ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 313 ข้าไม่อนุญาต
ตอนที่ 313 ข้าไม่อนุญาต [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยเห็นชายคนนี้คุกเข่าให้ใครมาก่อน
ในสายตาของคนนอกนั้น เขาเป็นองค์รัชทายาทที่อ่อนแอ ถ่อมตน และอ่อนโยน ไม่เรื่องมาก
แต่นางกลับรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งและเด็ดขาด เป็นผู้กล้าที่น่าเกรงขาม!
ผู้ชายแบบนี้ไม่เคยก้มหัวให้ใครมาก่อน
แต่ตอนนี้ เขากลับยอมคุกเข่าลงเพื่อนางอย่างง่ายดาย
เพียงเพื่อขอให้ได้จัดงานอภิเษกสมรสอย่างเป็นทางการเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนมีบางสื่งพุ่งออกมาจากใจ ทำให้มือเท้าของนางชา และตาพร่ามัวไปหมด บรรยากาศรอบๆ กลายเป็นภาพมัวไปหมด มีเพียงร่างของคนคนหนึ่งนั้นเท่านั้นที่ชัดเจน
เขาใส่ชุดขาวทั้งตัวและมีคราบเลือดอยู่เต็มตัว บาดแผลอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นเป็นรอยบาก ทำให้ดูแล้วน่าตกใจ แต่ไหล่ของเขายืดตรง ดูเหมือนเป็นคนที่จะคอยบังลมบังฝนให้นางได้ตลอดเวลา
เขาทำให้ร่างกายตัวเองเกิดบาดแผลอย่างไม่ลังเล แต่กลับไม่ยอมให้นางเปื้อนเลือดแม้แต่นิดเดียว
เขาบอกว่า…ที่รู้สึกดีและชอบนางนั้นเป็นเรื่องจริง
เขาบอกว่า…จะหาคนที่จะจับมือกันไปจนแก่เฒ่า
เขาบอกว่า…
ฉู่หลิวเยว่ตาแดง และในใจก็เหมือนมีกำแพงที่มั่นคงในหัวใจกำลังพังทลายลงไป
จู่ๆ นางก็นึกขึ้นได้ว่า ถ้าชาติที่แล้วนางไม่เคยถูกหักหลังจนเจ็บปวดมาก่อน และถ้านางไม่ได้เกิดใหม่ นางคงไม่ได้เจอกับหรงซิวไปชั่วชีวิตแน่นอน
ถ้าหรงซิวเป็นคนที่สวรรค์ชดเชยมาให้จริงๆ นางก็ยอมที่จะผ่านเรื่องทุกข์ทรมานทุกอย่างที่เคยผ่านมา
มีแผลเป็นบางบาดแผลที่ไม่มีวันหาย ทุกครั้งที่เห็นมันก็จะต้องนึกถึงเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นทุกครั้ง
แต่ว่า ตอนนี้ก็มีคนที่สามารถทำให้นางมีความสุข เติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป และยังให้ความรู้สึกปลอดภัย สุขใจด้วย
นี่ก็คือความโชคดีที่สุดของนาง
…
คำพูดของหรงซิวทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่ตรงนั้นตกตะลึงตามๆ กัน
จักรพรรดิจยาเหวินเหมือนจะกำลังสงสัยว่าตัวเองกำลังรู้สึกหึงหวงอยู่
“เจ้า เจ้าว่าอย่างใดนะ!” เขาคิดอยากจะให้ข้าจัดงานอภิเษกให้เจ้ากับหลิวเยว่งั้นรึ?”
หรงซิวพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับสีหน้าที่แน่วแน่และสงบ
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ได้เป็นการทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ จักรพรรดิจยาเหวินอ้าปาก พลางเหลือบมองทั้งสองแววตาที่ซับซ้อนยุ่งเหยิง
หรงซิวชอบฉู่หลิวเยว่…
ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ แต่เมื่อตั้งใจคิดดูแล้วก็มีความสมเหตุสมผลเช่นกัน เมื่อพูดถึงหน้าตาแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ถือว่าเป็นคนที่หน้าตางดงามและมีเสน่ห์
เมื่อพูดถึงความสามารถแล้ว ฉู่หลิวเยว่เพิ่งจะได้รับที่หนึ่งถึงสองรางวัลจากงานสมาคมเยาวชน เป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครสู้ได้
เมื่อพูดถึงภูมิหลังของครอบครัวแล้ว ถึงแม้ว่าฉู่หลิวเยว่สองคนพ่อลูกจะทะเลาะกับตระกูลฉู่ แต่ตอนนี้ฉู่หนิงก็เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ส่วนฉู่หลิวเยว่ก็เป็นลูกศิษย์คนเดียวของเยี่ยจือถิงด้วย
ไม่ว่าจะด้านไหน ฉู่หลิวเยว่ก็เหมาะสมกับหรงซิวทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้หรงซิวก็เป็นคนเอ่ยปากเอง
หลายปีมานี้ หรงซิวไม่เคยเอ่ยปากร้องขอสิ่งใดมาก่อน และครั้งเดียวครั้งนี้ ก็เป็นการขอเพื่ออภิเษกสมรสด้วย
จู่ๆ จักรพรรดิจยาเกวินก็นึกถึงตอนที่ให้หรงซิวคัดเลือกนางสนมเอก เขาก็หาเหตุผลมาปฏิเสธทุกวิถีทาง
ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอันใด แต่พอลองนึกดูแล้ว…บางทีเขาอาจจะมีความคิดนี้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็เป็นได้
เขากลับดูไม่ออกมาโดยตลอด…
