ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 322 กับดัก
ตอนที่ 322 กับดัก [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่มองหรงเจินอย่างเงียบๆ
“องค์หญิงสี่ เรื่องตลกนี้ไม่ตลกเอาเสียเลย”
เสียงหัวเราของหรงเจินหยุดลงและมองไปยังฉู่หลิวเยว่
ตากลับเห็นแววตาที่ใสเหมือนหินหยกสีดำกำลังจ้องมองตัวเองอยู่
แววตานั้นดูไม่สลดและเต็มไปด้วยความนิ่งเฉย แต่กลับทำให้คนรู้สึกกลับแปลกๆ
ในใจของนางมีความเยือกเย็นแผ่ออกมา ทำให้ตัวของนางหดลงทันที
เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังกลัวฉู่หลิวเยว่อยู่ หรงเจินก็โมโหและกระตุกเชือกทันที
“มองอันใดถ้ามองอีกข้าได้ควักลูกตาเจ้าออกมาแน่”
ครั้งนี้ ฉู่หลิวเยว่ดึงเชือกเอาไว้ก่อนละไม่ได้ปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจ
หรงจิ้นดึงอยู่หลายครั้ง แต่ก็เห็นว่าไม่ขยับ ก็ยิ่งรู้สึกเสียหน้า และรู้สึกอับอายจนโมโห
“เมิ่งเหล่า สั่งสอนมันซะ!”
“องค์หญิงสี่”
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ยกมุมปากขึ้นอย่างไร้รอยยิ้ม
“เจ้าตั้งใจพาข้าออกมาตั้งไกล เพื่อมาสั่งสอนข้าเท่านั้นหรือ”
หรงเจินนิ่งไป
“ข้ารู้ว่าถ้าพวกเจ้าคิดจะฆ่าข้านั้นง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก และถึงจะตายไปก็คงไม่มีใครรู้ และไม่มีใครคิดว่าองค์หญิงสี่เป็นคนทำแน่นอน แต่ว่า…ท่านมั่นใจรึว่านี่คือสิ่งที่เจ้าอยากได้? ถ้าข้าตายแล้ว พลังจิตของเจ้า…ก็คงจะกลับมาหายดีไม่ได้แล้วล่ะ”
“เจ้ากล้าขู่ข้างั้นหรือ” สีหน้าของหรงเจินดูเคร่งขรึม
ช่วงหลายวันมานี้นางโมโหมามากพอแล้ว ตอนนี้แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังกล้าพูดคำนี้ออกมาอีก
นางเดินมายู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว ยกฝ่ามือขึ้นจะตบไปที่แก้มของนาง
“ข้าตายไปก็ไม่เป็นไรหรอก”
ฉู่หลิวเยว่พูดอย่างใจเย็น
“แต่พ่อของข้ากับหลีหวันคงจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่นอน”
เหมือนว่าหรงเจินจะได้ยินเรื่องตลกอันใดบางอย่าง
“ฮ่า! คิดจะพึ่งพ่อที่ไร้ประโยชน์และสามีที่ป่วยงั้นหรือ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่จ้องตาของหรงเจินและค่อยๆ ยิ้มออกมา
“ยังมี…ท่านรองแม่ทัพมู่ด้วย”
หรงเจินหน้าเจื่อนและฝ่ามือที่ยกอยู่กลางอากาศก็หล่นลงมาทันที
“รองแม่ทัพมู่เลือกข้าให้ไปยังราชวงศ์เทียนลิ่งกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าข้าเป็นอันใดไป เจ้าคิดว่า ท่านรองแม่ทัพมู่จะทำอย่างใด?”
หรงเจินกัดฟันแน่น
นางเกือบลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปแล้ว
เมิ่งเหล่าเอ่ยปากร้องขอ
“องค์หญิงสี่ เราจะทำผิดต่อทางรองแม่ทัพมู่ไม่ได้…”
“ข้ารู้อยู่แล้วน่า”
หรงเจินโมโห
ไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ยังดี แต่เมื่อพูดถึงแล้ว นางก็ยิ่งเกลียดฉู่หลิวเยว่เข้าไปใหญ่
เหตุใดฉู่หลิวเยว่ถึงถูกเลือก นางก็แค่พูดมากไปหน่อย ก็ถูกทำให้อับอายต่อหน้าผู้คนแล้ว
แม้กะทั่งตอนนี้นางก็ยังทำอันใดฉู่หลิวเยว่ไม่ได้อยู่อีก!
