ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 340 แก้พิษ
ตอนที่ 340 แก้พิษ [รีไรท์]
มู่ชิงเห่อเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาเพื่อเป็นการเตือน
เห็นได้ชัดว่าเจี่ยนเฟิงฉือไม่ได้จริงจังสิ่งที่ตนเอ่ยก่อนจะยิ้มอย่างสง่างาม
“แม้แต่ข้าก็ยังดูออก เจ้าดูไม่ออกเลยหรือ ดวงตาคู่นี้ช่างน่าสมเพชจริงๆ…”
“เจี่ยนเฟิงฉือ!”
เสียงของมู่ชิงเห่อเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
เจี่ยนเฟิงฉือหยุดพูดพลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“เอาน่า ข้าไม่พูดแล้ว”
แม้ว่าเขาจะพูดกับมู่ชิงเห่อ แต่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่
พูดตรงๆ ก็คือใบหน้าของนางนั่นเอง
“ไม่รู้ว่าคนนั้นชื่ออันใดหรือ”
เจี่ยนเฟิงฉือเป็นชายร่างสูงและรูปลักษณ์งาม เมื่อดวงตาของเขาจ้องมองไปที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างจริงจัง ก็ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นทะเลคลื่นที่เต็มไปด้วยความคลุมเครือและความเสน่หาจนทำให้คนหลงจมลงไปได้
ฉู่หลิวเยว่คิดอย่างไม่แน่ใจ นางไม่รู้เลยว่าเขาจะชนะใจแม่นางในแคว้นนี้ไปเท่าไหร่แล้ว
ผู้คนในราชวงศ์เทียนลิ่งทั้งหมดรู้ว่าเจี่ยนเฟิงฉือเป็นคนที่เจ้าชู้เพียงใด แต่ก็ยังมีแม่นางอีกนับไม่ถ้วนที่เดินไปเข้าหาเขาทีละคนเพียงเพื่อขอให้เขาได้เห็นตัวเองสักหน่อย
แต่คนอย่างเจี่ยนเฟิงฉื่อนั่นอยู่ท่ามกลางดอกไม้โดยที่ใบไม้ก็ไม่เกาะติดอยู่เสมอ
ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยเข้าใจว่าเขาทิ้งแม่นางเหล่านั้นอย่างไร และทำอย่างไรให้พวกนางที่โดนทิ้งทั้งหมดนั่นไม่กลับมาร้องเรียนใดๆ กับเขาทั้งยังหลงหัวปักหัวปำด้วย
ฉู่หลิวเยว่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อระงับความอยากที่จะต่อยชายที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะต้องแสร้งเผยรอยยิ้มที่สุภาพสมบูรณ์แบบที่สุดออกไป
“ฉู่หลิวเยว่”
“โอ้!”
ดวงตาของเจี่ยนเฟิงฉือเป็นประกายขึ้นครู่หนึ่ง เขาเหลือบมองมู่ชิงเห่อด้วยความสนใจเป็นพิเศษ ก่อนที่จะยิ้มพลางพูดลากเสียงยาว
“…เป็นชื่อที่ไพเราะยิ่งนัก”
ฉู่หลิวเยว่ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเขา ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายมีตัวตนที่แตกต่างกัน นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำความรู้จักเขา
“ขอบคุณสำหรับคำชมของท่านนายน้อยเจี่ยน หลิวเยว่ขอบพระทัยอย่างยิ่งที่ท่านมาไกลกว่าหลายพันกิโล เพื่อมาช่วยพวกเรา”
เจี่ยนเฟิงฉือยังคงยิ้ม แต่ก็มีความรู้สึกแปลกใจเกิดขึ้นเช่นกัน
เมื่อแม่นางหลายคนได้พบเขา พวกนางจะหน้าแดงและหัวใจเต้นถี่รัว แม้แต่ดวงตาที่แย่ที่สุดก็ยังเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างน่าอัศจรรย์
แต่แม่นางที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้นั้น ตั้งแต่เห็นเขาสีหน้าของนางกลับไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ…
