ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 287 ไม่ตายใจ (1)
ตอนที่ 287 ไม่ตายใจ (1) [รีไรท์]
เสียงตบที่ดังฟังชัดดังขึ้นภายในห้อง ขัดจังหวะการโต้เถียงที่รุนแรงของหรงเจิน ทุกอย่างเงียบสงบ หรงเจินเชิดหน้าขึ้นพลางกุมใบหน้าของตัวเองไม่ขยับตัว
จักรพรรดินีก็ตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าเวลาที่ตัวเองโมโห จะตบหน้าของหรงเจินเข้าให้
ถึงแม้ว่านางอยากจะสั่งสอนหรงเจิน แต่ถึงอย่างใดก็เป็นลูกของนาง และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่นางทำเช่นนี้
“เจินเจิน…”
จักรพรรดินีเอ่ยปากด้วยความลังเล พลางยื่นมือด้วยความเสียดาย
หรงเจินขยับถอยหลังเมื่อหลบมือของนาง
จักรพรรดินีถึงกับชะงัก
หรงเจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
ตบนี้ของจักรพรรดินีนั้นแรงมาก จนปิ่นปักผมของนางหลุดลงมา
ผมของนางตกลงมาอย่างยุ่งเหยิง แต่ก็ยังปกปิดแก้มที่บวมแดงอย่างรวดเร็วไม่ได้อยู่ดี
เดิมทีเป็นเพราะโมโหจึงทำให้ปากซีดขาว ในขณะเดียวกันก็มีเลือดซิบออกมา ทำให้ทางดูน่าอนาถเป็นอย่างมาก
“เหตุใด ข้าพูดถูกรึ?”
หรงเจินแสยะยิ้มก่อนจะหัวเราะเยาะ ดวงตาแดงก่ำและแววตา
จักรพรรดินีเงียบไป
“พี่ชายเจ้าเป็นองค์รัชทายาท และเป็นที่พึ่งของท่านแม่ ฉะนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านแม่จะนึกถึงพี่ชายเป็นอันดับแรกทุกครั้ง ส่วนข้าท่านแม่ไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตาอยู่แล้วไม่ใช่รึ?”
ตั้งแต่เล็กจนโต ท่านแม่เอาแต่สั่งสอนนาง ให้นางคิดเผื่อพี่ชายอยู่ตลอด
ถึงแม้ว่านางจะหวงบ้าง แต่เพราะหลายปีที่ผ่านมาก็ได้รับความรักใคร่โปรดปราน นางจึงไม่ได้นำมาเปรียบเทียบ เพราะนางทำแบบนี้มาโดยตลอด
ไม่อย่างงั้นครั้งแรกที่ได้ยินว่าหรงเจินว่าฉู่หลิวเยว่นำพื้นที่ล่าสัตว์ของหรงเจินไปขายนั้น นางคงไม่จงใจทำให้นางอับอายในราชวัง และคงไม่โมโหแทนพี่ชายแน่นอน
แต่จนถึงตอนนี้ นางเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองกลับไม่เคยมีความสำคัญในสายตาของท่านแม่เลยสักนิด!
เพื่อพี่ชายแล้ว ท่านแม่คงจะสามารถปกป้องพี่ชายได้ตลอดเวลา!
เห็นท่าทางที่สติแตกของหรงเจินแล้ว ในใจของราชินีก็รู้สึกเสียใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วหน้าของนางก็เย็นชาทันที
“เจินเจิน เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ร่างกายของเจ้ายังไม่หายดี วันนี้พอแค่นี้ก่อนเจ้าไปพักผ่อนเถอะไปคิดทบทวนให้ดี”
พูดจบจักรพรรดินีก็หันหลังเดินออกไปทันที
หรงเจินยิ้มประชดประชันพลางชี้ไปที่หน้าของตัวเองและพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ใช่สิ ข้ามันตัวโชคร้าย กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว สำหรับท่านแม่กับพี่ชายนั้น ข้าคงไม่มีค่าไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว และคงจะสามารถทิ้งขว้างข้าได้แล้วสินะ!”
