ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 266 สถานะของนาง!
ตอนที่ 266 สถานะของนาง! [รีไรท์]
เมื่อพูดแบบนั้นแล้ว ทั้งสนามก็เงียบไปชั่วขณะ
คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ากู่โลหิตคืออะไร จึงพากันทำหน้างุนงง
ส่วนคนที่รู้จักกู่โลหิต ในใจกลับเต็มไปด้วยความตกใจและอึ้งจนพูดไม่ออก
หยางเจี้ยนชิงถึงกับหัวหด!
ทั้งๆ ที่เขาซ่อนเอาไว้มิดชิดถึงเพียงนั้น แล้วฉู่หลิวเยว่ดูออกได้อย่างไร?
เฉิงหันได้ยินก็ถึงกับอึ้งก่อนจะรีบเอ่ยปากทันที
“เป็นไปไม่ได้!”
กู่โลหิตนั้นเป็นสิ่งของมีพิษแรง หยางเจี้ยนชิงจะมีได้อย่างไร?
ฉู่หลิวเยว่แสยะยิ้ม
“เป็นไปได้หรือไม่ได้ แค่ท่านดูด้วยตัวเองก็รู้แล้วไม่ใช่รึ?”
พูดจบ นางก็หันมองหยางเจี้ยนชิงอีกครั้ง
“ครั้งนี้ เจ้ายังจะเถียงอีกหรือไม่?”
หยางเจี้ยนชิงลุกลี้ลุกลนและคิดจะเถียงหัวชนฝาให้ได้
“ข้าเปล่า! บนตัวข้าไม่มีของอะไร ทำไมข้าต้องยอมรับด้วย? เจ้าอย่ามาใส่ร้ายโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้นะ!”
ฉู่หลิวเยว่แทบอยากจะหัวเราะออกมา
“ถ้าข้าไม่มั่นใจ เจ้าคิดว่าข้าจะลงมือหรือไม่?”
หยางเจี้ยนชิงชะงักไป
ฉู่หลิวเยว่เก็บมีดขึ้นมาก่อนจะควงเล่นในมือ
“ถ้าเจ้ามีความฉลาดสักนิด เจ้าก็ลงไปเอาของกับข้าแล้วยอมรับเสีย ปล่อยไว้แบบนี้มันกระทบกับการแข่งขันของคนอื่นหรือไม่”
นางหยุดชะงักแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
หยางเจี้ยนชิงตัวสั่นทันที
ถึงแม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่ได้พูดต่อ เพียงแค่ส่งสายตาก็เพียงพอแล้ว!
หยางเจี้ยนชิงไม่รู้ว่าต่อไปตัวเองต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่เขารู้อยู่แก่ใจว่าวิธีการของฉู่หลิวเยว่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถหนีได้แน่นอน!
เขาฝืนเก็บความกลัวในใจเอาไว้
“ข้าจะไปสำรวจกับเขาก็แล้วกัน!”
พูดจบเขาก็รีบลงจากเวทีแล้วเดินไป
ฉู่หลิวเยว่ยักคิ้วก่อนจะเดินทางไป
ทั้งสองมาถึงข้างล่างสนาม อาจารย์ผู้ตัดสินก็มาถึงละยืนอยู่ด้านข้างด้วยความระมัดระวัง
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป แต่สายตาของคนส่วนใหญ่ได้หันมาทางนี้หมดแล้ว
บรรยากาศอึมครึม
จักรพรรดิจยาเหวินถึงกับขมวดคิ้ว
“ผู้อาวุโสซุน กู่โลหิตที่ว่าคืออะไรรึ?”
ปัญหานี้ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะถามเช่นกัน
ซุนจ้งเหยียนอธิบายด้วยความอดทนไปหนึ่งรอบ
“ฉะนั้น ถึงแม้ว่าพิษพวกนี้จะหาได้ยาก แต่พิษแรงมากถ้าโดนเข้าไปต้องตายสถานเดียว!”
สีหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดเสริม
“ฝ่าบาท ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ผู้อาวุโสซุนลืมพูดไปก็คือ ถ้ากู่โลหิตนั้นถูกเผาไหม้อยู่ในหม้อยา ฤทธิ์ของพิษก็จะแรงขึ้นเป็นเท่าตัว อีกอย่างถ้ากระจายออกไป แล้วเผลอสูดหายใจเข้าไปเพียงนิดเดียวก็ถึงแก่ชีวิตได้เจ้าคะ”
ทำเอาจักรพรรดิจยาเหวินรู้สึกหวาดระแวงแล้วสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนสีทันที
“เจ้าพูดจริงรึ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
“ถ้าท่านไม่เชื่อก็สามารถถามแพทย์ในสนามคนอื่นๆ ได้เลย”
จักรพรรดิจยาเหวินมองไปหาเฉิงลี่เสวี่ย หลังจากเห็นกู่โลหิตที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ สีหน้าของพวกเขาก็ดูไม่ได้ทันที
ถึงเขาจะไม่ถามก็รู้ว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้โกหก
“ความหมายของเจ้าก็คือเมื่อครู่นี้หยางเจี้ยนชิงคิดจะทำเช่นนี้รึ?” จักรพรรดิจยาเหวินเอาตัวเข้ามามอง ก่อนจะถามอย่างเร่งรีบ
ฉู่หลิวเยว่มองหยางเจี้ยนชิงก่อนจะเห็นสีหน้าของเขาลุกลี้ลุกลนจึงแสยะมุมปาก
“ถูกต้อง”
ทุกคนพากันแตกตื่น!
ถ้าหยางเจี้ยนชิงทำแบบนี้จริงๆ ถ้าอย่างงั้นพวกเขาที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้รับสาพิษหมดแล้วน่ะสิ!
