ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 265 อธิบาย!
ตอนที่ 265 อธิบาย! [รีไรท์]
พูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็เดินผ่านซือถูซิงเฉินไปอย่างเร่งรีบก่อนจะเดินเข้าไปหาชายที่อยู่ตรงหน้า
“ส่งของออกมา!”
ชายหนุ่มคนนั้นถูกการกระทำของฉู่หลิวเยว่ทำเอาตกใจจนถอยหลังไป
“เจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่”
เขาชี้ไปยังหม้อยาข้างๆ ที่คว่ำลงไปแล้ว ก่อนจะพูดกล่าวโทษ
“เจ้าทำลายยาเม็ดของข้า!”
ชายหนุ่มคนนี้เป็นนักเรียนอีกคนจากสำนักไท่เหยี่ยน
ที่เลือกทำยาเม็ดชื่อหยางเจี้ยนชิง
ตอนที่ซือถูซิงเฉินเริ่มกลั่นยาได้ไม่นาน เขาก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว
ขณะที่มีดของฉู่หลิวเยว่กำลังบินมา ก็สามารถเห็นโครงสร้างเม็ดยาในหม้อยาได้อย่างชัดเจนแล้ว
เมื่อถูกทำลายอย่างกะทันหัน หลังจากที่หยางเจี้ยนชิงรู้ตัวแล้วก็มองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาแห่งความโกรธ
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตา
“เจ้ารู้ดีว่าสิ่งที่ข้าต้องการคืออะไร เจ้าจะมอบออกมาเองหรือจะให้ข้าเป็นคนจัดการ?”
หยางเจี้ยนชิงถูกรังสีอันเยือกเย็นบนตัวนางขู่ให้กลัว ก่อนจะตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว
ดูแล้วฉู่หลิวเยว่ก็เป็นหญิงสาวที่อายุประมาณสิบกว่าปี แต่กลับซ่อนพลังลมปราณที่ไม่มีใครกล้าต่อต้านเอาไว้ เมื่อถูกตาที่ดำทมิฬคู่นั้นจ้องเอาไว้ หยางเจี้ยนชิงก็รู้สึกผิดพลางหันมองไปทางอื่น และเสียงก็แผ่วเบาลงทันที
“ข้า…ข้าไม่รู้เรื่อง! ฉู่หลิวเยว่ข้ากำลังแข่งอยู่ดีๆ เจ้าก็จะพุ่งเข้ามาให้ได้ ข้าอยากจะถามเจ้าจริงๆ ว่าเจ้ามีสิทธิ์อะไร!”
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น
ทันใดนั้นคนที่อยู่รอบๆ ก็ได้สติขึ้นมา
คนที่เอ่ยปากก่อนก็คือเฉิงหัน
“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าบังอาจนัก! เจ้าคิดว่าที่แห่งนี้คือที่ไหนถึงได้ทำตามอำเภอใจแบบนี้”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มหยันพลางตอบกลับ
“ท่านหัวหน้าสำนักเฉิงหัน ถ้าหากว่าไม่มีคนในสำนักของท่านทำความผิดอยู่ตรงหน้า ข้าก็คงไม่บุ่มบ่ามเข้ามาหรอก”
“เจ้าพูดอะไร?”
เฉิงหันขมวดคิ้วและยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
“เจ้ากำลังสื่อว่าหยางเจี้ยนชิงมีปัญหางั้นรึ?”
ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่ “เปล่าข้าบอกตรงๆ”
เฉิงหันถึงกับสำลักความโมโหจนสั่นไปหมดทั้งตัว ฉู่หลิวเยว่เป็นใคร ถึงกล้าใส่ร้ายพวกเขาจากสำนักไท่เหยี่ยน ไม่เพียงแต่ทำลายยาเม็ดของนักเรียนของพวกเขา ยังจะพูดจาใส่ร้ายเช่นนั้นอีก!
เขารู้ว่าฝีปากของตัวเองเป็นไม่ได้แม้แต่คู่แข่งของฉู่หลิวเยว่ อีกอย่างถ้าจะเอาฐานะตำแหน่งของเขาไปสู้กับฉู่หลิวเยว่ก็น่าอับอายสุดๆ
เขาจึงมองไปยังซุนจ้งเหยียน ก่อนจะพูดเสียงเข้ม
“ซุนจ้งเหยียน นี่คือนักเรียนที่สำนักของพวกเจ้าสอนมารึ! ช่างใจกล้าเหลือเกิน กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ! ไม่แปลกที่คว้าที่หนึ่งมาได้ถึงสองตำแหน่ง แค่นี้ก็ไม่มีใครสู้ได้แล้วล่ะ!”
