ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 334 จดหมายฉบับหนึ่ง
ตอนที่ 334 จดหมายฉบับหนึ่ง [รีไรท์]
สัมผัสของทองคำนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน
แต่อวี๋มั่วมั่นใจว่าตัวเองดูไม่ผิดแน่นอน
หัวใจของเขาสั่น ก่อนจะหลับตาลงอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน…”
หรงซิวหลับตาลง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เปิดมันอีกครั้ง และความสงบก็กลับคืนมา
“ต่อไป”
ริมฝีปากบางของเขาพ่นคำสองคำออกมาเบาๆ
อวี๋มั่วขวดสีเทาขึ้นมาแล้วโรยลงบนแผลของหรงซิวอย่างสม่ำเสมอ
กลิ่นยาขมแผ่กระจาย
อวี๋มั่วเข้าห่อผ้าพันแผลใหม่ให้เขาอย่างระมัดระวัง และรู้สึกสับสนไปด้วย
หลังจากที่เขารักษาบาดแผลบนร่างของหรงซิวเสร็จแล้ว ก็เตรียมที่จะเก็บขวดยาทั้งหมด สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะพูดวถาม
“นายท่าน…ท่านไม่ได้กลับไปนานแล้ว ท่านจะถือโอกาสจากการพักฟื้นนี้กลับไปหรือไม่?”
หรงซิวนิ่งและไม่พูดอันใด
อวี๋มั่วถือว่านี่คือการปฏิเสธ ฉะนั้นเขาจึงลากลับด้วยความเคารพ
แต่เมื่อเขาเดินไปที่ประตู ถึงตอนนี้เขาก็ยังจำกลุ่มของเปลวเพลิงสีทองที่ส่องประกายในดวงตาของหรงซิวได้ เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาและอ้อนวอนว่า
“นายท่านจะไม่คิดเรื่องนี้ดูอีกทีจริงๆ หรือถ้าแม่นางหลิวเยว่รู้…”
“ช่วงนี้มู่ชิงเห่อมีความเคลื่อนไหวอันใดบ้าง?” หรงซิวถามทันที
อวี๋มั่วคิดอย่างรอบคอบ ก่อนจะส่ายหัว
“ไม่มีเลย นอกจากวันที่หอคอยจิ่วโยวของสำนักเทียนลู่ถูกไฟไหม้ นอกนั้นเขาก็พักอยู่ในบ้านของเขา ไม่ออกมา และไม่พบปะกับใครเลย”
อวี๋มั่วขมวดคิ้วขณะที่เขาพูด
“นายท่าน ท่านจะอยู่ดูมู่ชิงเห่อที่นี่ไปตลอดเลยหรือ?”
ใครจะรู้ว่ามู่ชิงเห่อจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน?
แต่อาการของนายท่านไม่มีที่ว่างให้ล่าช้าแล้ว
หรงซิวคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เจ้าไปก่อนเถอะ แล้วทำเหมือนเดิมนี่แหละ”
“ขอรับ”
อวี๋มั่วขานรับ แต่ก็ยังลังเลอยู่
“ถ้าอย่างนั้น…ท่านต้องการจัดเตรียมเรื่องที่ท่านจะกลับไปตอนนี้เลยหรือไม่?”
หรงซิวหรงซิวส่ายหน้า
“ข้ามีวิธีของข้าเอง”
“ขอรับ”
…
เลี่ยวจงซูรอไม่นานนัก ก็เห็นฉู่หลิวเยว่เดินออกมาจากบ้านหลังนั้น
เขาถามด้วยความประหลาดใจ
“เร็วขนาดนี้เชียว?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มและพูดว่า
“ใช่ ข้าได้เบาะแสบางอย่างมา และจะกลับไปคิดดูก่อน เจ้ากลับไปเถอะ”
เลี่ยวจงซูโล่งใจและกล่าวลาฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่กลับไปที่บ้านของนางคนเดียว
นางขึ้นไปที่ชั้นสอง เข้าไปในห้องปิดประตูและหน้าต่าง ก่อนจะหยิบจดหมายออกมา
เมื่อมองแวบแรก จดหมายฉบับนี้ก็ไม่ต่างจากอักษรธรรมดา
แต่ครึ่งบนของค่ายกลซับซ้อนหลายชั้นมาก ทำให้ฉู่หลิวเยว่เข้าใจว่านี่เป็นจดหมายที่อีกฝ่ายตั้งใจส่งถึงนาง
นางหายใจเข้าลึกๆ
ค่ายกลที่ลึกซึ้งนี้น่าจะเป็นค่ายกลระดับที่ห้า แต่ความยากของมันถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ในหมู่พวกเขา แม้แต่ปรมาจารย์ระดับห้าที่แท้จริงก็ไม่สามารถเติมเต็มค่ายกลที่เหลืออยู่ได้สำเร็จ
ความแข็งแกร่งที่นางแสดงต่อโลกภายนอกไม่ได้อยู่ในระดับนี้อย่างแน่นอน แต่อีกฝ่ายกลับส่งจดหมายแบบนี้มาให้นาง
มีคำอธิบายเพียงข้อเดียว ก็คืออีกฝ่ายเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่านางสามารถปลดล็อกค่ายกลที่ซับซ้อนและเปิดจดหมายฉบับนี้ได้
มือข้างที่จับซองจดหมายอยู่เริ่มกำแน่นขึ้น
ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเธอมีความแข็งแกร่งเช่นนี้
แล้วใครกันแน่ที่ต้องการสู้กับนาง และรู้จักนางดีถึงเพียงนี้?
