ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 296 แตกสลาย!
ตอนที่ 296 แตกสลาย! [รีไรท์]
อ๊าก!
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง!
เมฆดำบนฟ้ารวมตัวกัน เสียงฟ้าร้องดังลั่น!
เมื่ออัจฉริยะแปลกประหลาดหรืออสูรร้ายระดับสูงปรากฏตัวขึ้น ต่างสามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ความแปลกประหลาดขึ้น!
“ข้างล่างหอคอยจิ่วโยว มีอสูรร้ายตัวหนึ่งถูกขังอยู่?”
ฝูอวิ๋นซานเอ่ยปากด้วยท่าทาตกใจ
เฉิงหันสีหน้าหมองลง
“ตามตำนานบอกว่าข้างล่างหอคอยจิ่วโยวเป็นถ้ำเทียนหยวนฝู ถ้าที่แบบนี้มีอสูรร้ายซ่อนอยู่ ถ้าอย่างงั้น…อสูรตัวนั้นคงกลายเป็นอสูรที่ดุดันไปแล้ว!”
แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยสักนิด
“อสูรดุร้ายดูแล้วไม่ธรรมดา นอกจากจะก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ยิ่งเหมือนว่าจะกำจัดทั้งหอคอยจิ่วโยวไปแล้ว! เกรงว่าค่ายกลของพวกซุนจ้งเหยียนจะสามารถใช้ได้ไม่นานนัก…”
เฉิงหันบ่นพึมพำและมีอารมณ์หลากหลายเกิดขึ้น
อวิ๋นซานรีบเอ่ยปาก
“ถ้าอย่างงั้นเราต้องรีบเข้าไปช่วยแล้ว! ถ้าปล่อยให้อสูรดุร้ายนั้นออกมา เกรงว่า…”
“กลัวอันใด?”
จู่ๆ เฉิงหันก็พูดแทรกคำพูดของเขาขึ้นมา ก่อนจะยักคิ้วพลางทำสีหน้าประหม่า
“หอคอยจิ่วโยวนี้ ต่อให้เกิดอันใดขึ้นจริงๆ นั่นก็เป็นเรื่องของเหล่าสำนักเทียนของพวกเขาเอง เกี่ยวอันใดกับคนนอกอย่างเรารึ? ค่ายกลนั้นถือเป็นตราประทับของหอคอยจิ่วโยว และนั่นก็หมายความว่าพวกเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้างล่างนั้นมีอสูรร้ายอยู่อีกอย่างก็ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว เราออกตัวตอนนี้ไปแล้วได้อันใดล่ะ ไม่แน่อาจจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนก็ได้”
ฝูอวิ๋นซานมองไปยังเขา
“ความหมายของเจ้าก็คือ…”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอันใดทั้งนั้น สหายอวิ๋นซาน ถ้าเจ้าอยากจะช่วยก็ไปเถอะ แต่ข้าไม่อยากจะเข้าร่วมการคว้าน้ำเหลวครั้งนี้”
พูดแล้วเฉิงหันก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“สหายอวิ๋นซาน เชิญท่านเถิด!”
ฝูอวิ๋นซานชะงักไปด้วยความประหม่า
ที่จริงแล้วเขาก็แค่พูดไปแบบนั้น แต่เห็นท่าทางของเฉิงหันแล้ว ในใจของเขาก็มีความลังเลขึ้นเล็กน้อย
ไม่มีใครรู้ว่าข้างล่างนั้นคืออันใด อีกอย่างถ้าไปตอนนี้ต้องอันตรายมากแน่นอน
เขาไม่ได้คิดจะถวายชีวิตให้กับสำนักเทียนลู่แต่อย่างใด และสิ่งที่เฉิงหันพูดก็ไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีเหตุผล
ถึงอย่างใดแล้ว ก็เป็นเรื่องของสำนักเทียนลู่ และไม่เกี่ยวอันใดกับพวกเขา
รอดูลาดเลาก่อนคงจะดีกว่า
“ถ้าอย่างงั้น…ก็รอดูก่อนก็แล้วกัน ค่ายกลนั้นเป็นสิ่งที่ได้จัดวางไว้แล้ว ถ้ารีบร้อนเข้าไปตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น”
ฝูอวิ๋นซานกระแอมและคิดจะแอบดู
เฉิงหันยิ้มหยันในใจ
เมื่อครู่นี้เขาได้ยินว่ามีคนกำลังพูดถึงสำนักเทียนลู่อยู่ บอกว่าฉู่หลิวเยว่ถูกขังอยู่ในหอคอยจิ่วโยว
นี่เป็นโอกาสจากสวรรค์ชัดๆ!