ไม่น่าแปลกใจที่นางสามารถพูดคุยกับมู่ชิงเห่อและขอความช่วยเหลือจากเขาได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลพิเศษ เขาไม่คิดว่ามู่ชิงเห่อจะเต็มใจใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเชิญเขามาแน่นอน
“ได้อย่างไรกัน แม่นางงดงามวอนขอให้ช่วยเช่นนี้ เฟิงฉือเป็นเกียรติยิ่งนัก”
ฉู่หลิวเยว่แอบกลอกตาในใจ
ข้าคิดว่าเวลาผ่านไปหนึ่งปีแล้วหลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนไปเสียอีก
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าพลังของเจี่ยนเฟิงฉือจะยังคงถูกรักษาไว้อย่างดี
“ถ้าอย่างนั้น…เชิญรองแม่ทัพมู่และนายน้อยเจี่ยนเข้ามาข้างในก่อน”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ต้องการยืดเยื้อนาน นางจึงหันไปด้านข้างและเชิญพวกเขาเข้าไปในบ้าน
“เจ้านำทางไปก่อนเถิด”
มู่ชิงเห่อกล่าว
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้พูดอันใด ก่อนจะเดินนำเขาไป
เมื่อมองที่ด้านหลังของนาง เจี่ยนเฟิงฉือก็สะกิดแขนของมู่ชิงเห่อพลางกระซิบเสียงเบา
“ดูเหมือนข้าจะรู้แล้วว่าทำไมเจ้าถึงชวนข้ามาที่นี่”
การแสดงออกของมู่ชิงเห่อเย็นชาเช่นเคย เขาเดินไปข้างหน้าโดยไม่ได้มองด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจจะสนใจเจี่ยนเฟิงฉือ
แต่เจี่ยนเฟิงฉือไม่สนใจความคิดที่จะไม่แยแสของเขาพลางเผยรอยยิ้มที่มุมปากมากขึ้น
“ข้ายังไม่ได้บอกว่านางเป็นใคร ทำไมเจ้าถึงโกรธแล้วล่ะ”
ฝีเท้าของมู่ชิงเห่อหยุดชะงัก
“ถ้าเจ้าไม่ต้องการหินหยาบห้าสี ก็แค่พูดต่อ หรือไม่ก็กลับไปเดี๋ยวนี้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือหยุดนิ่ง
“ข้าแค่พูดล้อเล่น ทำไมเจ้าต้องจริงจังด้วย… ได้ ข้าสัญญา ข้าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก พอใจหรือยัง?”
หลังจากเอ่ยจบ เขาก็เดินต่อและแอบคิดว่าคนคนนี้อารมณ์จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนฉู่หลิวเยว่นั้นไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูด
เมื่อพวกเขาเดินไปที่ประตูมู่หงอวี่และจีฉ่างก็กำลังรออยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าเจี่ยนเฟิงฉือยังเด็ก ทั้งคู่ก็ประหลาดใจเล็กน้อย
จีฉ่างนั้นยังดี แต่มู่หงอวี่นั้นเป็นคนคิดมากอยู่เสมอและใบหน้าของนางบ่งบอกออกมาว่า ‘คนนี้จะทำได้จริงหรือ’
เจี่ยนเฟิงฉือมองไปที่มู่หงอวี่ด้วยความสนใจ
“ดูเหมือนแม่นางคนนี้จะไม่ได้ไว้ใจข้า”
มู่หงอวี่ไม่รู้สึกอายและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“ใช่ ข้าคิดเช่นนั้น”
เจี่ยนเฟิงฉือกำลังรอมู่หงอวี่ตอบกลับอย่างสุภาพ แต่เขานึกไม่ถึงว่านางจะยอมรับ แถมยังมีคำเยาะเย้ยในลำคอของนางอีกด้วย
“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับเชิญจากรองแม่ทัพมู่ ต้องเป็นแพทย์ที่มีความสามารถมากแน่นอน!”
เจี่ยนเฟิงฉือรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างเกียจคร้าน
“แม่นางน้อย ครั้งต่อไปถ้าเจ้าจะสรรเสริญใคร อย่าเว้นช่วงนานเกินไปล่ะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีภูมิหลังมากมาย มู่หงอวี่จึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แต่นางกำลังคิดอยู่ในใจว่าทำไมชายคนนี้ถึงยิ้ม…แปลกๆ เช่นนี้?
