนร่างกายยังมีกลิ่นชายฉกรรจ์แผ่ออกมาอย่างรุนแรง ดูไปแล้วก็รู้สึกหยาบคายอย่างมาก
ในตอนนั้นเอง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโลภ พร้อมกวาดสองตาสำรวจบนตัวของนางอย่างกำเริบเสิบสาน
แม้ว่านางจะสวมหมวกสานอยู่ และเห็นใบหน้าของนางไม่ชัดเจน
“แม่นางเจ้ามาที่นี่คนเดียวหรือ แล้วเจ้าจะไปที่ไหนน่ะ?”
เมื่อได้ยินเสียงที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ สีหน้าของซือถูซิงเฉินก็เย็นชาขึ้น
“บังอาจ!”
ในฐานะองค์หญิงใหญ่แคว้นซิงหลัว ไม่มีใครกล้าทำตัวกับนางเช่นนี้มาก่อน!
เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายเหล่านั้นแล้ว นางไม่เพียงไม่มีความหวาดกลัว แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
“โอ้? แม่นางเป็นคนอารมณ์ร้อนหรือ? แต่ว่ามิเป็นไร พวกพี่ชายชอบที่เจ้าเป็นเช่นนี้มาก หึๆ เหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช่คนของเมืองหลวงสินะ เช่นนั้นพี่ชายพาไปเดินเล่นดีหรือไม่?”
เมื่อพูดจบชายที่อยู่ด้านหน้าก็ยื่นมือออกมา คว้าที่แขนของซือถูซิงเฉินเอาไว้
ซือถูซิงเฉินก็คว้ากระบี่ออกมา แล้วฟันไปที่แขนของผู้ชายคนนั้นทันที
ผู้ชายคนนั้นจึงถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
กระบี่ของซือถูซิงเฉินจึงฟันได้เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ตอนนั้นเองนางถึงได้รู้ว่าพวกที่ดูเหมือนน่ารังเกียจพวกนั้นก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรเช่นกัน
โดยเฉพาะคนที่ลงมือไปเมื่อครู่ ต้องเป็นจอมยุทธ์ระดับสามอย่างแน่นอน
ปกติแล้วนางเชี่ยวชาญด้านหมอเทวดาเท่านั้น ไม่ค่อยชำนาญด้านการต่อสู้เลย
ด้วยฝีมือในตอนนี้แทบจะไม่สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ระดับสามได้เลย
“แม่นางน้อย กระบี่ของเจ้านั้นอ่อนมาก เจ้าอย่าเอามันออกมาให้พวกเราขำดีกว่า ฮ่าๆ!”
ผู้ชายกลุ่มนั้นหัวเราะขึ้นเสียงดัง
พวกเขาดูออกตั้งนานแล้วแม่นางคนนี้เป็นศิษย์สำนักซิงหลัว หากพวกเขาไม่มีฝีมือจะกล้ามาล้อมนางได้อย่างใด? และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
แค่ดูจากการเหวี่ยงกระบี่เมื่อครู่ พวกเขาก็รู้ได้แล้วว่านางไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากนัก
แบบนี้ก็เข้าทางพอดี ผู้ชายทั้งสามคนมองหน้ากันไปมาจากนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้าหาซือถูซิงเฉินพร้อมกันทันที!
ซือถูซิงเฉินรู้สึกตกใจอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นจอมยุทธ์ระดับสาม
นางแค่คนเดียว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาแน่นอน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้นางก็รีบก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว และหยิบของบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ
“จะส่งสัญญาณความช่วยเหลือหรือ?”
ผู้ชายที่อยู่ด้านหน้าสุดเห็นการกระทำของนางเข้าพอดี จึงก้าวขึ้นไปเตะของในมือของนางกระเด็นออกไปทันที
ซือถูซิงเฉินเจ็บข้อมือของอย่างมาก และแทงกระบี่สวนไปอีกหนึ่งครั้ง
แต่การต่อสู้สามรุมหนึ่ง นางจะสู้ได้เยี่ยงใด?
หลังจากการต่อสู้ไม่กี่ครั้ง นางก็ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างรวดเร็ว
“หึๆ แม่นางน้อย เจ้าอย่าขัดขืนไปเลยดีกว่า พวกพี่ชายรับประกันว่าเจ้าจะสบายสุดๆ…”
พวกผู้ชายเหล่านั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นก็คว้าหมวกสานของซือถูซิงเฉินออกมา
พรึ่บ!
ใบหน้าที่งดงามกระจ่างใสของนางก็ปรากฏต่อสายตา
ผู้ชายทั้งสามคนคิดไม่ถึงว่านางจะงดงามขนาดนี้ จึงตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง
ซือถูซิงเฉินฉวยโอกาสนี้สาดของในมือออกมา
“อันใดกัน?”
พวกเขาทั้งหลายยกมือขึ้นมาขวางทันที และพบว่ามันคือผงสีดำๆ
“เจ้าคิดว่ามันคืออันใดล่ะ หึ แม่นางน้อยเจ้ายัง…”
ขณะที่ชายคนที่อยู่ด้านหน้ากำลังพูดขึ้น สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
เพราะแขนของเขาที่เปื้อนผงสีดำ มันเริ่มกัดกร่อนอย่างรวดเร็วและไร้เสียง!
ความเจ็บปวดเริ่มลุกลามเข้ามา!
“มือ…มือของข้า”
“อ๊าก! หน้าของข้า!”
