ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 276 มู่ชิงเห่อ
ตอนที่ 276 มู่ชิงเห่อ [รีไรท์]
รองแม่ทัพกองทหารม้าดำแห่งราชวงศ์เทียนลิ่ง มู่ชิงเห่อ!
ใบหน้าของเขาสง่างามแต่กำเนิด แต่ด้วยรอยแผลเป็นที่อยู่บนคิ้วซ้ายผ่านลงมาที่ตา และลามไปที่โหนกแก้มนั้น ทำให้เขาดูดุขึ้นไม่น้อย บวกกับรังสีของความเยือกเย็นที่ป้องกันไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกเข้าถึงเขาได้ยากขึ้นอีก
นั่นคือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ร่ำเรียนมาจากการผ่านความเป็นความตายในสนามรบ!
ถึงแม้ว่าจะผ่านไปนานปีกว่าแล้ว แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังจำมู่ชิงเห่อได้ตั้งแต่แวบแรก
หนึ่งในคู่หูที่นางไว้ใจที่สุด!
เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือเขา ก็มีความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นในใจของฉู่หลิวเยว่
อึ้ง!
งง!
สงสัย!
ทุกคนในราชวงศ์เทียนลิ่งต่างก็รู้ว่ารองแม่ทัพทหารม้าดำที่หนุ่มที่สุดอย่างมู่ชิงเห่อนั้น เป็นมือขวาของพระธิดาขององค์จักรพรรดิ
เขามาจากพื้นเพที่ต่ำต้อย และใช้ชีวิตเร่ร่อนด้วยตัวเอง ตั้งแต่เขาอายุสิบสามปี อยู่เบื้องซ้ายเบื้องขวาของซั่งกวนเยว่
ต่อมา เขาก็ชุบชีวิตตัวเองด้วยการเข้าร่วมทัพทหารม้าดำ และยังเข้าไปช่วยเหลือเหล่าทหารในที่รกร้างอันตรายอย่างสุดความสามารถ จนขึ้นสู่ตำแหน่งรองแม่ทัพอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขายืนหยัดในทัพทหารม้าได้ ก็ตรงกับช่วงเวลาที่ซั่งกวนเยว่กำลังยึดครองอำนาจพอดี
ในเวลานั้นเขาอยู่ในการควบคุมของกองทัพ ก่อนจะกลายเป็นผู้ติดตามอันดับหนึ่งของซั่งกวนเยว่
แต่ต่อมา…
ซั่งกวนเยว่ถูกขังอยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษของราชวงศ์ และจดหมายร้องขอความช่วยเหลือต่างๆ ก็ถูกโยนลงทะเลไปทั้งหมด
ในนั้นมีจดหมายที่จะให้มู่ชิงเห่อด้วย
ฉู่หลิวเยว่เห็นหน้าตาที่คุ้นเคยแล้วก็รู้สึกมีหลายความรู้สึกปั่นป่วนในใจ
ตั้งแต่นางกลับมาเกิด นางนึกย้อนถึงเหตุการณ์นั้นนับครั้งไม่ถ้วน และไม่ว่าอย่างใดก็รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ
บนตัวของมู่ชิงเห่อพยายามสื่อสารนางอยู่ตลอด ตามความเป็นจริงแล้วไม่มีทางที่จะไม่ได้รับจดหมายแน่นอน
แม้ไม่รู้จริงๆ แต่เขาก็ถูกขังอยู่ในห้องบรรพบุรษสามวันสามคืน!
จากการเป็นคนรอบคอบของมู่ชิงเห่อนั้น เขาต้องรับรู้ถึงความผิดปกติได้แน่นอน
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ นางก็ไม่เห็นว่ามู่ชิงเห่อจะปรากฏตัว
มีเรื่องแปลกๆ มากมายที่ใช่ว่านางไม่เคยสงสัย
แต่ว่า มู่ชิงเห่อก็เป็นหนึ่งในคนที่นางไว้ใจที่สุด
เขาติดตามนางมาหลายปี และภักดีมาโดยตลอด ไม่ว่าอย่างใดฉู่หลิวเยว่ก็ยังไม่ยอม และยังกังวลว่าหลังจากที่นางตายแล้วเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านจะลงมือกับมู่ชิงเห่อ
แต่ตอนนี้ มู่ชิงเห่อกลับมาปรากฏตัวที่นี่ในนามตัวแทนของราชวงศ์เทียนลิ่ง
และหมายความว่าระยะเวลาหนึ่งปีกว่าหลังจากที่นางตาย มู่ชิงเห่อไม่ได้ถูกลูกหลงด้วย
ด้วยนิสัยที่ชอบกำจัดทันทีของพวกเจียงอวี่เฉินแล้ว จะปล่อยคนที่สนิทสนมกับนางไปได้อย่างใด
นอกซะจากว่า
…
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของมู่ชิงเห่อทำให้ผู้คนในที่นี้อึ้งกันไปหมด
เดิมทีแค่อารมณ์ที่ดุร้ายของเขาก็ทำให้คนอื่นดูหมิ่นมากพอแล้ว
จักรพรรดิจยาเหวินเป็นคนแรกที่ตอบสนองขึ้นก่อน
“รองแม่ทัพมู่!”
