ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 260 แผนการ
ตอนที่ 260 แผนการ [รีไรท์]
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะมาสายมาก แต่เพราะว่านางสามารถชนะในการประลองสองครั้งแรกได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครมาหาเรื่องนาง
นางกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เห็นเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่เป็นที่นั่งว่างมาตลอด ตอนนี้กลับจักรพรรดิจยาเหวินนั่งอยู่ และด้านข้างของพระองค์ก็คือจักรพรรดินี
เมื่อมองไปรอบข้างก็จะเห็นองค์ชายองค์หญิงนั่งอยู่ครบทุกพระองค์
หลังจากเหลือบมองคร่าวๆ แล้ว คนที่นั่งอยู่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนคุ้นเคยของฉู่หลิวเยว่
แต่ว่า ตำแหน่งของหรงซิวนั้นว่างเปล่า
ในสนามประลองก็มีศิษย์หลายคนเข้ามาประจำตำแหน่งแล้ว ด้านหน้าของพวกเขาก็มีเตาหลอมโอสถอยู่คนละหนึ่งเตา
ซุนจ้งเหยียนกำลังประกาศกฎของการแข่งขันอยู่
“ด้านหน้าของพวกเจ้าทุกคน จะมีกล่องหยกวางอยู่หนึ่งกล่อง ภายในกล่องนั้นจะมีใบเทียบยาทั้งหมดสามใบ ใบเทียบแต่ละใบนั้นมีระดับต่างกัน พวกเจ้าสามารถเลือกหลอมโอสถที่เจ้ามั่นใจมากที่สุดหนึ่งใบ แล้วหลอมตามใบเทียบโอสถนั้น และเมื่อจบการแข่งขัน ผู้อาวุโสของทั้งสามสำนัก จะตัดสินตามคุณภาพเพื่อเลือกอันดับหนึ่งออกมา!”
เสียงนั้นดังกังวานไปทั่วสนามจยาหนาน
ผู้ชมที่อยู่โดยรอบต่างมีสีหน้าที่ตื่นเต้นและเฝ้ารอคอย การแข่งขันของเซียนหมอนั้นตึงเครียดกว่าเมื่อสองวันแรกมาก
ฉู่หลิวเยว่เดินมาที่ที่นั่งของตนเองอย่างเงียบๆ
ขณะนี้ความสนใจของผู้คนส่วนใหญ่ต่างอยู่ที่เวทีการประลอง นางจึงไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาเพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจ
หลังจากที่นั่งลงแล้ว นางก็หันไปมองที่เวทีการประลอง
ซือถูซิงเฉินยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ด้วย
ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างซุบซิบเสียงเบา เพราะพวกเขาสามารถเดาได้แล้วว่าใครจะได้ที่หนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกสนใจเทียบยาที่อยู่ในกล่องหยกมากกว่า
ไม่รู้ว่าโจทย์ของงานสมาคมเยาวชนจะเป็นอย่างใดกันแน่…
ซุนจ้งเหยียนก็อธิบายเรื่องบางเรื่องต่ออีกเล็กน้อย จากนั้นก็ประกาศเริ่มการแข่งขัน
ผู้เข้าแข่งขันก็เริ่มทยอยเปิดกล่องหยกใบนั้น และเปรียบเทียบใบเทียบโอสถทั้งสามใบ
ในตอนนั้น มีบางคนตกใจ บางคนชอบใจ บางคนลำบากใจ
เห็นได้ชัดว่าระดับของผู้เข้าแข่งขันนั้นแตกต่างกันอย่างมาก เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าคำถามการแข่งขัน จึงมีปฏิกิริยาที่ต่างกันเช่นนี้
หลังจากที่เงียบเสียงไปครู่หนึ่ง ก็มีศิษย์ที่อยู่ในสนามยกมือขึ้นมา
“เหอหยาง ศิษย์สำนักหนานเฟิง เลือกใบเทียบโอสถระดับกลาง”
อาจารย์ผู้ตัดสินที่อยู่ด้านข้างรีบสาวเท้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ให้คนนำสมุนไพรที่เกี่ยวข้องไปส่ง
“ทุกคนจะมีสิทธิ์ใช้สมุนไพรสองครั้ง หากล้มเหลวทั้งสองครั้ง ก็ถือว่าตกรอบ! เข้าใจหรือไม่?”
เหอหยางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณท่านอาจารย์ผู้ตัดสินที่เตือน ศิษย์เข้าใจแล้ว”
เมื่อพูดจบเขาก็เอามือวางไว้ที่เตาหลอมโอสถ พร้อมถ่ายพลังลงไป
เปลวไฟสีน้ำเงินกลุ่มหนึ่งก็พวยพุ่งขึ้น
เมื่อเห็นฉากเช่นนั้น ศิษย์ที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า จึงทยอยเลือกเทียบยา พร้อมเข้าสู่การหลอมโอสถ
ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ข้างล่างนั้น ก็มองไปด้วยความสนใจ พบว่ามีคนที่เลือก ระดับกลาง นั้นมีจำนวนเยอะมาก ส่วนที่เลือก ระดับต่ำ นั้นมีน้อยที่สุด
“ไม่รู้เหมือนกันว่าเทียบยาเหล่านั้นมีอันใดที่แตกต่างกัน เหตุใดถึงยังมีคนเลือก ระดับต่ำ อยู่ นั่นไม่ได้หมายความว่าเอาป้ายแพ้มาคล้องคอแล้วหรือ?”
ซือหยางที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นมาอย่างแปลกใจ
ฉู่หลิวเยว่จึงหัวเราะเบาๆ แล้วอธิบายอย่างอ่อนโยนว่า
“นั่นเป็นเพราะเซียนหมอแต่ละคนรู้ถึงระดับความสามารถของตัวเองอย่างชัดเจน พวกเขารู้ว่าตนเองอยู่ในระดับไหน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าตนเองควรเลือกระดับไหน สำหรับเซียนหมอแล้ว ถ้าเลือก ระดับกลาง แล้วล้มเหลว เช่นนั้นก็เลือก ระดับต่ำ ไปก็ได้ อย่างน้อยก็มีความหวังที่จะได้ที่หนึ่ง แต่ถ้าหลอมอันใดก็ไม่สำเร็จ ถือว่าต้องออกจากการแข่งขันทันที แน่นอนว่าเขาก็ต้องเลือกสู้เช่นนี้”
ซือหยางรู้สึกตกใจอย่างมาก แต่สุดท้ายก็เข้าใจ
“ถ้าตามที่เจ้าบอก การเลือก ระดับต่ำ ก็ไม่ได้หมายความคุณภาพของโอสถจะต่ำ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดแก้ไขว่า
“ที่ถูกต้องต้องพูดว่า ลำดับของพวกเขา จะไม่ได้อยู่สุดท้าย”
ซือหยางพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ทันใดนั้นเขาก็เบิกตากว้างขึ้นมา
“เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองเขาอย่างเกียจคร้าน
ตอนนั้นเองซือหยางเพิ่งจะนึกได้ว่า…ไอ้คนชั่วช้าน่าตายที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น ก็มีพรสวรรค์เรื่องการหลอมโอสถเช่นกัน
หากนางจะรู้เรื่องพวกนี้ ก็ไม่ถือว่าแปลก
“จะว่าไปแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ลงแข่งขันครั้งนี้ด้วยเล่า?”
ฉู่หลิวเยว่มีใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ซือหยางตบปากตัวเองเบาๆ
ข้านี่มันโง่เสียจริง!
การแข่งขันสามอย่าง นางชนะมาแล้วสองอย่าง นางมีความจำเป็นอันใดที่ต้องลงแข่งขันวันสุดท้ายด้วย?
ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวลือในสำนักต่างกล่าวว่า ฉู่หลิวเยว่ไม่ค่อยมีพรสวรรค์ด้านนี้ ทุกคนจึงคิดว่านางไม่อยากเสียเวลาเข้าร่วม
ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตากลับมา จากนั้นก็หันไปมองบนเวที
…
“แค่ก แค่กๆ…“
เมื่อได้ยินหรงจิ้นไออีกครั้ง จักรพรรดิจยาเหวินจึงเหลือบสายตาไปมอง สีหน้าของเขาดูย่ำแย่เล็กน้อย
“ในเมื่อบาดเจ็บแล้ว เหตุใดถึงไม่รักษาตัวในตำหนักให้หายก่อนเล่า?”