เพียงแค่คิดก็น่ากลัวจนขนลุกแล้ว!
เฉิงหันเห็นว่าเรื่องนี้กำลังเติบโตไปในทางที่ควบคุมไม่ได้จึงร้อนรนใจและเดินเข้าไปข้างหน้า และเอ่ยปากด้วยความโมโห
“ฉู่หลิวเยว่! เจ้าอย่ามาพูดจามั่วซั่วนะ! ถ้าหยางเจี้ยนชิงทำแบบนั้นจริงทำไมถึงมีเจ้าคนเดียวที่เห็น แล้วคนอื่นทำไมไม่มีใครเห็นหรือพลังของเจ้ามันแข็งแกร่งกว่าแพทย์พวกนี้รึ?”
คำพูดนี้ก็มีไม่ได้ไม่มีเหตุผล ผู้คนไม่น้อยจึงมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตากึ่งเชื่อกึ่งประหลาดใจ
ฉู่หลิวเยว่ถามกลับ
“ข้าขอถามท่านหัวหน้าสำนักเฉิงหันว่าท่านเคยเห็นกู่โลหิตมาก่อนหรือไม่?”
เฉิงหันนิ่งไปก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ
“สารพิษที่ร้ายแรงขนาดนี้ ข้าต้องเคยเห็นอยู่แล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ
“ข้าเคยเห็น”
ฉู่เซียนหมิ่นที่นั่งอยู่ท่ามกลางฝูงชนรีบจับชายเสื้อของตัวเองแน่น ก่อนจะเกร็งไปทั้งตัว!
ตั้งแต่ที่ฉู่หลิวเยว่พูดคำว่ากู่โลหิตออกมา นางก็รู้สึกวิตกกังวลไม่หยุด กลัวว่าฉู่หลิวเยว่จะลากนางเข้าไปเกี่ยวด้วย
เมื่อได้ยินคำนี้นางก็ตื่นเต้นและกลัวจนลืมหายใจไปแล้ว!
ถ้าถูกฉู่หลิวเยว่แฉเข้านางก็จบสิ้นเหมือนกัน!
“ข้าขอพูดความจริงว่าสำนักของเรามีคนหนึ่งที่โดนพิษกู่โลหิตไป”
ฉู่เซียนหมิ่นก้มหน้าจากนั้นก็หน้าซีดขาวทันที
“เขาชื่อเลี่ยวจงซู ก่อนหน้านี้เขาได้รับพิษโดยไม่รู้ตัวจนเกือบตายไปหลายครั้ง เรื่องนี้อาจารย์ในสำนักสามารถอธิบายได้”
จั่วหรงพูดอย่างเคร่งขรึม
“ใช่ เลี่ยวจงซูเคยถูกวางยามาก่อนตอนนี้ยังไม่ฟื้น”
เฉิงหันเหมือนกำลังฟังเรื่องตลกอยู่
“งั้นรึ? ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าถ้าโดนพิษกู่โลหิตแล้วต้องตายทั้งนั้น ถึงขั้นอยู่รอดไม่ถึงวัน แล้วทำไมนักเรียนของเจ้าที่โดนพิษของกู่โลหิตกลับรอดจนถึงวันนี้ได้เล่า? ถ้าพวกเจ้าคงไม่ได้ดูผิดไปหรือว่าตั้งใจจะหลอกคนอยู่แล้ว?”
สีหน้าของจั่วหรงและอาจารย์แต่ละคนพากันดูไม่ได้ทันที
“หัวหน้าสำนักเฉิงหัน! นี่เจ้ากำลังสงสัยพวกข้าอยู่รึ? ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ไปที่สำนักของพวกข้าด้วยกันเลยดีหรือไม่ ไปดูเลี่ยวจงซูที่โดนพิษว่าใช่กู่โลหิตหรือไม่ เจ้าเป็นถึงอาจารย์คงไม่ได้ดูไม่ออกแม้แต่กู่โลหิตหรอกนะ?”
เฉิงหันหมดคำพูด
“ที่เลี่ยวจงซูสามารถอยู่รอดจนถึงวันนี้ได้ก็ต้องขอบคุณเจ้าเด็กหลิวเยว่คนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสูตรยาของนางกดพิษที่อยู่ในร่างของเลี่ยวจงซูไว้ เลี่ยวจงซูคงไม่รอดแล้ว!”
สำหรับจั่วหรงแล้ว ฉู่หลิวเยว่สามารถนำสูตรยาที่ทำให้คนรู้สึกทึ่งออกมาใช้ได้ก็สามารถยืนยันได้หลายเรื่องแล้ว ฉะนั้นเขาจึงมั่นใจในทุกคำพูดของฉู่หลิวเยว่
“ฮ่าๆ ตลกสิ้นดี!”
เดิมทีเฉิงหันก็รู้สึกกลัวแต่เมื่อได้ยินคำนี้กลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“กู่โลหิตนี้เป็นพิษร้ายแรง แพทย์ทุกคนที่อยู่ที่รู้เคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน ฉะนั้นเรื่องสูตรยาแก้พิษก็คงไม่ต้องอธิบายแล้ว! ฉู่หลิวเยว่เป็นใคร พวกเจ้าถึงกล้าก้มหัวให้นางอยู่บนหัวพวกเจ้า! ข้ายอมรับวานางมีความสามารถกว่าหวู่เจ๋อและปรมาจารย์! แต่ถ้าจะบอกว่านางสามารถควบคุมพิษกู่โลหิตได้ พวกเจ้าไม่คิดว่าเป็นเรื่องโกหกรึ! นาง…”
ซุนจ้งเหยียนหัวเราะ ก่อนจะพูดตัดบทด้วยสีหน้าสงบ
“นางคือลูกศิษย์ของอาจารย์ลุง”