ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 274 กว่าจะมาถึง
ตอนที่ 274 กว่าจะมาถึง [รีไรท์]
ยินดีด้วย!
ซือถูซิงเฉินได้ยินคำนี้แล้ว ก็รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง
ถึงแม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะแข่งแทนตัวเอง และทำให้นางได้ที่หนึ่ง แต่ทุกคนต่างก็รู้กันขัดเจนว่ายาเม็ดซื่อผิ่นระดับกลางเม็ดนี้เป็นผลงานที่ฉู่หลิวเยว่ทำขึ้นมา!
ทุกคนต่างได้ยืนยันกับตาตัวเองว่าฉู่หลิวเยว่นั้นเก่งกาจด้านการต่อสู้ และยังมีความสามารถทำยาระดับกลางให้ผู้คนถึงกับอึ้งได้!
ทันใดนั้นซือถูซิงเฉินก็เพิ่งจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ว่า ถ้ายาเม็ดที่ฉู่หลิวเยว่ทำออกมานั้นมีระดับสูงแค่ไหนก็จะได้ลำดับตำแหน่งสูงเท่านั้น และยังนำพาความอับอายมาให้นางมากขึ้นด้วย
หลังจากเสร็จงานสมาคมเยาวชนแล้ว ทุกคนก็รู้ว่าที่ซือถูซิงเฉินได้ที่หนึ่งก็เป็นเพราะฉู่หลิวเยว่มีความสามารถที่โดดเด่นมาก!
ถึงเวลานั้นประเด็นที่ทุกคนพูดถึงก็จะคกไปอยู่ที่ฉู่หลิวเยว่ แล้วแบบนี้ยังจะมีใครสนใจนางอีก
สุดท้ายแล้วชื่อเสียงและเกียรติยศทุกอย่างก็ต้องตกเป็นของฉู่หลิวเยว่ทั้งหมด!
แล้วนางยังมีประโยชน์อีกอยู่หรือ?
คงจะเป็นได้แค่เพียงตัวเสริมบารมีที่น่าสงสารและน่าเวทนาเท่านั้น
ขณะที่อันดับหนึ่งที่ฉู่หลิวเยว่ยังทำให้นางก็ได้ส่งความอับอายที่ยิ่งใหญ่มานางอีกด้วย
ซือถูซิงเฉินรู้สึกคิดผิด และเสียใจสุดๆ ใบหน้าแดงสลับขาวและอยากจะหายตัวไปจากที่แห่งนี้ทันที!
ผู้อาวุโสเฟิงอี้มองไปรอบๆ
“ข้าขอรายงานว่า คนที่ได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันปรมาจารย์แห่งแพทย์ในครั้งนี้ก็คือซือถึงซิงเฉินจากสำนักไท่เหยี่ยน!”
เมื่อเสียงทุ้มมีน้ำหนักสิ้นลง ในสนามที่กว้างใหญ่กลับเงียบสงัดจนผิดปกติ
โดยเฉพาะสีหน้าของทุกคนในสำนักไท่เหยี่ยนต่างก็ดูไม่ได้
“องค์หญิงซือถู ทำไมท่านดูไม่ดีใจเท่าไรเลยล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่ขยิบตาพลางถาม
“เมื่อครู่ข้าได้ยินเหมือนเจ้าบอกว่าอยากจะลบคำสัญญาที่ให้ไว้กับข้า ทำไมรึ หรือเป็นเพราะข้ายังชดใช้ไม่มากพอ?”
ตัวของซือถูซิงเฉินเริ่มตัวสั่น!
รู้แต่จงใจถาม!
เห็นได้ชัดว่าฉู่หลิวเยว่จงใจ!
นางกัดฟันฝืนยิ้มออกมา แต่แววตากลับไม่มีรอยยิ้มแม้แต่นิดเดียว
“เปล่า เปล่าสักหน่อย…”
ฉู่หลิวเยว่ช่วยให้นางได้อันดับหนึ่งไปแล้ว นางจะพูดแบบนั้นได้อย่างใด?
แต่…ตอนนี้นางยอมที่จะไม่ได้ที่หนึ่งมายังจะดีเสียกว่า
ผู้อาวุโสเฟิงอี้ยกมือขึ้นพลางหัวเราะให้กับเฉิงหัน
“อาจารย์เฉิงหัน ยินดีด้วย!”
เฉิงหันแทบอยากจะกระอักเลือดออกมา
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการได้ที่หนึ่งด้วยวิธีแบบนี้อยู่ด้วย!
แค่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำว่า “ยินดี” สองคำนี้แล้ว เขากลับรู้สึกว่าไม่ได้ตำแหน่งเลยยังจะดีกว่า!