ถึงแม้ว่าหรงเจินจะเป็นคนทะนงตน แต่ก็ไม่ได้ไม่มีสมอง
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะโมโหจนจะเป็นบ้า แต่เมื่อตั้งใจคิดดูแล้ว ที่ฉู่หลิวเยว่พูดก็มีเหตุผล
ตอนนี้รีบเอาพลังจิตกลับคืนมาดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นนั้น…ต่อไปค่อยทำก็เหมือนกันอยู่ดี
เมื่อนึกแบบนี้แล้ว ในใจของหรงเจินก็เกิดความโมโหและตะโกนเสียงดัง
“ครั้งนี้ถือว่าปล่อยเจ้าไปก่อนแล้วกัน ยังไม่รีบไปอีก”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองนางก่อนจะหันหลังกลับ และเดินไปข้างหน้าต่อ
คำพูดของนางดูเหมือนจะทำให้หรงเจินตื่นขึ้นเล็กน้อย และตลอดทั้งทางนั้น หรงเจินก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนปีศาจอีกต่อไป
แต่ละคนจึงเดินไปข้างหน้าอย่างสงบ
…
หลังจากเดินมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ขาของหรงเจินก็เริ่มปวดเมื่อยแล้ว
นางถามด้วยความหงุดหงิด
“อีกไกลแค่ไหนกันแน่ ฉู่หลิวเยว่ เจ้าไม่ได้คิดจะทำร้ายข้าใช่หรือมะ”
ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็หยุดเดิน
“ข้างหน้านั้น”
หรงเจินมุ่งตรงไปดูข้างหน้าทันที
เห็นเพียงแค่ที่ไม่ไกลนั้นมีทะเลสาบที่มีหมอกขาวลอยขึ้นอยู่ในป่าไม้เขียวชอุ่มแห่งนั้น
รอบข้างเงียบสงบ แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาควันลอยอยู่เหนือน้ำประหนึ่งแดนสวรรค์
นางก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว และตกใจเมื่อพบว่าหมอกสีขาวที่ลอยอยู่บนทะเลสาบนั้นเต็มไปด้วยพลังจิต
“สิ่งนั้นคือ…”
นางเบิกตากว้างและจ้องมองที่แห่งนั้นอย่างเหลือเชื่อ
นอกเมืองมีสิ่งแบบนี้อยู่ด้วยหรือ
ในฐานะที่นางเป็นถึงองค์หญิงสี่เป็นที่โปรดปราน อย่าว่าแต่ในเมืองเลย สถานที่สวยๆ กว่าครึ่งแคว้นเย่าเฉิน นางก็เคยไปมาหมดแล้ว
แต่กลับไม่เคยได้ยินที่แห่งนี้มาก่อน
“พลังจิตที่นี่หนาแน่น และอ่อนโยนมาก เป็นสถานที่ฝึกที่ดีจริงๆ”
แม้แต่เมิ่งเหล่าก็อดที่จะชมไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่กระแอ่มไอ
“ตอนนั้นไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะวิ่งมาถึงที่นี่ได้ และได้พบกับคนที่ลึกลับคนหนึ่ง นี่คงเป็นอาณาเขตของเขา แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะปรากฏตัวหรือไม่”
หรงเจินมองทะเลสาบนั้นด้วยความตกตะลึง ก่อนจะสูดหายใจลึกๆ และรู้สึกว่าอวัยวะภายในดีขึ้นอย่างใดอย่างนั้น
นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการฝึกฝนอย่างแท้จริง!