แต่หลังจากที่ผ่านการตกตะลึงไปแล้ว จักรพรรดิจยาเหวินก็เปลี่ยนใจ และรู้สึกเห็นด้วยอย่างกะทันหัน หรงซิวควรจะมีครอบครัวตั้งนานแล้ว ฉู่หลิวเยว่โดดเด่นถึงเพียงนี้ อีกอย่างก็ยังสามารถช่วยเขาโดยไม่สนใจอันตรายใดๆ อีกด้วย ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่งที่สมควรถูกเลือก
เขาค่อยๆ ยิ้มออกมา
…
การขอแต่งงานที่มาอย่างกะทันหันของหรงซิว ทำให้ทุกคนรู้สึกคาดไม่ถึงตามๆ กัน และในฝูงชนนั้นก็มีแม่นางไม่น้อยที่รู้สึกเสียดายและผิดหวัง
“ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงที่หลีอ๋องชอบจะเป็นฉู่หลิวเยว่…”
“นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถึงอย่างใดฉู่หลิวเยว่ก็เป็นคนที่โดดเด่นในทุกๆ ด้าน เมื่อก่อนนั้นเป็นเพราะนางทำให้หลีอ๋องของตระกูลฉู่โมโห จึงทำให้ผู้คนรังเกียจไม่น้อย แต่หลังจากงานสมาคมเยาวชนผ่านไป เรื่องทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว ข้าได้ยินมาว่ามีหลายตระกูลที่อยากจะมาสู่ขอนางถึงที่เช่นกัน แต่ตอนนี้หลีอ๋องก็ได้เอ่ยปากด้วยตัวเองแล้ว แสดงว่าคนอื่นๆ ก็คงไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว…”
“เหอะ ที่จริงแล้วนอกจากว่าเขาจะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแล้ว ด้านอื่นๆ ก็ไม่ได้ดีเท่าใดนัก มีดีแค่เรื่องอำนาจที่น่าเคารพนับถือ แต่เมื่อเขาป่วยแบบนี้แล้ว ก็ไม่เห็นจะน่าเสียดายเลยสักนิด”
“กลับกันนั้นในเมื่อฝ่าบาทรักหลีอ๋องมาก ป่วยแล้วอย่างใดล่ะ? ข้าดูแล้วบางคนนั้น ไม่มีปัญญาได้กินองุ่นก็บอกว่าองุ่นเปรี้ยวเสียแล้ว”
“อย่ามาพูดจามั่วซั่วนะ”
…
ซือถูชิงเฉินที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งในที่ห่างไกลก็จ้องมองเหตุการณ์นี้ด้วยแววตาที่เยือกเย็น
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ ของคนรอบข้างที่เข้ามาในหู เป็นเหมือนมีดหลายๆ เล่มที่แทงเข้ามาที่หัวใจของนาง
ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้มีบาดแผลอันใด แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นหรงซิวบาดเจ็บสาหัส นางก็เป็นห่วงมาก และคิดจะถามไถ่อาการในภายหลัง
แต่ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของนางกลับเหมือนก้อนหินที่หนักยิ่งกว่าอันใด
คำพูดเมื่อครู่ของหรงซิวนั้น นางได้ยินมันอย่างชัดเจน
เขาพูดออกมาว่าเขาชอบฉู่หลิวเยว่
จนถึงขั้นเป็นคนเอ่ยปากร้องขอที่จะอภิเษกสมรสด้วยตัวเอง
นางรู้จักกับหรงซิวมาหลายปีขนาดนี้ ยังไม่เคยได้ย้อนเขาพูดคำว่า
“ขอร้อง” ออกมาเลยสักครั้ง
มาวันนี้เพียงเพื่อฉู่หลิวเยว่เพียงคนเดียว เขากลับยอมที่จะทำแบบนี้
ฉู่หลิวเยว่ที่หน้าตาเจ้าเล่ห์และร้ายกาจแบบนั้นมีดีอันใดกัน
ซือถูชิงเฉินกำหมัดนาน ก่อนจะหลับตาลงด้วยความขมขื่น
…
ฉู่หนิงเดินไปอยู่ข้างๆ ฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามให้กับนาง
หลีอ๋องเป็นอันใดกันแน่? เหตุใดจู่ๆ ถึงได้ร้องขอที่จะจัดงานอภิเษกสมรสขึ้น!
ที่เขาบอกว่าเขาตกหลุมรักเยว่เอ๋อร์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่? แล้วเยว่เอ๋อร์ชอบหลีอ๋องหรือไม่?
ฉู่หนิงเหลือบมองทั้งสองก็รู้สึกว่าคำถามของตัวเองนั้นเป็นคำถามที่ไม่มีประโยชน์อันใด
เพราะถ้าพวกเขาทั้งสองไม่มีความรู้สึกดีต่อกัน แล้วจะออกมาจากหอคอยจิ่วโยวพร้อมกันได้อย่างใด
เขากลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด
…
จักรพรรดิจยาเหวินมองหรงซิว ก่อนจะมีความคิดมากมายเกิดขึ้น สุดท้ายแล้วจึงเหลือเพียงคำพูดสุดท้ายของหรงซิวเท่านั้น
เขาถามอยากชัดถ้อยชัดคำ
“เจ้าตั้งใจจะรับนางหรือไม่?”
หรงซิวพยักหน้า
“ได้โปรดท่านพ่อทรงยอมรับคนรักของลูกด้วย”
จักรพรรดิจยาเหวินมองไปยังฉู่หลิวเยว่
“หลิวเยว่ เจ้าล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึก
“เป็นโชคดีของหลิวเยว่แท้ๆ”
จักรพรรดิจยาเหวินเงียบไปสักพักและในที่สุดก็ยิ้มและเอ่ยปากว่า
“ฮ่าๆ ดี! เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว ถ้างั้นก็…”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวก่อน งานอภิเษกครั้งนี้ข้าไม่อนุญาต!”