ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 362 ซักถาม
ตอนที่ 362 ซักถาม [รีไรท์]
เมื่อได้ยินเสียงนั้น แววตาของฉู่หลิวเยว่ก็ประกายความเย็นชา
ทันใดนั้น นางก็เงยหน้าขึ้นมองย้อนกลับไปอย่างใจเย็น
คนที่เอ่ยขัดนั่นก็คือเฉิงหัน!
“ท่านจ้าวสำนัก ท่านมาได้อย่างไร?”
ผู้อาวุโสมั่วชังประหลาดใจอย่างยิ่ง
ช่วงนี้เฉิงหันกำลังวุ่นกับการสืบสวนเรื่องของหยางเจี้ยนชิงและเหิงจิ่งชั่ว จึงไม่ได้เห็นหน้าค่าตามาหลายวันและไม่ได้คาดหวังว่าจะปรากฏตัวในขณะนี้
“สิ่งที่ท่านเพิ่งเอ่ยไปว่า’ไม่อนุญาต’นั่นหมายความถึง… ฉู่หลิวเยว่”
เฉิงหันตวัดมองอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ถูกต้อง”
ผู้อาวุโสมั่วชังมึนงง เรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ถูก
จ้าวสำนักมิใช่ต้องการให้ฉู่หลิวเยว่รีบจากไปหรอกหรือ ยามนี้นางยอมจากไปแล้ว เพราะเหตุใดจึงไม่อยากให้นางไปอย่างกระทัน
“จ้าวสำนัก ท่าน…”
“ฉู่หลิวเยว่ เพราะเหตุใดข้าถึงยื้อเจ้าไว้ ในใจเจ้ารู้ดีใช่หรือไม่?” เฉิงหันที่ยืนห่างจากร่างของฉู่หลิวเยว่สามก้าว กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาและดุร้าย
หัวใจฉู่หลิวเยว่เต้นรัวเร็ว
หรือว่านางจะโดนจับได้เรื่องหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์
ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น… ความสามารถของเฉิงหัน ไม่น่าจะสูงถึงขั้นที่สามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้…
ใบหน้าที่เรียบเฉยของนางเผยให้เห็นรอยยิ้มเยาะ
“จ้าวสำนักเฉิงหัน ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดเรื่องอันใด”
“เจ้าไม่รู้หรือ” เฉิงหันแสยะยิ้มที่มุมปาก “เจ้าทำอันใดลงไป ก็น่าจะรู้ดีกว่าใครอื่น! หรงจิ้นใกล้มาถึงแล้ว คำพูดเจ้าเล่ห์เหล่านี้ เจ้าเก็บไว้พูดกับเขาเถอะ”
หรงจิ้น?
ในใจฉู่หลิวเยว่รู้สึกโล่ง ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องของหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์
เพียงแต่ว่า… เรื่องนี้เกี่ยวกับหรงจิ้นอย่างไร
นางขมวดคิ้วขึ้น
ในมุมของเฉิงหัน เห็นได้ชัดว่าการแสดงออกของฉู่หลิวเยว่เกรงกลัวและหวาดหวั่นว่าสิ่งที่ทำจะถูกเปิดเผย
เมื่อเห็นท่าทางของเฉิงหันที่ไม่สามารถปิดบังความยินดีในเรื่องร้ายได้ ในขณะเดียวกันฉู่หลิวเยว่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
หากจำไม่ผิด บัดนี้หรงจิ้นน่าจะกลับมาถึงแคว้นซิงหลัวแล้ว และเกี่ยวดองกับซือถูซิงเฉิง
ขณะที่นึกถึงเรื่องนั้น พลันปรากฏเสียงฝีเท้าขึ้นจากด้านหลังของนาง
เฉิงหันมองตามทันที พลันรอยยิ้มที่รอคอยมาเนิ่นนานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ฉู่หลิวเยว่หันหลังกลับไป
เพียงเพื่อต้องการมั่นใจว่าคนที่กำลังเข้ามาจากประตูนั้น หากไม่ใช่หรงจิ้นแล้วจะเป็นใคร?