สีหน้าจักรพรรดินีโมโห
นางถอนหายใจ แล้วกว่าจะควบคุมสติอารมณ์นั้นไม่ง่ายเลย จากนั้นก็เดินออกไป
“องค์หญิงสี่ยังคงป่วยอยู่ ช่วงนี้ต้องรักษาตัวฟื้นฟูอยู่ในห้อง พวกเจ้าต้องระมัดระวังให้ดี ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงสี่ให้พวกเจ้ามาบอกข้าทันที!”
บ่าวที่อยู่หน้าประตูรีบพากันขานรับ
จักรพรรดินีส่งสัญญาณให้กับคนรอบข้าง
ก่อนจะมีคนเดินขึ้นมาปิดประตูอย่างรวดเร็ว
จากนั้นจักรพรรดินีก็เดินจากไป
บ่าวแต่ละคนมองหน้ากันองค์หญิงสี่ถูกกักขัง?
ดูแล้วแม้แต่จักรพรรดินีก็ทนต่อไปไม่ได้แล้ว
องค์หญิงสี่คนนี้มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ชอบใช้วิธีต่างๆ มาทำร้ายคนอื่น
แค่มีบางอย่างไม่ได้ดั่งใจ ก็จะทำให้คนไม่น้อยทุกข์ทรมานทันที
แต่ตอนนี้ถือว่าหยุดไปชั่วคราวแล้ว
ถ้าจักรพรรดินีไม่อยากที่จะสนใจนางอีก ต่อไปองค์หญิงสี่คนนี้คงจะไม่สามารถทำนิสัยหยิ่งผยองได้อีกแล้ว!
ภายในห้องนั้น หรงเจินมองดูห้องที่ปิดทึบ แล้วแววตาก็ยังคงเต็มไปด้วยความโมโหโกรธแค้นจนจะระเบิดออกมา
นางกัดฟันอย่างขมขื่นจนมีเลือดไหลออกมา
“ผู้อาวุโสจู้” นางตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ทันใดนั้นแผ่นหลังที่ว่างเปล่าของนางก็มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้น และเงาดำของคนค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น
“พาข้าไปเจอฉู่หลิวเยว่”
จู้หลินมองนางด้วยความลังเล
“องค์หญิงสี่ เกรงว่าตอนนี้คงจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก”
หรงเจินยิ้มอย่างมีเลศนัย
“มีอันใดไม่เหมาะสมรึ? ข้าเป็นคนไร้ประโยชน์หนึ่งวัน ก็ต้องทุกข์ทรมานหนึ่งวัน ถ้าเจ้าไม่พาข้าไป ข้าก็จะหาวิธีไปเอง”
ตอนนี้นางรู้แล้วว่านางพึ่งพาใครในโลกนี้ไม่ได้แล้ว และตอนนี้นางก็ไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว มีเพียงแค่ไปหาฉู่หลิวเยว่เท่านั้น
จู้หลินเงียบไป
“องค์หญิงสี่ วันนี้ฉู่หลิวเยว่เพิ่งจะถูกท่านรองแม่ทัพมู่รับเลือก และยังเป็นช่วงที่ครึกครื้นอยู่ หากลงมือตอนนี้ ต้องถูกผู้คนไม่น้อยจับตามองแน่นอน ถ้าอย่างงั้น…เปลี่ยนเป็นวันอื่นคงจะดีกว่า”
หรงเจินกัดฟัน
“ข้ารอได้!”
…
เฉิงหันกลับไปยังที่พักด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ก็เห็นว่าซือถูซิงเฉินกำลังรอเขาอยู่
“ซิงเฉิน เหตุใดเจ้าถึงมาอยูที่นี่?”
ซือถูซิงเฉินแววตาน่าสงสาร
“ในใจของข้ารู้สึกเป็นห่วงท่าน คิดไปคิดมาแล้ว จึงมาที่นี่เพื่อรอท่านกลับมา”
เฉิงหันสายหน้าด้วยความขมขื่น
“สุดท้ายก็เป็นเจ้าที่เป็นห่วงอาจารย์”
เมื่อวานนี้ที่เขาถูกมู่ชิงเห่อเอ่ยปากเตือนนั้น ซือถูซิงเฉินก็คือคนที่อยู่ข้างๆ
นางต้องรู้อยู่แล้ว
“เจ้าวางใจเถิด อาจารย์ไม่เป็นอันใด”
ซือถูซิงเฉินรู้สึกโล่งอก
“แบบนั้นก็ดีแล้ว”
เห็นสีหน้าของเฉิงหันดูไม่ดีนัก ในใจของนางรู้สึกเป็นห่วงจึงเอ่ยปากขึ้นเพื่อลองถาม
“อาจารย์ ท่านรองแม่ทัพมาแคว้นเย่าเฉินเพื่ออันใดกันแน่รึ?”