เมื่อได้ยินดังนั้นจักรพรรดินีก็รู้สึกดีใจอย่างมาก
ฝ่าบาทที่ดูเหมือนเคร่งขรึม แต่ความจริงแล้วกลับเอาใจใส่อย่างมาก
ถ้าหากเขาไม่ใส่ใจองค์รัชทายาทสักนิด เขาจะไม่มีทางให้คนพาหรงจิ้นกลับมา และยังไม่พูดเช่นนั้นอีกด้วย
หรงจิ้นเองก็สัมผัสได้ถึงเรื่องนี้ เขาจึงยิ้มด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เป็นห่วง ลูกไม่ได้เป็นอันใดมาก อาจารย์จั่วหรงก็บอกแล้วว่า ขอเพียงรักษาตัวสักหน่อยก็จะหายดี อีกทั้งลูกไม่ได้เจอเสด็จพ่อนาน ดังนั้น…”
เขาถูกกักตัวอยู่ในตำหนักรัชทายาทเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะขอเข้าพบอย่างใด ทางวังหลวงก็ไม่มีคำตอบกลับมาเลย
โอกาสดีๆ เช่นวันนี้ เขาจะพลาดได้อย่างใด
แววตาของจักรพรรดิจยาเหวินมีความอ่อนไหวแฝงขึ้นมา
แม้ว่ารัชทายาทจะเป็นคนใจแคบเล็กน้อย แต่เขาก็มองดูอีกฝ่ายมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังเคยตั้งความหวังไว้สูง จะไม่ให้มีความผูกพันธ์แบบพ่อลูกได้อย่างใด?
เห็นเขาให้มีท่าทางอ่อนแอเช่นนั้น จักรพรรดิจยาเหวินเองก็ทนมองไม่ได้เช่นกัน
“กลับไปรักษาตัวเองให้ดี! องค์รัชทายาทที่ยิ่งใหญ่กลับมีสีหน้าป่วยออดแอดแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน?”
เมื่อคำพูดนี้ดังออกไป คนที่อยู่รอบข้างก็ตกใจอย่างมาก ความหมายของฝ่าบาท…เหมือนกับว่าเขาไม่อยากให้หรงซิวได้ตำแหน่งรัชทายาทหรือ?
ในใจของจักรพรรดินีรู้สึกดีใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
เดิมทีนางก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้วที่จะให้หรงจิ้นมาที่นี่
นางรู้ดีกว่าใคร ว่าที่หรงจิ้นมาวันนี้เป็นเพราะมาหาฉู่หลิวเยว่!
แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะทรงมีเมตตา มาช่วยนางแก้ปัญหาเช่นนี้
นี่มันเป็นความโชคดีที่คาดคิดเลยทีเดียว!
นางยิ้มให้อย่างกระตือรือร้น
“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทเติบโตขึ้น และรู้เรื่องขึ้นไม่น้อย จากนี้ไปจะไม่ทำให้ฝ่าบาทโกรธด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้อีกแล้วเพคะ”
จักรพรรดิจยาเหวินแค่นหัวเราะเสียงเย็น จากนั้นก็ไม่ได้พูดอันใดอีก
หรงจิ้นเองก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น จึงอดหันไปมองทางสำนักเทียนลู่ไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่เองก็กำลังยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน
ระยะห่างกันมาก แต่เขาก็สามารถมองเห็นนางได้อย่างรวดเร็ว
สดใส ส่องประกาย สะดุดตา!
เขาได้ยินเรื่องการแสดงความสามารถของฉู่หลิวเยว่ในงานสมาคมเยาวชนในครั้งนี้แล้ว จึงรู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
ผู้หญิงที่โดดเด่นเช่นนี้ เหมาะสมกับคนอย่างเขาที่สุด!
ตอนที่เขามา เขาแอบถามเสด็จแม่แล้ว จึงรู้ว่านางยังไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ในใจจึงรู้สึกร้อนรนเล็กน้อย
ตอนนั้นเองก็มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสมองของเขา
รอให้งานสมาคมเยาวชนของวันนี้จบลง หากเสด็จแม่ยังไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เช่นนั้นเขาจะรายงานให้เสด็จพ่อทรงทราบเอง!