ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 319 งานอภิเษกสมรส
ตอนที่ 319 งานอภิเษกสมรส [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่และฉู่หนิงตามหรงเซียวกลับไปยังตำหนักหลีหวัน
คนของตำหนักหลีหวันต่างได้รับข่าวสารแล้ว ท่าทีที่ปฏิบัติต่อฉู่หนิงสองคนพ่อลูกจึงอ่อนโยน และเป็นมิตรสุดๆ เป็นการต้อนรับเข้ามาเป็นคนในบ้านตัวเอง
ซึ่งทำให้ฉู่หนิงรู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไร
หลังจากนั่งอยู่ในวังสักพัก ฉู่หนิงอยากให้หรงซิ่วพักผ่อนอย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงออกไปกับฉู่หลิวเยว่หรงเซียวจึงรถเรียกม้าคันเพื่อส่งทั้งสองกลับไป
เดิมทีฉู่หนิงไม่ยอมที่จะให้วุ่นวายแบบนั้น แต่ต่อมาก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆ จึงทำได้เพียงตอบตกลง
สองพ่อลูกขึ้นบนหลังม้าและนั่งกันคนละฝั่ง
โดยที่ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอันใดกัน ฉู่หนิงสำรวจฉู่หลิวเยว่โดยไม่พูดไม่จาใดๆ อ้าปากแล้วก็หยุดไป ประหนึ่งว่ากำลังคิดว่าจะเอ่ยปากอย่างใด
“ท่านพ่อมีอันใดก็พูดออกมาเถิด” ฉู่หลิวเยว่พูดเสียงเบา
ฉู่หนิงเงียบสักพักก่อนจะเอ่ยปาก
“ระหว่างเจ้ากับหลีหวัน…มีอันใดกันมานานแล้วใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ
“พ่อหมายถึงอันใดหรือ?”
ฉู่หนิงนิ่งไปสักพัก
“ก็…พวกเจ้าชอบพอกันมาตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่…”
“ใช่”
สำหรับเรื่องนี้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้คิดจะปิดบังแต่อย่างใด
“เป็นอย่างที่ท่านพ่อคิด ข้ากับหลีหวันรู้สึกต่อกันมาตั้งนานแล้ว ฉะนั้นจึงได้มีการขออภิเษกสมรสกันในวันนี้” ถึงจะคิดมาก่อนแล้ว แต่พอได้ยินด้วยหูของตัวเองแล้ว ในใจฉู่หนิงก็ยากที่จะไม่รู้สึกแปลกๆ อยู่ดี
“มัน…มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนกัน? หรือว่าตั้งแต่ที่เขาช่วยชีวิตเจ้า”
“เรื่องที่หลีหวันช่วยชีวิตข้านั้นเกิดขึ้นก่อน ตอนนั้นพวกข้าทั้งสองยังไม่ได้รู้จักกัน”
ฉู่หนิงโล่งอกไปที
ก็แสดงว่าทั้งสองนั้นค่อยๆ ขับเคลื่อนความสัมพันธ์หลังจากที่หลีหวันกลับมาแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ค่อยยอมรับได้หน่อย
“เจ้าชอบหลีหวันจริงๆ หรือ?”