เฉิงหันรู้ว่านางรู้สึกสงสัยในใจ จึงไม่ได้ปิดบัง และอธิบายให้นางฟังคร่าวๆ
ซือถูซิงเฉินฟังจบก็จิตใจล่องลอยอยู่นาน
“…ท่านหมายความว่าเขาเลือกฉู่หลิวเยว่…ไปราชวงศ์เทียนลิ่ง?”
น้ำเสียงของซือถูซิงเฉินมีความผิดหวังอยู่
เฉิงหันขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ
“เขาบอกแบบนั้น แต่ชิงมู่เห่อก็บอกว่าจะไม่ได้ไปทันที เหมือนว่าต่อไปยังมีบททดสอบอยู่ ถ้าฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถผ่านไปได้ ก็คงไม่สามารถไปได้ ถึงเวลานั้นฉู่หลิวเยว่ก็อาจจะไม่ได้ไป”
ซือถูซิงเฉินเก็บความอิจฉาในใจเอาไว้ แต่ก็อดถามไม่ได้
“ในเมื่อจะเลือกชีพจรตี้จิง แต่เหตุใดท่านรองแม่ทัพมู่ถึงไม่ไปที่อื่น แต่กลับมาแค่แคว้นเย่าเฉินเล่า?”
ไม่ว่าจะเป็นแคว้นหวยชังหรือว่าแคว้นซิงหลัวของพวกเขา ยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลยสักนิด!
แบบนี้จะทำให้ในใจของนางสงบได้อย่างใด?
“เรื่องนี้ ทุกคนก็คงจะแปลกใจเช่นกัน”
เฉิงหันส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่ทำอันใดไม่ได้เลย
เหตุใดเขาจะไม่อยากได้รับโอกาสแบบนี้?
แต่น่าเสียดายที่…
ซือถูซิงเฉินไม่พูดไม่จาอยู่นาน
ถ้าฉู่หลิวเยว่สามารถไปได้จริงๆ ล่ะ?
นี่เป็นโอกาสที่ล้ำค่ามาก ฉู่หลิวเยว่ต้องคว้ามันไว้แน่นแน่นอน
ถึงแม้ว่าในใจของนางจะเกลียดชังฉู่หลิวเยว่มาก แต่จะไม่ยอมรับไม่ได้ว่าทักษะการต่อสู้ของฉู่หลิวเยว่นั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ
หรือบางทีทักษะการต่อสู้นี้จะสามารถทำให้ฉู่หลิวเยว่พัฒนาขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย!
ถ้านางไปราชวงวศ์เทียนลิ่งแล้ว…ระยะห่างระหว่างพวกนางก็ห่างไกลกันอย่างรวดเร็วแล้ว!
“ทำไมรองแม่ทัพมู่ถึงต้องการเพียงอัจฉริยะชีพจรตี้จิงเท่านั้น?”
ซือถูซิงเฉินบ่นพึมพำ…ถ้าจะเลือกอัจฉริยะแพทย์ นางต้องถูกเลือกแน่นอน!
เฉิงหันส่ายหน้า
“ในแคว้นของเรานั้นหาอัจฉริยะชีพจรตี้จิงได้ยากมาก แต่ในราชวงศ์เทียนลิ่งนั้น คงจะไม่ถือว่าน้อย ที่เขามาในครั้งนี้นั้นรู้สึกแปลกจริงๆ ช่างเถิด เรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะควบคุมได้ เจ้ารีบเก็บของให้เรียบร้อย เดี๋ยวอีกไม่กี่วันเราก็ต้องกลับไปแล้ว”
ซือถูซิงเฉินนิ่งไปสักพัก ถึงจะนึกขึ้นได้ว่างานสมาคมเยาวชนจบไปแล้ว พวกเขาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ที่นี่ต่อ
แต่…
ทางฝั่งหรงซิว….
นางยังไม่ได้ตายใจ