ฉู่หลิวเยว่มีลางสังหรณ์ในใจว่าบางทีอาจมีคำตอบซ่อนอยู่ในจดหมายฉบับนี้
นางกลั้นหายใจ และเริ่มจดจ่อกับการศึกษาค่ายกลซับซ้อนที่อยู่บนนั้น
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็หยิบปากกาขึ้นมาจากโต๊ะ จุ่มลงในหมึก จากนั้นจึงขีดเส้นบนซองจดหมายเบาๆ เพื่อเริ่มเติมค่ายกล
เมื่อเวลาผ่านไป ค่ายกลที่อยู่บนซองจดหมายก็ค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้น
เนื่องจากไม่มีการเพิ่มพลังจิต เพียงแต่ร่างค่ายกลเท่านั้น ฉะนั้นกระบวนการร่างโครงร่างที่ลึกซึ้งของฉู่หลิวเยว่จึงง่ายขึ้นมาก
อย่างใดก็ตามถึงนั้น ค่ายกลที่ซับซ้อนนี้ก็ทำให้นางต้องเสียพลังงานไปมากเช่นกัน
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดนางก็วาดโครงร่างทั้งหมดเสร็จแล้ว
เมื่อนางร่างเส้นสุดท้าย ค่ายกลบนซองจดหมายก็สว่างขึ้นในทันที
ทันใดนั้นก็กลายประกายแสงจำนวนนับไม่ถ้วนและกระจัดกระจายออกไป
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่ให้ทุกอย่างสลายไป ในที่สุดนางก็เปิดซองจดหมายได้ นางเอื้อมมือเข้าไปข้างในและคิดที่จะหยิบจดหมายออกมา
เมื่อสัมผัสกับจดหมาย หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็เต้นแรงทันที
จากนั้นนางก็รีบดึงจดหมายนั้นออกมาด้วยความตั้งหน้าตั้งตารอ และรู้สึกว่าไม่อยากเชื่อ!
มันเป็นกระดาษคุณภาพดีแผ่นหนึ่ง
เนื้อสัมผัสนุ่มเนียนราวกับหยกที่ละเอียดอ่อนมาก
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เพราะว่า…นางคุ้นเคยกับสัมผัสนี้มาก!
ขณะที่ยกจดหมายขึ้นมา มือของนางสั่นเล็กน้อย
แสงแดดส่องเข้ามาจากหน้าต่างแล้วเจาะเข้าไปในจดหมาย จนเงาทรายหมุนวนอยู่บนพื้น สว่างสไวราวกับดวงจันทร์
หัวใจของฉู่หลิวเยว่ ดูเหมือนจะถูกบางสิ่งกระแทกอย่างแรง!
นี่มัน…นี่คือกระดาษไขที่ใช้เฉพาะในวังราชวงศ์เทียนลิ่งเท่านั้น!
มันเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง นับประสาอันใดกับข้าบ่าวในวัง เพราะแม้แต่นางสนมธรรมดา และองค์หญิงองค์ชายที่ไม่เป็นที่โปรดปรานก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ใช้มัน
เหตุผลที่นางคุ้นเคยก็เพราะว่านางชอบมันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหนังสือ ภาพวาด หรืออื่นๆ กระดาษไขนี้เป็นกระดาษที่นางชอบใช้มากที่สุด
ทันใดนั้นการเดานับไม่ถ้วนผุดขึ้นในใจของฉู่หลิวเยว่
กระดาษไขชนิดนี้มีค่าอย่างยิ่ง และเป็นเครื่องเซ่นไหว้พิเศษของราชวงศ์เทียนลิ่งมาโดยตลอด และเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะได้รับมัน
คนที่สามารถรับกระดาษไขนี้ได้ และยังส่งให้กับนางโดยเฉพาะ…
นางหลับตาลงอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ และเปิดจดหมายอย่างช้าๆ
บนกระดาษที่นุ่ม และละเอียดอ่อน มีการเขียนเพียงบรรทัดเดียว
“ซั่งกวนเยว่ สบายดีหรือไม่”