“ถือว่าเจ้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง”
นางโยนปลายเชือกอีกข้างให้เมิ่งเหล่า นางก็รีบไปที่ทะเลสาบด้วยความดีใจ และตื่นเต้น
มองจากระยะใกล้ๆ แล้ว ทะเลสาบก็ยิ่งใส และสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก
นางมองไปรอบๆ แต่พบว่านอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีใครเลยสักคน
หรือว่าวันนี้คนลึกลับคนนั้นจะไม่อยู่?
“เมิ่งเหล่า ระแวกนี้มีคนหรือไม่?”
เมิ่งเหล่าส่ายหน้า “ไม่มีเลยสักคน”
เขาไม่พบลมหายใจของใครเลยสักคน
“ถ้าอย่างงั้นก็คงแปลกแล้ว…เหตุใดที่แบบนี้ถึงไม่มีคนเฝ้าเอาไว้ล่ะ…”
หรงเจินเดินเลาะรอบทะเลสาบหลายก้าว พร้อมกับสีหน้าไม่เข้าใจ
ถ้าทะเลสาบนี้เป็นของนางก็คงดี
อยู่ฝึกฝนที่นี่ จะต้องได้ผลแน่นอน!
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้พลังจิตแตกสลาย และยังไม่สามารถเข้าไปฝึกข้างในได้อีกด้วย
ถ้าเป็นอย่างงั้นคงไม่มีประโยชน์เลยสักนิด
เมื่อนึกถึงตอนนี้แล้ว หรงเจินก็รู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้น
“ฉู่หลิวเยว่ คนลึกลับคนนั้นสามารถมาช่วยเจ้าได้ ก็แสดงว่าเจ้ามีวิธีติดต่อเขาใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“คนแบบนั้น ข้าไม่สามารถควบคุมเขาได้ และข้าเองก็ไม่รู้ด้วยความเขาหน้าตาเป็นอย่างใดกันแน่”
เดิมทีหรงเจินก็ไม่คิดว่าฉู่หลิวเยว่จะรู้อยู่แล้ว แต่พอได้ยินสีหน้าก็ดูผิดหวังทันที
คนที่แข็งแกร่งแบบนั้นไม่มีทางอยู่กับที่แน่นอน
แต่พวกเขาก็มาถึงที่นี่กันแล้ว ถ้าสุดท้ายแล้วยอมแพ้ก็คงอับอายน่าดู
จู่ๆ ตาของนางก็เป็นประกายทันที
“ใช่แล้ว! ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าตอนที่เจ้าเจออันตรายนั้นได้พบกับคนคนนี้ ถ้าตอนนี้เจ้าพบกับสถานการณ์ที่อันตราย เขาจะปรากฏตัวอีกครั้งหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
“องค์หญิงสี่ ที่เจ้าพูดนั้นหมายความว่าอย่างใด?”
“ไม่ได้มีความหมายอันใดนี่” หรงเจินเดินไปอยู่ข้างหน้าฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะสำรวจตัวของนาง
“แต่ก็อยากจะลองดูเหมือนกัน เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่ได้จะฆ่าเจ้าจริงๆ หรอก…”
“องค์หญิงสี่เห็นความสำคัญของข้าเกินไปแล้วล่ะ”
ฉู่หลิวเยว่พูดอย่างใจเย็น
หรงเจินพูดประชดว่า
“เจ้าไม่ใช่อย่างที่เคยเป็นแล้ว แม้แต่รองแม่ทัพมู่ก็ยังชอบเจ้า ข้าจะดูถูกเจ้าได้อย่างใด? เจ้าแค่…”
ขณะที่มือของเธอกำลังจะบีบคอของฉู่หลิวเยว่ ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆ มาจากทะเลสาบ!
หรงเจินหันกลับไปมองทันที
ภายใต้หมอกสีขาวนั้น มีระลอกคลื่นที่แผ่กระจายจากใจกลางทะเลสาบ กำลังแผ่ไปยังบริเวณโดยรอบได้อย่างชัดเจน
นางเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่จึงรีบเดินเข้าไป และเมื่อนางเดินไปที่ทะเลสาบ ทันใดนั้นร่างสีขาวตัวใหญ่ก็โผล่ออกมาจากทะเลสาบตรงมาที่นางทันที