ที่หนึ่งในครั้งนี้ พูดไปพูดมายังเป็นของฉู่หลิวเยว่อยู่ดี!
หลายปีที่ผ่านมานี้เขายังไม่เคยเจอเรื่องที่ทั้งอึดอัด และพูดไม่ออกแบบนี้มาก่อน
ซุนจ้งเหยียนมองไปยังจี้จื่อฉิงก่อนจะตบไหล่เบาๆ เพื่อปลอบใจเขา
“จื่อฉิงเอ๋ย ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก ถึงแม่ว่าไม่สามารถช่วยให้สำนักของเราได้ที่หนึ่ง แต่ก็ต้องเคารพตามกฎรู้แพ้รู้ชนะใช่หรือไม่?”
จี้จื่อฉิงตอบกลับ
“ขอบใจท่านอาจารย์ที่สั่งสอนข้า ข้าจะจำให้ขึ้นใจ”
เฉิงหันกำหมัดแน่น
ซุนจ้งเหยียนกำลังตีวัวกระทบคราดชัดๆ
แต่ละคำเต็มไปด้วยการประชด
แต่เขาก็โต้ตอบกลับไปไม่ได้
จั่วหรงและเสวียนชังสบตากันพร้อมกับแววตาที่ซับซ้อน
สักพักจั่วหรงก็อดที่จะกุมขยับ ปวดหัว
“ข้าว่าแล้ว…ว่านางคนนี้ต้องมีความสามารถซ่อนอยู่แน่นอน!”
ครั้งก่อนนางแค่แกล้งทำเห็นซื่อบื้อเท่านั้น ทำเอาพวกเขาคิดว่านางไม่ชำนาญเรื่องยากันไปหมด
เสวียนชังรู้สึกประหม่าสุดๆ
ตอนนั้นเขาไม่เห็นฉู่หลิวเยว่อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงเลยว่า…เงียบไปสักพักเขาถึงจะพูดออกมา
“ไม่แปลกที่ท่านอาจารย์นับนางเป็นลูกศิษย์”
ความสามารถแบบนี้นั้น ต่อให้ตามหาทั้งแคว้นเย่าเฉินก็เกรงว่าจะหาคนที่เป็นเหมือนนางไม่ได้อีกแล้วกระมัง?
จั่วหรงเหมือนจะคิดอันใดบางอย่างออกและปรบมือทันที
“เหอะๆ คิดมากไปทำไมกัน! นางคนนั้นตั้งใจซ่อนความสามารถเอาไว้ ไม่ใช่แค่เราที่มองไม่ออกเพราะคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครมองออกเช่นกันไม่ใช่รึ? เหอะ ได้ข่าวว่านางหลิวเยว่คนนี้ก่อเรื่องกับตระกูฉู่ไว้ไม่น้อย ดูแล้วนั่นยังไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด แต่ถ้าจบงานสมาคมเยาวชนแล้วข่าวถูกแพร่ออกไปละก็…เหอะๆ”
ก่อนหน้านี้ที่ฉู่หลิวเยว่สอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้นั้น คนตระกูลฉู่ยังรู้สึกคิดผิดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเสียใจ เพราะถึงอย่างใดตระกูลฉู่ก็ยังมีฉู่เซียนหมิ่นอีกคน ซึ่งเป็นผู้นำนักเรียนภายในสำนัก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะฉู่หลิวเยว่คว้าที่หนึ่งทั้งจากการแข่งขันวิชาต่อสู้ และการแข่งขันขั้นปรมาจารย์ไปแล้ว!
ถ้าพูดตามความเป็นจริงแล้ว อันดับหนึ่งด้านแพทย์ก็เป็นของนางเช่นกัน!
ความอัจฉริยะแบบนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ของแคว้นเย่าเฉินที่ไม่เคยมีมาก่อน
แม้จะใช้นิ้วเท้าคิดก็ยังรู้ว่าพรสวรรค์ของฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้กำลังสื่อถึงอันใด!
ถ้าไม่มีเหตุอันใดเกิดขึ้น ต่อไปนางจะต้องเป็นคนอันดับต้นๆ ที่มีอนาคตสดใสแน่นอน และสำหรับตระกูลฉู่แล้วนี่ต่างหากที่เป็นแรงมฤตยูที่แท้จริงของตระกูลฉู่!