ถ้าสามารถฉวยโอกาสนี้จัดการฉู่หลิวเยว่ได้ ถ้าอย่างงั้นก็คงจะสามารถประหยัดแรงของพวกเขาได้มากเลยทีเดียว!
เขามองไปยังเปลวไฟสีดำที่ยังคงลุกลามอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเหลือมไปเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่น้อยจนแทบมองไม่เห็น
อัจฉริยะดีๆ คนหนึ่งกำลังจะแหลกสลายลงแล้ว ช่างน่าเสียดายจริงๆ…
…
ซุนจ้งเหยียนรู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่าถึงค่ายกลผนึกสวรรค์จะเปิดใช้ได้สำเร็จ แต่พลังของเขานั้นมีไม่มากพอ และไม่เพียงพอที่จะกดพลังของหอคอยจิ่วโยว
เปลวไฟนั้นไม่ได้มีท่าทีที่จะมอดลง กลับกันยังลุกลามมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
พลังทั้งสองพุ่งเข้าด้วยกัน แล้วค่ายกลผนึกสวรรค์ก็ค่อยๆ ตกลงไปในหลุมอากาศแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ค่ายกลผนึกสวรรค์ตกแหลกสลายเร็วๆ นี้แน่นอน
ถึงเวลานั้น เกรงว่าจะไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไปแล้ว และทันใดนั้นซุนจ้งเหยียนก็รู้สึกว่ามีความผันผวนเกิดขึ้นบนค่ายกล หรงซิวขึ้นไปถึงชั้นที่สามแล้ว!
เขาอ้าปาก แต่กลับตกตะลึงจนพูดอันใดไม่ออก
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะเป็นอย่างใดกันแน่ เช่นนี้จะมีใครได้รับบาดหรือไม่ แต่สิ่งที่สามารถมั่นใจได้ก็คือเขาสามารถผ่านรั้วชั้นที่สองและชั้นที่สามไปได้แล้ว
เขาทำได้อย่างใด!
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นที่อยู่อีกฝั่งเห็นสีหน้าไม่ดีของซุนจ้งเหยียนแล้ว ก็เหมือนว่าจะเดาอันใดสักอย่างออกในใจ
“หรงซิวจะขึ้นไปข้างบนอีกรึ?”
ซุนจ้งเหยียนพยักหน้าด้วยความลำบากใจ
ข้างหน้านั้นมีฉู่หลิวเยว่อยู่ จึงทำให้การกระทำเหล่านี้ของหรงซิวดูไม่ได้ทำให้คนรู้สึกตะลึงนัก
แต่…
“หรงซิวเข้าไปได้อย่างใด?” นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นคิดไม่ตก
เขาคงไม่ได้ไม่รู้ว่าข้างในนั้นอันตรายแค่ไหนนี่!
จู่ๆ ในใจของเขาก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
“หรือว่าคงไม่ได้เพราะฉู่หลิวเยว่หรอกนะ?”
ซุนจ้งเหยียนได้ยินคำนี้แล้ว ในที่สุดก็อดที่จะไม่พูดออกมาไม่ได้
“ถ้าไม่อย่างงั้นจะเป็นเพราะอันใดได้อีก…แต่ก่อนหน้านี้ก็ดูไม่ออกเลยสักนิด”
ก่อนหน้านี้เขานึกว่าทั้งสองแค่รู้จักกันเท่านั้น แต่ดูจากตอนนี้แล้วคงไม่ใช่แค่นั้น…
เพร้ง! จู่ๆ ก็มีเสียงแตกหักที่แสบแก้วหูดังขึ้น!
ซุนจ้งเหยียนหันไปจ้องมอง และจู่ๆ เขาก็หรี่ตาลง
เห็นเพียงว่าตรงกลางของหอคอยจิ่วโยวนั้น จู่ๆ ก็มีรอยร้าวปรากฏขึ้น
หอคอยจิ่วโยวจะพังแล้ว
แล้วเปลวไฟสีดำลูกหนึ่งก็ปะทุออกมา
เมื่อเป็นแบบนั้นแล้วครึ่งหนึ่งของหอคอยจิ่วโยวได้อยู่ท่ามกลางเปลวไฟไปแล้ว
ซุนจ้งเหยียนหน้าซีดทันที
หอคอยจิ่วโยวดำรงอยู่มากว่าพันปี เจอกับพายุลมฝนมานับครั้งไม่ถ้วนยังไม่เคยเสียหายเลยสักนิด
แต่ตอนนี้…
ฮูก!