คนที่มาก็คือมู่ชิงเห่อนี่เอง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาไปยังราชวงศ์เทียนลิ่งก็เคยเจอกับมู่ชิงเห่อมาก่อนแล้ว
ตอนนั้นเขายังอยู่กับองค์พระธิดาอยู่เลย
ตอนนี้องค์พระธิดาไม่อยู่แล้ว ได้ยินคนพูดต่อๆ กันว่าได้เปลี่ยนตำแหน่งผู้ถืออำนาจแล้ว เดิมทีเขานกว่ามู่ชิงเห่อจะถูกโค่นลงทันที แต่ดูจากตอนนนี้แล้ว เหมือนว่าจะได้รับผลกระทบใดๆ
มีแสงวาบผ่านเท้าของมู่ชิงเห่อไป แล้วดาบยาวก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เขาเดินอยู่บนอากาศ และค่อยๆ เดินลงมาอย่างมั่นคงราวกับอยู่บนพื้นปกติ
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
มู่ชิงเห่อเป็นจอมยุทธระดับแปดอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่ออยู่นอกอาณาจักรเทียนมู่แล้วเขาจึงถูกกดให้อยู่ในระดับหก
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี่อยู่ดี
การถูกบีบบังคับจากมหาอำนาจขั้นสูงสุดทำให้ทุกคนในที่นี้เกรงกลัวจนทำอันใดไม่ถูก
สนามที่เดิมทีก็กว้างใหญ่มาก ตอนนี้กลับทำให้รู้สึกอึดอัดสุดๆ
ทุกคนพากันเงียบพร้อมความตื่นตระหนกและความเกรงกลัว
ผู้คนส่วนใหญ่พากันก้มหน้าลงไม่กล้าสสบตากับมู่ชิงเห่อ
มู่ชิงเห่อเดินไปอยู่ตรงหน้าของจักรพรรดิจยาเหวิน
รังสีความแข็งแกร่งบนตัวของเขานั้นมีมากจนทำให้จักรพรรดิจยาเหวินอ่อนแอไปมากอย่างเห็นได้ชัด
“หรงเสี่ยว สบายดีนะ”
มู่ชิงเห่อเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนหิมะ และตกลงมาในฤดูหนาว ทำให้เย็นไปถึงกระดูก
จู่ๆ จักรพรรดิจยาเหวินรู้สึกขนลุกจนหดตัว และหวาดหวั่นเขามากขึ้น
“รองแม่ทัพมู่เดินทางมาตั้งไกล ข้ากลับต้อนรับได้ไม่ดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านรองแม่ทัพจะให้อภัยแก่ข้า”
ทั้งสองสนทนาทักทายกันแล้วก็ทำให้ทุกคนรู้สึกกังวลใจแปลกๆ
เพราะชายที่ได้ชื่อว่ารองแม่ทัพมู่คนนี้กล้าเรียกแม้กระทั่งชื่อเล่นขององค์ฝ่าบาท!
ส่วนจักรพรรดิจยาเหวินก็ไม่ได้มีท่าทีของความโกรธ แถมยังมีท่าทีที่เคารพต่อเขามากขึ้นอีกด้วย
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว ก็คิดว่าสถานะของชายผู้นั้นจะต้องสูงส่งกว่าที่คิดไว้แน่นอน
“ไม่เป็นไร ตัวข้าเองก็มากะทันหันไป”
มู่ชิงเห่อพูดอย่างใจเย็น
ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าที่แสดงออกบนใบหน้าของเขาก็เห็นว่าเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด
จักรพรรดิจยาเหวินเอ่ยปากลองถามด้วยรู้สึกตื่นเต้นในใจ
“ท่านรองแม่ทัพมู่ไปจะเปลี่ยนที่เพื่อไปประทับพักผ่อนก่อนดีหรือไม่? อ่อ ใช่แล้ว ท่านวางใจได้ ทางนี้ได้จัดเตรียมที่พักไว้ให้ท่านแล้ว สามารถเข้าพักได้เลย วันนี้เริ่มมืดแล้ว ไว้เราจะต้อนรับท่านอย่างเป็นทางการอีกทีในวันพรุ่งนี้ดีหรือไม่?”