ซุนจ้งเหยียนก็ตกใจกับการกระทำของฉู่หลิวเยว่เช่นกัน
แต่ความประทับใจของเขาที่มีต่อฉู่หลิวเยว่นั้นดีมาโดยตลอด ฉะนั้นต่อให้นางจะทำอะไรกะทันหันเกินไป ในใจของเขาก็รู้สึกว่าทุกเรื่องคงมีเหตุผลของมัน
“หลิวเยว่เป็นคนรู้ถึงกาลเทศะ ที่นางทำเช่นนี้ต้องมีเหตุผลแน่นอน รอให้นางอธิบายเสียก่อน แล้วสหายเฉิงหันค่อยพูดถึงเรื่องเหล่านี้ก็ยังไม่สายไม่ใช่รึ?” เฉิงหันกัดฟัน
ซุนจ้งเหยียนกำลังปกป้องฉู่หลิวเยว่เกินไปแล้ว!
“ซุนจ้งเหยียน วันนี้มาถึงสนามสุดท้ายของการแข่งขันเยาวชนแล้ว และได้ถูกฉู่หลิวเยว่! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นถึงเพียงนี้ เจ้ายังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือ?”
ซุนจ้งเหยียนเหลือบมองสภาพของสนามแข่งขันก่อนจะกระแอมหนึ่งทีเพื่อกล่าวเตือน
“สหายเฉิงหัน การแข่งขันยังคงดำเนินต่ออยู่ไม่ใช่รึ? หลิวเยว่ขึ้นไปคว่ำหม้อยาของหยางเจี้ยนชิงแค่คนเดียว เพื่อขัดขวางการทำยาเม็ดของเขา ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังคงแข่งขันต่อ อ่อ…ใช่แล้ว ยังมีซือถูซิงเฉินด้วย”
เฉิงหันนิ่งไปก่อนจะหันกลับมาพลางตั้งใจมอง และพบกับสิ่งที่คาดไม่ถึง
ดูเหมือนว่านอกจากหยางเจี้ยนชิงและซือถูซิงเฉินแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร!
ด้านหนึ่งคงเป็นเพราะสนามแห่งนี้ใหญ่มาก เพื่อความสะดวกในการกลั่นยา นักเรียนทุกคนจึงต้องอยู่คนเดียวในที่โล่งกว้าง และพื้นที่กั้นระหว่างแต่ละคนก็ไม่ได้เล็กมากเช่นกัน
อีกด้านหนึ่งก็เป็นเพราะหยางเจี้ยนชิงและซือถูซิงเฉินต่างเป็นนักเรียนของสำนักไท่เหยี่ยน ทั้งสองอยู่ติดกัน ถึงแม้ว่าซือถูซิงเฉินจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่คนอื่นที่อยู่ไกลกลับโชคดีและรอดมาได้
ริมฝีปากของเขากระตุก ทั้งอับอายทั้งโกรธ
“แบบนี้ก็ยิ่งรับได้ว่าฉู่หลิวเยว่นั้นจงใจทำ! คนที่อยู่ในสนามแข่งมีตั้งมากมายทำไมนางถึงไม่ไปขัดขวาง เอาแต่จะทำลายนักเรียนในสำนักเรา และยังเป็นสองคนที่กำลังกลั่นยาอยู่ด้วย”
ซุนจ้งเหยียนหัวเราะ
“สหายเฉิงหัน เห็นได้ชัดเจนว่าหลิวเยว่มุ่งไปหาหยางเจี้ยนชิง เรื่องนี้ใครๆ ก็ดูออก หลิวเยว่ก็ยอมรับ ส่วนซือถูซิงเฉินนั้น…ถ้าพูดตามตรงแล้ว ที่หม้อยาของนางถูกทำลายส่วนใหญ่ก็มาจากนางเองไม่ใช่รึ? ฉีหยุนเฟิงจากสำนักหนานเฟิง ก็อยู่ระหว่างการกลั่นยาและอยู่ข้างๆ หยางเจี้ยนชิงอีกด้วย ระยะห่างระหว่างทั้งคู่กับระยะห่างของหยางเจี้ยนชิงและซือถูซิงเฉินก็เท่ากัน เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่รึ?”