ฉู่หนิงจ้องตาฉู่หลิวเยว่พลางเอ่ยปากถาม ด้วยสีหน้าจริงจัง
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
ฉู่หนิงนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากพึมพำ
“งั้นก็ดี…งั้นก็ดีแล้ว”
สีหน้าของเขาดูซับซ้อน เหมือนจะเสียใจแต่ก็เหมือนจะดีใจด้วย
เขารู้จักนิสัยของเยว่เอ๋อร์ดี ถ้าไม่ได้ชอบหลีหวันจริงๆ นางไม่มีทางตอบรับการขออภิเษกสมรสในวันนี้แน่นอน
“หลีหวันเขาเป็นคนดีมาก”
อย่างน้อยเมื่อเทียบกับหรงจิ้นแล้ว ก็แข็งแกร่งและดีกว่ามากจริงๆ
เมื่อก่อนเยว่เอ๋อร์หน้ามืดตามัว และชอบหรงจิ้นมาหลายปี ยังต้องอับอาย…เสียใจอีกด้วย แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขามองออกว่าหลีหวันดีกับเยว่เอ๋อร์มาก และมองนางเป็นเป็นอัญมณีล้ำค่าอย่างใดอย่างนั้น ถือว่าเขาสามารถวางใจได้แล้ว
“เพียงแต่ร่างกายของหลีหวันเยว่เอ๋อร์ เจ้าเคยวัดชีพจรให้หลีหวันหรือไม่ เจ้ามีวิธีที่พอจะช่วยให้เขาดีขึ้นได้หรือไม่”
หลีหวันป่วยตั้งแต่อยู่ในท้อง ตอนเด็กก็หาหมอมาแล้วไม่รู้กี่คน แต่ก็ยังไม่หายสักที และถึงจะส่งเขาไปรักษาที่เทียนชานหมิงเยว่มานานหลายปี แม้แต่วังก็ไม่ได้กลับ
ฉู่หลิวเยว่มองฉู่หนิงด้วยสีหน้าเป็นห่วง ในใจรู้สึกทั้งอุ่นใจและน่าตลก
“ท่านพ่อวางใจเถิด ข้าจะพยายาม ไม่ว่าต่อไปสุขภาพของหลีหวันจะเป็นอย่างใด ข้าก็จะดูแลเขาเป็นอย่างดี”
ฉู่หนิงถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้า
“งั้นก็ดี”
เขาเคยหวังให้เยว่เอ๋อร์ออกเรือนกับคนธรรมดาที่ร่างกายแข็งแรง และอยู่กันไปนานๆ
แต่เยว่เอ๋อร์กลับแสดงความสามารถที่น่าทึ่ง และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคนธรรมดาสามัญเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
“ถ้าแม่ของเจ้ายังอยู่ ต้องดีใจแน่นอน…”
ในแววตาของฉู่หนิงมีความคิดถึงอยู่ลึกๆ
ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกเศร้าในใจ
หลายปีมาแล้ว ฉู่หนิงเป็นทั้งพ่อและแม่คนเดียวมาตลอด เลี้ยงฉู่หลิวเยว่โตมาอย่างยากลำบาก และไม่เคยบอกถึงความโศกเศร้าให้ใครฟังมาก่อน
เขาขยับเขาไปและจับมือฉู่หนิงเอาไว้
สองคนพ่อลูกนั่งเงียบอยู่ตรงข้ามกันอยู่นาน บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง
…
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังลั่นในห้อง
จักรพรรดินีมองหรงจิ้นที่ยืมอยู่ข้างหน้าเขาด้วยความเย็นชา
“วันนี้เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างใด”
หรงจิ้นก้มหน้า ไม่พูดไม่จา
“ข้าบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าไปสนใจฉู่หลิวเยว่ เจ้าทำเป็นหูทวนลม! เมื่อก่อนตอนที่เจ้านอนป่วยอยู่บนเตียง ก็นึกว่าเจ้าสติเลอะเลือนจนพูดจาเรื่อยเปื่อย ไม่นึกเลยว่าวันนี้เจ้าจะกล้าวิ่งถ่อไปแล้วแย่งฉู่หลิวเยว่มาจากหรงเซียวแบบนั้น!”
นิ้วของจักรพรรดินีใช้นิ้วจี้ไปที่หัวของหรงจิ้น
“วันนี้มีคำหนึ่งที่พ่อของเจ้าพูดถูก…เจ้าคงจะนั่งบัลลังก์รัชทายาทจนเบื่อแล้วจริงๆ”
หรงจิ้นเช็ดคาบเลือกที่ริมฝีปากตัวเอง ในใจเหมือนมีไฟลุกในใจ ในที่สุดก็อดที่จะโต้ตอบไม่ได้
“นางเป็นของข้ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เหตุใดข้าต้อง”
“เจ้ายกเลิกงานแต่งกับนางไปตั้งนานแล้ว!”