…
ในที่สุดการแข่งขันงานสมาคมเยาวชนทั้งสามสนามก็เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ต่อไปก็เป็นเวลาประกาศรับรางวัลตามอันดับ
ซือถูซิงเฉินจำไม่ได้ว่าตัวเองรับอันดับ “ที่หนึ่ง” นี้มาได้อย่างใด ตัวของนางชาไปทั้งตัวและสมองก็ปั่นป่วนไปหมด
ถ้าเทียบกันแล้ว ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลยสักนิด
อาจารย์ผู้ตัดสินนำถุงเฉียนคุนขึ้นมาสองถุง
ซุนจ้งเหยียนยิ้มพลางเอ่ยปาก
“หลิวเยว่ ถุงเอกภพสองใบนี้เป็นรางวัลที่เจ้าได้ที่หนึ่งจากการแข่งขันต่อสู้ และแข่งขันขั้นปรมาจารย์ ของทุกอย่างอยู่ในนั้น เจ้าสามารถตรวจสอบเองได้”
ทันใดนั้นก็มีเสียงโหวกเหวกด้วยความอิจฉาจากผู้คนมากมาย
เพราะแค่ถุงเฉียนคุนสองใบนี้ก็มีราคาแพงมากพอแล้ว ส่วนของล้ำค่าข้างในต่างๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง!
ฉู่หลิวเยว่ตรวจสอบอย่างละเอียด และเห็นว่าในนั้นมีค่ายกลที่ล้ำค่าอยู่ มีวิชาการต่อสู้ที่ระดับที่ใช้ได้ นอกจากนี้ยังมีหยวนตันระดับกลางของสัตว์อสูรด้วย
นางยกมุมปากขึ้นยิ้ม
“ขอบใจผู้อาวุโสซุนมาก”
ผู้อาวุโสเห็นท่าทางที่ไม่ทะนงตนและเย่อหยิ่งแล้วก็พยักหน้าด้วยความภูมิใจ
ถุงเฉียนคุนใบนั้นมีของอยู่ในนั้นไม่น้อย
การที่ฉู่หลิวเยว่ใจเย็น และมีจิตใจที่สงบแบบนี้ ทำให้เป็นหน้าเป็นตาแก่สำนักของพวกเขาเป็นอย่างมาก
แต่แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของก็ยังคงเป็นวิชาและความสามารถของนาง
“นอกจากของพวกนี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เจ้าสามารถเลือกอยู่หนึ่งในสำนักทั้งสามได้ และสามารถยืมตำราหนึ่งเดือน วันก่อนที่ข้าถามเจ้า เจ้าบอกว่าจะคิดดูให้ดี แล้วตอนนี้ได้คำตอบแล้วหรือยัง?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ผู้อาวุโสซุน ข้าคิดดีแล้วว่าข้าอยากอยู่สำนักไท่เหยี่ยน!”
เมื่อเอ่ยคำพูดนั้นออกมา ทุกคนก็มากันอึ้งตามๆ กัน
ถึงแม้ว่าสำนักไท่เหยี่ยนจะเป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ฉู่หลิวเยว่กำลังถูกสำนักของพวกเขาหมายหัวอยู่
ถ้านางไปอยู่จริงๆ จะไม่เป็นการนำพาความทุกข์มาใส่ตัวรึ?
เพราะแม้แต่เฉิงหันก็ยังเอ่ยปากถาม
“เจ้าแน่ใจรึ?”
“ข้าแน่ใจ” สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ยังเหมือนเดิม
นางต้องการจะตรวจเรื่องของเหิงจิ่งชั่ว และหยางเจี้ยนชิงด้วยตัวเองให้ได้
และนี่ก็คือโอกาสที่ดีที่สุด
“ทำไมรึ? ท่านอาจารย์เฉิงหันไม่ต้อนรับข้ารึ?”
เฉิงหันหัวเราะเยาะพลางเอ่ยปาก
“ได้อย่างใดเล่า? สำนักไท่เหยี่ยนยินดีต้อนรับเจ้าอยู่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงขมขู่ที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้น จึงแสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้มออกไป
“ขอบใจท่านอาจารย์”
ในที่สุดจักรพรรดิจยาเหวินก็เอ่ยปาก
“หลิวเยว่เอ๋ย เจ้า…”
ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ขันทีก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบพลางพูดอย่างร้อนรน
“ฝ่าบาท!”
จักรพรรดิจยาเหวินตอบกลับด้วยท่าทางไม่พอใจ
“มีเรื่องอันใดถึงได้รีบร้อนถึงเพียงนั้น!”
ขันทีรีบคุกเข่าลงและยื่นจดหมายฉบับหนึ่งด้วยมือทั้งสองข้าง
“ได้โปรดฝ่าบาทจงให้อภัย! บ่าวมีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานว่าท่านฑูตของราชวงศ์เทียนลิ่งอยู่ห่างจากนอกพระราชวังหลวงเพียงยี่สิบกิโลเมตรเท่านั้น อีกประเดี๋ยวคงจะมาถึง!”
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับใจสั่น! ทันใดนั้นก็รีบเงยหน้ามองทันที!