ฝูอวิ๋นซานลูบเคราตัวเองอย่างภูมิใจ
“เด็กคนนี้ มีจิตใจที่มั่นคงเสมอ”
เดิมทีที่เห็นซือถูซิงเฉิน และหยางเจี้ยนชิงมากลั่นยาในใจเขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
พอถึงกลางทางก็นึกไม่ถึงว่าจะมีนักฆ่าอย่างฉู่หลิวเยว่มาปรากฏตัวและโค่นทั้งคู่ทันที!
ถ้าทั้งสองสำนักนี้ทะเลาะกันขึ้นมา เขาก็คงจะยืนดูอย่างสนุกแถมจะใส่ไฟให้พวกเขาอีกด้วย
“เมื่อครู่นี้ข้าเห็นเปลวไฟในหม้อยาของซือถูซิงเฉินดูเหมือนจะไม่นิ่ง และเป็นสถานการณ์เดียวกันกับนักเรียนคนก่อนหน้าที่มาจากสำนักของเรา ท่านผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ย เจ้าก็เห็นนี่?”
ผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยเสียดายที่สำนักของตัวเองเสียนักเรียนที่จะแย่งชิงไปแล้วหนึ่งคน เมื่อได้ยินคำพูดของฝูอวิ๋นซานจึงเข้าใจทันที
“ใช่ ในกระบวนการกลั่นยานั้นเดิมทีก็ใช้พลังมากอยู่แล้วหากแข็งแกร่งไม่มากพอที่จะรองรับ เปลวไฟในหม้อยาก็จะดับและทำให้พ่ายแพ้ไป จากที่ข้าดูแล้ว เม็ดยาของซือถูซิงเฉินก็คงจะไม่…”
“เฉิงลี่เสวี่ย! เจ้าอย่ามาพูดจามั่วซั่ว เมื่อครู่นี้เม็ดยาของซิงเฉินก็ใกล้จะสำเร็จอยู่แล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะมาขัดขาเอาไว้ จะแพ้ได้อย่างไร!” เฉิงหันโต้กลับด้วยสีหน้าดำก่ำทันที
แบบนี้เป็นการดูถูกความสามารถของซือถูซิงเฉินชัดๆ
ผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยถึงกับหัวเราะ
“ท่านผู้นำสำนักเฉิงหัน ข้าไม่ได้พูดจามั่วซั่วหรอก ตัวท่านก็เป็นหมอท่านมองไม่ออกรึ? นั่นเพียงแค่กำลังจะสำเร็จแต่ก็ยังไม่สำเร็จ ไม่ต้องดูถึงตอนสุดท้ายใครๆ ก็รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร?”
ถ้าใช้โอกาสนี้ไล่ซือถูซิงเฉินและหยางเจี้ยนชิงออกไปได้ก็คงจะดี!
เฉิงหันจะไม่รู้ความคิดของสำนักหนานเฟิงได้อย่างไร จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรพวกเขามากนัก แล้วหันกลับมามองซุนจ้งเหยียนอีกครั้ง
“ไม่ว่าอย่างไร ฉู่หลิวเยว่ก็ต้องอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้! ถ้าไม่อย่างงั้นเราก็ขอไม่เข้าร่วมสมาคมเยาวชนครั้งนี้!”
เมื่อพูดออกมาแบบนั้นแล้ว ทุกคนก็มากันเงียบทันที ไม่คิดว่าเฉิงหันจะเอ่ยปากขู่เช่นนี้
เมื่อตั้งใจคิดดูแล้วก็สามารถเข้าใจได้
พวกหวู่เจ๋อและหวู่เจ๋อก็ไม่สามารถคว้าที่หนึ่งมาได้ ที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงความหวังอันน้อยนิดสุดท้าย
ถ้าหยางเจี้ยนชิงและซือถูซิงเฉินไม่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ พวกเขาก็คงพ่ายแพ้แล้วจริงๆ
ซุนจ้งเหยียนมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความลังเล
ฉู่หลิวเยว่ส่งสายตาที่บอกให้เขาสบายใจได้กลับมา
“ท่านผู้นำสำนักเฉิงหัน ในเมื่อท่านอยากได้คำอธิบายก็ขอให้ท่านฟังเอาไว้ให้ดี”
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นชี้ไปยังหยางเจี้ยนชิงด้วยแววตาเยือกเย็น และพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำอย่างน่ากลัว ราวกับมีฟ้าผ่าลงมา!
“บนตัวของเขามีกู่โลหิตแดง!”