จู่ๆ ก็มีเปลวไฟสีดำลุกโชนตามเสียงกรีดร้องอันดุดันที่ดังขึ้น!
เปลวไฟนั้นได้กลายเป็นนกอินทรีย์ยักษ์กลางอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งไปยังค่ายกลผนึกสวรรค์ที่อยู่บนหอคอยจิ่วโยว!
“มันคือเงาของอสูรร้ายตัวนั้น!”
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ภาพร่างที่เหมือนรูปร่างนกอินทรีย์นั้นเห็นได้ชัดว่ามีรูปลักษณ์เหมือนภาพแกะสลักที่อยู่บนหอคอยจิ่วโยวไม่มีผิด
เขาเฝ้าหอคอยจิ่วโยวมาเนิ่น และคุ้นเคยกับทุกอย่างในหอคอยจิ่วโยว่นี้เป็นอย่างดี ฉะนั้นทันทีที่เห็นนกอินทรีย์นั้นจึงมองออกทันที!
เขานึกไม่ถึงเลยว่าหอคอยจิ่วโยวนั้นจะมีอสูรร้ายขนาดนี้ซ่อนอยู่!
ตูม!
มันบินเร็วมาก และทุกคนก็สามารถเห็นร่องรอยของเปลวไฟสีดำผ่านไป จากนั้นมันก็บินพุ่งขึ้นไปชนค่ายกลนั้นทันที!
“ปิดล้อม!”
ซุนจ้งเหยียนตะโกน! แล้วพลังภายในทั้งหมดก็พุ่งออกมา!
ผู้อาวุโสและอาจารย์ท่านอื่นๆ ต่างพากันตกใจ เมื่อได้ยินเสียงของซุนจ้งเหยียนแล้วจึงรู้สึกตัวขึ้น ก่อนจะเพิ่มแรงอีกครั้ง!
ตึง!
เสียงพุ่งชนดังสนั่น!
สะเก็ดไฟนับไม่ถ้วยพุ่งกระจายไปทั่ว!
ดูเหมือนว่าสากเงินที่อยู่ตรงกลางจะได้รับแรงกระทบที่รุนแรงนี้จนสั่นไหวไปชั่วขณะ!
ความเคลื่อนไหวนี้ ทำให้ค่ายกลทั้งหมดที่อยู่บนท้องฟ้าก็สะเทือนไปด้วย
ดูแล้วเหมือนจะแตกสลายได้อย่างใดอย่างนั้น
“ท่านผู้อาวุโสซุน! ทางนี้จะรับมือไม่ไหวแล้ว”
อาจารย์ท่านหนึ่งตะโกนเสียงดัง
เพิ่งจะสิ้นเสียงไปแสงระยิบระยับใต้เท้าของเขาก็ปะทุขึ้นมา
เขาหลบแรงกระแทกอันนี้น่ากลัวนี้ไม่ทันจึงกระอักเลือด และร่างกายของเขาก็กระเด็นออกมาทันที และตำแหน่งที่เขาอยู่เมื่อครู่นี้ก็มืดลงทันที!
ดูเหมือนว่าภาพหลอนของเปลวไฟสีดำจะพบจุดอ่อนหนึ่งเข้า จึงรีบเปลี่ยนทิศทาง และพุ่งไปทางนั้นทันที
“รีบยั้งมันเร็ว!”
ซุนจ้งเหยียนรีบตะโกน
จากนั้นก็ถึงเวลาค่ำแล้ว
ค่ายกลผนึกสวรรค์นี้ใหญ่มหึมามาก ทุกค่ายกลในสำนักได้มารวมกันอยู่ที่นี่หมดแล้ว จึงพยายามเปิดใช้ค่ายกลนี้ด้วยกัน!
คนหนึ่งคนนั้นสามารถรับหน้าที่ได้เพียงส่วนเดียวเท่านั้น แต่ทันใดนั้นเมื่อมีคนหนึ่งได้พลาดท่าไป คนอื่นๆ ก็ไม่สามารถเข้าเสริมได้อยู่ดี!
แต่ภายในพริบตาเดียว เงาของเปลวไฟสีดำนั้นก็ได้ดับมืด และกลายเป็นช่องว่างทันที!
บนตัวของมันมีกลิ่นอายของความน่ากลัว และความแข็งแกร่งที่ควบคุมได้ยาก!
ต่อไปก็กลัวเพียงว่าความแข็งแกร่งนั้นจะทำลายค่ายกลผนึกสวรรค์นั้นลงได้