จักรพรรดินีเริ่มเสียงดังขึ้น แววตาแหลมคมเหมือนมีดที่กำลังกรีดมาบนร่างกายของหรงจิ้นแรงๆ
“เจ้าอย่าลืมสิ ว่าตอนนั้นเจ้าก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาเอง! ตอนนั้นเจ้าบอกว่าอย่างใด เจ้าบอกว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอันใด เจ้าก็จะยกเลิกงานแต่งกับฉู่หลิวเยว่ให้ได้ และจะตัดขาดสัมพันธ์ แต่พอมาตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่เดือน เจ้าก็กลับคำแบบนี้แล้ว จะให้คนอื่นมองรัชทายาทอย่างเจ้าว่าเป็นคนเช่นใดดี? เจ้าก็รู้ว่าตอนนั้นข้าต้องใช้เวลาตั้งเท่าไร ถึงจะสามารถนำบัลลังก์รัชทายาทมาให้เจ้าได้”
เสียงของจักรพรรดินีเริ่มสั่นคลอน หรงจิ้นเงยหน้าขึ้น ก็เห็นใบหน้าที่บูดบึ้ง และแววตาที่เคียดแค้นของนาง เขารู้สึกตกใจ ก่อนจะเห็นว่าวันนี้อารมณ์ของจักรพรรดินีนั้นร้ายเป็นพิเศษ เขาสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดเสียงเบา และยังคงไม่พอใจเหมือนเดิม
“แต่…แต่เหตุใดต้องเป็นหรงเซียว? ไอ้ขยะคนนั้นมันดีกว่าลูกตรงไหนกัน ดูท่าทางของมันแล้ว แค่เดินสองสามก้าวก็คงจะไม่ไหวแล้ว”
ทุกครั้งที่นึกถึงภาพที่ฉู่หลิวเยว่แต่งงานกับคนแบบนี้แล้ว ในใจของเขาก็รู้สึกขยะแขยงมาก!
จักรพรรดินีทำหน้าตาเคร่งขรึมก่อนจะแสยะยิ้ม
“เหตุใด เจ้าว่าเหตุใดล่ะ? หรงเซียวเอ่ยปากขอเสด็จพ่อของเจ้าเอง มีหรือที่พ่อของเจ้าจะไม่ตกลง เจ้าดีกว่ามันทุกด้าน แต่ใครสั่งให้เจ้าเป็นคนชอบเล่นกับผู้หญิงกัน”
ตายไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นผีที่วนเวียนอยู่
ตอนนั้นนางแย่งมาจากคนคนนั้นไม่ได้ และตอนนี้ลูกชายของนางก็แย่งผู้หญิงมาจากลูกชายของแม่นางคนนั้นไม่ได้อีก
นางจะไม่ให้เกลียดได้อย่างใด
หรงจิ้นจึงเข้าใจว่า จักรพรรดินีนึกถึงเรื่องตอนนั้น จึงเป็นแบบนั้นไป
ดูเหมือนว่าจักรพรรดินีจะรู้ว่าตัวเองใช้อารมณ์มากไป จึงสูดหายใจลึกๆ เพื่อให้จิตใจตัวเองสงบลง และพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“แต่ถึงอย่างใด กว่าจะรักษาบัลลังก์ของเจ้าไว้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เสด็จพ่อของเจ้าสามารถให้อภัยเข้าครั้งถึงสองครั้งได้ แต่จะไม่มีครั้งที่สามแน่นอน”
หรงจิ้นเม้มปาก
“ลูกสำนึกผิดแล้ว”
“สำนึกผิดแล้วมีประโยชน์อันใด? เจ้าต้องหาวิธีทดแทนต่างหากถึงจะถูก”
หรงจิ้นตาเป็นประกาย
“ท่านแม่มีวิธีหรือ?”
จักรพรรดินีจ้องหน้าเขาเอาไว้
“วิธีน่ะมีแน่นอน แต่เจ้าต้องสาบานก่อนว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะไม่พูดถึงฉู่หลิวเยว่ และล้มเลิกความคิดนี้”
หรงจิ้นอึ้งไปทันที
“แต่ว่าท่านแม่ นางเป็นคนเดียวที่ลูก…”
จักรพรรดินีจ้องเขาตาเขม็ง
คำพูดที่เหลือของหรงจิ้นถูกกลืนกลับไป
ผ่านไปสักพักเขาก็กำหมัดแน่นและในที่สุดก็เอ่ยปากว่า
“ขอรับ”
จักรพรรดินีโล่งอกไปที และสีหน้าก็ดูอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยกแก้วน้ำชาขึ้นมา
“ตอนนี้วิธีเดียวที่เจ้าจะรักษาบัลลังก์รัชทายาทไว้ได้ก็คือการแต่งงานกับซือถูซิงเฉิน”