มู่ชิงเห่อครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะพยักหน้า
“ก็ได้”
จักรพรรดิจยาเหวินโล่งใจไปที
คนที่เดิมทีเป็นผู้ติดตามผู้เลื่องลือขององค์พระธิดา ว่ากันว่าเป็นคนที่เข้าหาได้ยาก เมื่อเขาเห็นว่าท่านทูตที่พูดถึงคือเขา ในใจก็เกิดความกังวลไปสักพัก
แต่ตอนนี้พอดูแล้วก็เหมือนว่าจะไม่ได้พูดเกินจริงอันใด
“ถ้าอย่างงั้นให้ข้าพาไปเดี๋ยวนี้เลยดีหรือไม่ เชิญรองแม่ทัพมู่”
จักรพรรดิจยาเหวินอยู่ตรงหน้าของมู่ชิงเห่อ โดยไม่กล้าแม้แต่จะใช้คำว่า ‘ข้า’
แววตาที่เฉยชาของชิงมู่เห่อกวาดผ่านจักรพรรดิจยาเหวิน และคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังไป
จักรพรรดิจยาเหวินก็ไม่รู้ว่าเขามองอันใดอยู่ และไม่กล้าที่จะเร่งเช่นกัน จึงทำได้เพียงรอดูอยู่อีกฝั่ง
จู่ๆ มู่ชิงเห่อก็เอ่ยปากขึ้น
“งานสมาคมเยาวชน? ดูแล้วไม่ได้มีแค่ในแคว้นเย่าเฉินเท่านั้น หนุ่มอัจฉริยะของแคว้นซิงหลัว และแคว้นหวยชังต่างก็อยู่ที่นี่ด้วยรึ?”
เฉิงหันที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งได้ยินก็รู้สึกดีใจ ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าทันที
“ท่านรองแม่ทัพมู่ ข้าพเจ้าชื่อเฉิงหันเป็นหัวหน้าสำนักไท่เหยี่ยน เป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ได้พบท่านสักครั้งในชีวิต!”
หลายปีมานี้ ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของราชวงศ์เทียนลิ่งอยู่ตลอด
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับราชวงศ์เทียนลิ่ง อีกอย่างเมื่อฟังแล้วก็ทำให้รู้สึกว่ามีตำแหน่งไม่น้อยเช่นกัน
ถ้าสามารถใช้โอกาสในครั้งนี้สร้างสัมพันธมิตรที่ดีได้… ต่อไปก็จะได้ไต่เต้าได้เร็วขึ้นตามที่รอคอย
มู่ชิงเห่อมองเฉิงหันด้วยสายตาเย็นชา
ทันใดนั้น เฉิงหันก็รู้สึกเหมือนมีภูเขามาทับลงบนตัว เนื้อตัวเจ็บไปหมด เลือดในร่างกายไหลเวียนพลุ่งพล่าน ทำเอาหูดับทันที!
เขาตกใจและอยากจะเอ่ยปาก แต่กลับสังเกตเห็นว่าตัวเองอ้าปากไม่ออก
คนส่วนใหญ่ไม่ได้สังเกต แต่ฝูอวิ๋นซานและซุนจ้งเหยียนที่อยู่ใกล้ๆ กลับนิ่งอึ้งไป
ไม่ว่าอย่างใดเฉิงหันก็เป็นถึงแพทย์ระดับห้า และวิชาต่อสู้ระดับสี่ ต่อให้วิชาต่อสู้จะไม่ถึงขั้นสูงสุดแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อสู้กับเขา
แต่ทันทีที่ชายคนนี้ลงมือไม่สิ ขนาดเขายังไม่ลงมือ และเพียงแค่ใช้สายตามองก็สามารถทำให้เฉิงหันกลัวถึงเพียงนี้แล้ว!
ความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครสู้ได้!
ที่สำคัญกว่าก็คือ ชายคนนี้ยังอายุน้อยมากที่สุดก็แค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น แต่กลับมีตำแหน่งที่สูงถึงระดับนี้ได้
ผ่านไปสักพัก มู่ชิงเห่อก็เบนสายตากลับมา เฉิงหันถึงจะรู้สึกว่าสิ่งที่กดทับอยู่บนตัวนั้นหายไปแล้ว
ในปากของเขามก็มีกลิ่นคาวเลือดอบอวลอยู่
เขาเดินถอยหลังด้วยความลุกลี้ลุกลน และไม่เอ่ยปากพูดอันใดอีก
มู่ชิงเห่อหันตัวกำลังจะเดินไป จู่ๆ ก็กลับรู้สึว่ามีสายตาคู่หนึ่งตกอยู่บนตัวของตัวเอง
เขาขับเคลื่อนสายตาก่อนจะหันหน้ากลับไปมอง