ใบหน้าของบางคนก็มีผงสีดำเปื้อนอยู่ ทันใดนั้นเองเขาก็กรีดร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด
แต่อย่างใดก็ตามของสิ่งนั้นมันแข็งแกร่งมาก แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ร่างกายของพวกเขาก็เน่าเปื่อยจนแทบจะไม่ใช่คนอยู่แล้ว ดูไปแล้วก็น่ากลัวอย่างมาก
ทันใดนั้นเองก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้น รอยแยกสีดำก็ปรากฏ
ชายชราสวมชุดสีดำก็เดินออกมาจากตรงนั้น พร้อมเดินเข้ามาคำนับซือถูซิงเฉิน
“เหลียนหนิงคารวะองค์หญิงใหญ่ ข้าผู้เฒ่ามาสายหวังว่าองค์หญิงจะประทานอภัย”
เสียงของเขาแหบพร่าเหมือนเม็ดทราย พร้อมพูดอย่างเนิบนาบ ฟังแล้วรู้สึกแปลกอย่างมาก
สีหน้าของซือถูซิงเฉินเย็นเยียบ นางเดินไปหยิบของที่เพิ่งถูกเตะออกไป
ความจริงแล้วในตอนที่หยิบของชิ้นนี้ออกมา นางได้ถ่ายพลังแล้วส่งสัญญาณเรียกเหลียนหนิงออกมา
“ผู้อาวุโสเหลียนหนิง ท่านควรจะมาถึงตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ?”
ซือถูซิงเฉินหยิบหมวกขึ้นมาสวมอีกครั้งพร้อมถามเสียงเย็น
เหลียนหนิงหัวเราะเบาๆ
“องค์หญิงใหญ่ทรงปรีชามาก แต่ท่านเห็นพวกเขาเหล่านี้อยู่ในสายตาด้วยหรือ? ท่านเรียกข้ามาเพื่อมีเรื่องอื่นใช่หรือไม่?”
ซือถูซิงเฉินก็พูดอย่างไม่ปิดบัง
“ถูกต้อง! มีเรื่องหนึ่งข้าต้องการให้ท่านช่วย”
“องค์หญิงเชิญรับสั่ง”
“ช่วยข้าสืบเรื่องคนที่ชื่อฉู่หลิวเยว่”
บนใบหน้าของเหลียนหนิงมีประกายความแปลกใจเล็กน้อย
“องค์หญิงอยากรู้เรื่องนางมีเหตุ?”
ซือถูซิงเฉินขมวดคิ้วแน่น
“เจ้ารู้จักนางหรือ?”
เหลียนหนิงหัวเราะหึๆ
“ตอนแรกนางเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาทหรงจิ้น ข้าจึงรู้จักนางเล็กน้อย”
แววตาของซือถูซิงเฉินมีประกายความไม่พอใจ
เพราะว่าเหลียนหนิงให้ความสำคัญกับหรงจิ้นมาก ความจริงแล้วเพราะว่าหลังจากหรงจิ้นยกเลิกงานหมั้น เสด็จพ่อก็ตั้งใจว่าจะให้นางหมั้นกับหรงจิ้น
แม้ว่านางจะแสดงตัวมาหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องการหมั้น แต่ทางด้านของเสด็จพ่อก็เหมือนว่ายังจะไม่ปล่อยวางความคิดนี้
ดังนั้นเหลียนหนิงจึงค่อนข้างรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหรงจิ้นมากเป็นพิเศษ
เมื่อเหลียนหนิงเห็นว่าสีหน้าของซือถูซิงเฉินไม่น่ามองนัก เห็นได้ชัดว่าดวงตาเหมือนผ่านการร้องไห้มา เขาก็รู้ได้ทันทีซือถูซิงเฉินนั้นชอบคนอื่น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ และจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับหลีอ๋องอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่า…เหตุใดถึงต้องให้สืบเรื่องของฉู่หลิวเยว่ผู้นั้นด้วย?
“องค์หญิงวางใจเถอะ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
เขาไม่ได้ถามอันใดมาก แต่ก็ขานรับทันที
เพียงแต่ก่อนที่เชาจะเดินจากไป สายตาของเขาก็เหลือบไปมองศพที่เน่าเปือยอยู่ที่พื้นอย่างลังเล แล้วพูดว่า
“เพียงแต่ องค์หญิง…ศพพวกนี้”
“ข้าจะจัดการเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวลา”
เมื่อเหลียนหนิงพูดจบ เขาก็สาวเท้าไปในมิติที่ว่างเปล่า และหายตัวไปอย่างไร้เสียง
ซือถูซิงเฉินสาวเท้าเดินขึ้นไปด้านหน้า จ้องมองศพพวกคนเหล่านั้นที่ตายอย่างไม่สมบูรณ์ ทันใดนั้นเองกระบี่ในมือของนางก็แทงเข้าที่ร่างกายของพวกเขาอย่างรุนแรง
เหมือนว่านางได้กลายเป็นบ้าไปแล้ว นางตัดมือของคนผู้นั้น จากนั้นก็ควักลูกตาของพวกเขาออกมา
จนกระทั่งพวกเขาทั้งสามคนกลายเป็นแค่ก้อนเนื้อเละๆ ในที่สุดนางก็หยุดมือลง และหอบหายใจ
นางละลายศพทั้งสามอย่างสมบูรณ์ จนไม่เหลือแม้กระทั่งร่องรอย จากนั้นถึงพ่นคำพูดที่เย็นชาออกมา
“ไอ้สารเลว สมควรตาย!”