เขาดูกังวลและร้อนรน เห็นได้ชัดว่าเขามาจากที่ไหนสักแห่งด้วยความรีบร้อน
ทันทีที่ดวงตาของทั้งสองสบกัน
หรงจิ้นก็หยุดลงกะทันหัน
ระหว่างทาง เขาคิดมาตลอดว่าจะเอ่ยถามฉู่หลิวเยว่อย่างไรเมื่อเจอนาง แต่ในยามนี้ที่เขาพบนาง สมองของเขากลับว่างเปล่า
จริงๆ แล้วในใจของเขา ไม่ได้ต้องการจะเผชิญหน้ากับฉู่หลิวเยว่แบบนี้ แต่…
ฉู่หลิวเยว่มองเห็นสายตาที่ดูสับสน จึงหรี่ตาลงเล็กน้อย
ครู่หนึ่ง นางมองซือถูซิงเฉินที่อยู่ด้านหลังของหรงจิ้น
นางอยู่ห่างจากหรงจิ้นหนึ่งก้าว ดูเหมือนพวกเขาจะมาด้วยกัน
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นเห็นฉู่หลิวเยว่ ก็รู้สึกตกใจอย่างกะทันหัน ราวกับไม่ได้คาดการณ์ว่าจะเจออีกฝ่ายที่นี่
ทว่าไม่นานนัก ก็รีบทำตัวให้เป็นปกติ
นางวางท่าทีอย่างสบายๆ แล้วเดินไปยืนข้างหรงจิ้น ก่อนกล่าวเบาๆ
“องค์รัชทายาท คุยกันดีๆ อย่าให้ขุ่นเคืองกันจนเกินไปล่ะ”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างซือถูซิงเฉินกับหรงจิ้นดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด
พวกเขาพบหน้ากับเพียงไม่กี่ครั้งไม่ใช่หรือ
หรงจิ้นเหลือบมองซือถูซิงเฉิน แล้วพยักหน้า
“วางใจเถิด ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นกอดอกอย่างครุ่นคิด
นางเพียงเข้าไปอ่านหนังสือในหอสมุดแค่ไม่กี่วัน ทว่าภายนอกนั้นราวกับเกิดเรื่องขึ้นมากมาย…
“ท่านเฉิงหัน ขอบคุณที่ท่านช่วยข้าหยุดนางไว้”
หรงจิ้นกำหมัดทั้งสองข้างแน่น แล้วทักทายเฉิงหัน
เฉิงหันโบกมือ
“ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บเอาไปคิด! ซิงเฉินบอกกับข้าว่าจะต้องช่วยเจ้าให้ได้ ข้าต้องช่วยอยู่แล้ว”
หรงจิ้นมองซือถูซิงเฉินอย่างซาบซึ้งใจ
“ขอบใจ”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะ องค์ชาย” ซือถูซิงเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
หากไม่ใช่เพราะนางเคยเห็นลายเมฆบนเสื้อของซือถูซิงเฉิน และเห็นท่าทีที่ตอนเผชิญหน้ากับซิงเฉิน นางคงจะเข้าใจว่า ซือถูซิงเฉินแอบมีใจให้หรงจิ้นจริงๆ
อย่างอื่นคงไม่ต้องกล่าวถึง แต่ทักษะการแสดงยังถือว่าใช้ได้อยู่!
หรงจิ้นได้ยินดังนั้นก็คิดว่าฉู่หลิวเยว่กำลังเยาะเย้ยตน สีหน้าจึงเปลี่ยนในทันใด
“ฉู่หลิวเยว่ เจ้ากำลังหัวเราะสิ่งใดอยู่กัน”
ฉู่หลิวเยว่หมวดคิ้ว
“ไม่มีอันใด องค์รัชทายาทตามหาข้า มีเรื่องอันใดหรือ รีบพูดเถิด?”