ฉู่หลิวเยว่แนะนำนางอย่างคร่าวๆ ให้กับพวกเขาแล้วรู้จักก่อนจะเข้าประเด็นของพระชายาผิงเจียงทันที
“รองแม่ทัพมู่ น้ายน้อยเจี่ยน นี่คือพระชายาผิงเจียง และครั้งนี้ข้าหวังว่านายน้อยเจี่ยนจะช่วยได้”
องค์หญิงผิงเจียงยิ้มอ่อนๆ
“ข้าขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ท่านทั้งสองคนต้องลำบาก แต่ข้าลุกจากเตียงไม่ได้…”
ดวงตาของเจี่ยนเฟิงฉือหรี่ลงเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าพระชายาจะถูกวางยาพิษ…”
พระชายาผิงเจียงเบิกตาขึ้นเล็กน้อย
“นายน้อยเจี่ยนมีความสามารถมาก และท่านก็สามารถเดาได้ว่าข้าถูกวางยาพิษก่อนที่ท่านจะวัดชีพจรด้วยซ้ำ”
เจี่ยนเฟิงฉือเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ
ถ้าแม้แต่เขารักษาไม่ได้ก็คงจะไร้ประโยชน์มากแล้ว
มู่หงอวี่รู้สึกตื่นเต้นและรีบลุกขึ้น เพื่อให้เจี่ยนเฟิงฉือวัดชีพจร
“นายน้อยเจี่ยน ได้โปรดเชิญทางนี้”
ขณะที่นางพูด นางก็เดินไปที่ด้านข้างของฉู่หลิวเยว่ก่อนจะกระซิบ
“ผู้คนในราชวงศ์เทียนลิ่งเยี่ยมยอดจริงๆ แพทย์ที่เคยรักษาแม่ข้ามาก่อนหน้านี้ไม่มีใครเคยรู้เลยว่าแม่ของข้าถูกวางยาพิษ ถ้ายังไม่ได้ตรวจชีพจร!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
แม้ว่าเจี่ยนเฟิงฉือจะไม่ใช่คนดี แต่ความสามารถของเขาก็ยังมีอยู่มาก
มิฉะนั้นคงไม่โอ้อวดถึงเพียงนี้
เจี่ยนเฟิงฉือหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วทาบที่ข้อมือของพระชายาผิงเจียงก่อนจะวางนิ้วลงตรงแขนเสื้อ
มู่หงอวี่ลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยต่อ
“ตอนแรกข้าคิดว่าเขาจะรักษาได้… ไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่เลย!”
ฉู่หลิวเยว่และนางมองหน้ากัน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางมักจะรู้สึกว่าคำพูดของมู่หงอวี่ในตอนนี้ดูเหมือนจะหมายความว่า ‘เขาดูไม่เหมือนคนที่มีความสามารถ’
แต่เมื่อเห็นว่ามู่หงอวี่ไม่ได้หลงใหลเจี่ยนเฟิงฉือ นางก็คลายใจ เพราะที่จริงแล้วนางไม่ต้องการให้มู่หงอวี่ชอบพอกับชายคนนี้
เจี่ยนเฟิงฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย
ดูเหมือนพวกนางจะไม่รู้ว่าถึงแม้จะคุยกันเสียงเบา แต่เขายังคงได้ยินอย่างชัดเจนไม่ใช่หรือ
ทันทีที่การแสดงออกของเขาหยุดนิ่ง
หลายคนในห้องที่กำลังมองมาที่เขาก็เกิดความสงสัย
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ทุกคนก็เงียบลง
มู่หงอวี่ไม่สามารถซ่อนความกังวลของเขาได้ นางจับมือฉู่หลิวเยว่ไว้อย่างแน่น
ฉู่หลิวเยว่ตบหลังมือของนางเบาๆ
พระชายาผิงเจียงกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง แม้ว่าดวงตาของนางจะสลัว แต่นางยังมองเห็นความหวังจางๆ
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็คิดอันใดบางอย่างออกและหันมองไปยังจีฉ่างที่ยืนอยู่ข้างนาง
ในขณะนี้ มือของเขาถูกพับไว้ข้างหน้า ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่เจี่ยนเฟิงฉือท่าทางประหม่าอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่เห็นแม้กระทั่งตอนที่เขาเลียริมฝีปากที่แตกของเขา ด้วยสีหน้าที่ดูกังวลและเครียด
เจี่ยนเฟิงฉือปล่อยมือของนาง
จีฉ่างเป็นคนเอ่ยปากถามขึ้นคนแรก
“นายน้อยเจี่ยน ท่านช่วยแก้พิษให้พระชายาได้หรือไม่?”