ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 343 คืบหน้า
ตอนที่ 343 คืบหน้า [รีไรท์]
เมื่อแก้ไขปัญหาของมู่หงอวี่ได้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เตรียมตัวร่ำลา
มู่หงอวี่งุนงงเล็กน้อย
“เจ้าจะไปแล้วรึ?”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองมู่ชิงเห่อพลันกระตุกยิ้มมุมปาก
“เวลาใกล้หมดแล้ว ฉะนั้นข้าจึงต้องรีบไป เจ้าวางใจเถอะ รองแม่ทัพมู่และนายน้อยเจี่ยนรับปากที่จะช่วยเจ้าแล้ว อย่างไรเสีย พวกเขาจะต้องรับผิดชอบในเรื่องที่รับปากไว้แน่นอน หากเจ้าต้องการวัตถุดิบปรุงยา ก็จงไปหาคุณชายรองเหยียนที่ร้านเจินเป่าเก๋อ ให้เขาหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากบัญชีของข้า เมื่อข้ากลับมา ข้าจะไปคุยกับเขาเอง”
มู่หงอวี่สายศีรษะอย่างมาดมั่น
“ไม่ได้! เจ้าช่วยข้าหลายเรื่องแล้ว จะให้เจ้ามาจ่ายค่าวัตถุดิบแทนอีกได้อย่างไร?”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และไม่ได้ดึงดันต่อไป
“อย่างนั้นเจ้าก็บอกไปว่า เห็นแก่บุญคุณที่เขาติดค้างข้าไว้ รับรองว่าเขาต้องช่วยรวบรวมสมุนไพรให้เจ้าแน่”
ฤทธิ์ของพิษในร่างกายพระชายาผิงเจียงนั้นซับซ้อนเสียจริง ทว่าเมื่อมาเจอความแข็งแกร่งของเจี่ยนเฟิงฉือแล้ว ย่อมไม่มีปัญหา
แต่อาจต้องใช้วัตถุดิบชนิดพิเศษเข้าช่วย
มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาวัตถุดิบชนิดพิเศษในเมืองหลวง แต่ในเจินเป่าเก๋อต้องมีแน่นอน
หากมู่หงอวี่ไปคนเดียว คุณชายรองเหยียนคงไม่เอามันออกมาให้ดูเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงให้มู่หงอวี่อ้างอิงถึงชื่อนาง ซึ่งในกรณีนี้คุณชายรองเหยียนอาจจะเต็มใจที่จะช่วยก็ได้
ทว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้อธิบายรายละเอียดอื่นๆ นอกจากนี้ให้มู่หงอวี่ฟัง
แต่มู่หงอวี่ฉลาดมาก เจ้าตัวสามารถจับทางและเดาได้ในใจ ชั่วขณะหนึ่งนางต้องการพูดอันใดบางอย่าง แต่พอจะอ้าปาก คำพูดเหล่านั้นกลับชะงักค้างอยู่ในลำคอ
และสุดท้ายก็หลุดออกมาเพียงประโยคเดียว
“ขอบใจเจ้ามากนะ หลิวเยว่”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับ
สำหรับเจี่ยนเฟิงฉือนั้น แม้ว่านางจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเขา และมองว่าเขาขวางหูขวางตา แต่เขาก็เป็นอีกคนที่พูดจริงทำจริง
ถ้าเขาบอกว่าจะกลั่นยาอยู่ที่นี่และช่วยพระชายาผิงเจียง เขาจะทำมันอย่างแน่นอน
สีหน้าของมู่หงอวี่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ
เดิมทีฉู่หลิวเยว่ตั้งใจจะเตือนมู่หงอวี่ให้ระวังเจี่ยนเฟิงฉือ แต่เมื่อคิดๆ ดูแล้ว คงไม่จำเป็น
ไม่เช่นนั้นแม่นางที่แสนจริงจังคงเส้นคงวาอย่างมู่หงอวี่ คงได้กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจี่ยนเฟิงฉือแน่
ฉู่หลิวเยว่หันมองมู่ชิงเห่อ พลางถามด้วยรอยยิ้ม “รองแม่ทัพมู่ ท่านจะอยู่ที่นี่หรือว่าจะ…”
มู่ชิงเห่อไม่ตอบ แต่สาวเท้าเดินออกไปเงียบๆ แทน
มู่หงอวี่โน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเสียงเบา
“หลิวเยว่ เจ้าว่าสีหน้ารองแม่ทัพมู่ดูแปลกๆ หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ตอบกลับเสียงเรียบ “หืม? เช่นนั้นหรือ ข้ามองไม่ออกเลย”
“จริงๆ นะ! เมื่อครู่ไม่รู้เพราะเหตุใด สีหน้าของเขาถึงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นนั้น แม้ก่อนหน้านี่เขาจะดูเย็นชาก็จริง…แต่…แต่ว่า…”
มู่หงอวี่ขมวดคิ้วมุ่นเชิงไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดอย่างไร
“เอาเถอะ ข้าแค่รู้สึกไม่ดี เหมือนพริบตาก็นึกถึงเรื่องแย่ๆ ขึ้นมา… อาจเพราะข้าไม่เคยเห็นเขาทำหน้าแบบนั้นก็เป็นได้”
ฉู่หลิวเหย่ยิ้มบาง
“ข้าไม่ได้สังเกตเลย”
หากเป็นไปได้ นางก็อยากวิ่งตามเขาไปให้ทัน แล้วถามว่าเขาเป็นอันใด
อึดอัดหรือ
รึละอาย?
นางก็แค่พูดอันใดบางอย่างเช่น การ “ทรยศ” ออกไปเท่านั้น
เขากำลังคิดอันใดอยู่นะ?
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ เขาเคยคิดถึงความรู้สึกของนางด้วยหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับถอนหายใจ
และจู่ๆ นางก็อยากจะรู้ว่า หากมู่ชิงเห่อรู้ว่านางคือ ‘นาง’ คนนั้น เขาจะแสดงออกเช่นไร?!
อีกทั้ง…ยังมีคนเหล่านั้น…
“หลิวเยว่? หลิวเยว่!”
พอมู่หงอวี่สังเกตเห็นว่ารัศมีรอบกายของฉู่หลิวเยว่เย็นลง และยังปะปนด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง จิตใจของนางก็อยู่ไม่สุข พลันเอ่ยปากเรียกทันที
ฉู่หลิวเยว่ดึงสติกลับมา ก่อนจะเห็นสีหน้าเป็นกังวลของอีกฝ่าย
“เจ้า…ไม่เป็นอันใดใช่ไหม?”
บรรยากาศเย็นเยือกรอบตัวฉู่หลิวเยว่หายไปอย่างรวดเร็ว และรอยยิ้มเล็กๆ ก็ปรากฏที่มุมริมฝีปากของนาง
“ข้าไม่เป็นไร”
ที่เป็นน่ะ คนพวกนั้นมากกว่า!
…
เมื่อมู่ชิงเห่อกลับมาถึงบ้านของตน
น้อยครั้งที่จิตใจของเขาจะรู้สึกกระวนกระวายเช่นนี้ และมันก็เหมือนมีอันใดบางอย่างมาปิดกั้นหัวใจเขาไว้จนอึดอัดไปหมด
เขาหลับตาพยายามสงบสติลง ทว่าสิ่งที่ฉู่หลิวเยว่พูดยังคงก้องกังวานอยู่ในใจ เหมือนคำสาปร้ายที่กัดกินเจ้าของร่าง
“…บนโลกนี้ แม้แต่คนที่เจ้าสนิทสนมและไว้วางใจมากที่สุด ก็อาจทรยศเจ้าได้ เมื่อถึงตอนนั้น ตัวเจ้าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ก็ไม่มีทางรู้ได้เลย”
เสียงใสและไพเราะของนางดังก้องอยู่ในหูของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มันไม่ถูกต้อง…
แบบนี้มันไม่ถูกต้อง!
มู่ชิงเห่อฝืนหาเหตุผลอื่นมาสนับสนุนความคิดของตัวเอง เขานั่งลงบนเก้าอี้และคิดจะลุกไปชงชาให้ตตนเองเหมือนอย่างที่ผ่านมา
เมื่อใดก็ตามที่เขาอารมณ์เสีย เขามักจะทำเช่นนี้เพื่อให้ตัวเองสงบลง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขารินชา ตาคมกลับจับจ้องไปยังถ้วยน้ำชา พลันนึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกคนคิดว่าเขาชอบดื่มชา แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่
เพียงแต่ครั้นนึกถึงเรื่องชงชา มันกลับทำให้เขาสงบลงได้
ทว่าไม่นานเขากลับรู้สึกปวดแสบปวดร้อน ร่างสูงสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะพบว่ายามที่เขาสติหลุดนั้น เขาเผลอทำชาร้อนๆ หกลวกมือตนเองเข้าเสียได้
เขาหลับตาลงอย่างหงุดหงิด พลันกวาดชุดน้ำชาบนโต๊ะลงพื้นด้วยความโกรธเกรี้ยว!
เพล้ง!
เสียงแก้วแตกดังกังวานท่ามกลางห้องอันแสนว่างเปล่า และนั่นยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความอ้างว้างภายใน
พลันความเจ็บปวดมากมายก็ทะลักออกมาจากหัวใจ!
สีหน้าของมู่ชิงเห่อเปลี่ยนไปทันตา พลางยกมือขึ้นกุมแผ่นอกหนาที่กำลังหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ หยิบกระจกทองสัมฤทธิ์รูปเพชรออกมาด้วยความยากลำบาก
ปีศาจแดงไม่ได้แผลงฤทธิ์แต่อย่างใด แต่ร่างของเขากลับตึงเครียด!
วินาทีต่อมากระจกทองสัมฤทธิ์รูปเพชรก็เปล่งแสงเจิดจ้า!
เพียงพริบตาก็เกิดการบิดเบือนของมิติที่มองไม่เห็นขึ้นภายในห้อง!
แสงเรืองรองบนกระจกค่อยๆ หายไป ก่อนจะมีคลื่นน้ำสีแดงเข้มพุ่งขึ้นมา!
พร้อมกับเสียงบางอย่างที่ดังลอดออกมาจากในกระจก
“มู่ชิงเห่อ ข้าสั่งให้เจ้าลงมือนานแล้ว เหตุใดจึงไม่มีความคืบหน้าเลย?”