หรงจิ้นชะงักไป แล้วถามด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า
“เรื่องของหรงเจิน เกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบหนึ่ง “เรื่องอันใดหรือ?”
เมื่อหรงจิ้นได้เห็นท่าทีของนาง ก็เปลี่ยนความคิดไปในทันใด
ดูเหมือนว่านางไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ…
แต่ซือถูซิงเฉินบอกอย่างชัดเจนว่าเห็นฉู่หลิวเยว่และหรงเจินอยู่ด้วยกัน
“ข้าถามว่า ก่อนหน้านี้เจ้าทำบางอย่างกับหรงเจินใช่หรือไม่”
ความคิดของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้นางทำอย่างลับๆ ตามหลักแล้วไม่ควรมีใครสังเกตเห็น
เพียงแต่ว่า ก็ไม่ใช่ว่าจักรพรรดินีจะไม่รู้ว่าเป็นนาง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หรงเจินทำก่อนหน้านั้น จักรพรรดินีต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่
ทว่านางคงเล่าเรื่องที่คาดเดาเหล่านี้ให้แก่หรงจิ้นฟังราวกับเป็นเรื่องปกติ
แต่…
เมื่อเห็นท่าทางของหรงจิ้น เหตุใดนางจึงรู้สึกราวกับว่าเรื่องนี้มีคำตอบที่แน่วแน่อยู่แล้ว?
ฉู่หลิวเยว่สายหน้า
“องค์รัชทายาท ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าท่านกำลังถามเรื่องอันใด ยามนี้องค์หญิงสี่อยู่ในตำหนักแคว้นเย่าเฉินมิใช่หรือ เหตุใดท่านต้องมาหานางจากข้า”
ท้ายที่สุดหรงจิ้นก็ไม่สามารถอดทนต่อไปได้แล้ว เขาเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วตวาดออกมาด้วยความโกรธเคือง
“เจ้าเลิกเสแสร้งได้แล้ว! หรงเจินหายไป ต้องเป็นฝีมือของเจ้าแน่ๆ มีคนเห็นว่านางอยู่กับเจ้าก่อนนางจะหายไป”
ฉู่หลิวเยว่กระพริบตา แววตามีความชัดเจน และแฝงไปด้วยความสับสนจางๆ
“องค์หญิงสี่หายไปหรือ ตั้งแต่ยามใด?”
หรงจิ้นมองสีหน้าของนาง ในใจก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
หรือว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ
แววตาของฉู่หลิวเยว่กลอกไปมาเล็กน้อย แล้วมองไปที่ซือถูซิงเฉินด้วยความสนใจ
นางคิดว่า นางรู้ว่าสาเหตุที่หรงจิ้นรู้เรื่องนี้แล้ว
“องค์หญิงซือถู ข้าขอถามท่านสักหน่อย ท่านเป็นผู้บอกองค์ชายว่าเห็นข้ากับองค์หญิงสี่หรือ”
ซือถูซิงเฉินกัดริมฝีปาก และมีรอยย่นอยู่บริเวณคิ้ว ดูน่าสังเวช
“ข้า… เห็นจริงๆ ขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าองค์หญิงสี่หายตัวไป เพียงแต่เมื่อท่านถามขึ้นมา ข้าจึงพูดอย่างไม่ตั้งใจ ข้า… ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ยกขึ้น
ดีมาก
เพียงประโยคเดียว ทำให้ความน่าสงสัยค่อยๆ กลายเป็นความแน่ใจ!
หรงเจินหายไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางจริงๆ
เพียงแต่ นางจำไม่ได้จริงๆ ว่าตนไปพบกับหรงเจินเมื่อใด
ก่อนออกจากวัง นางไม่เคยเผยใบหน้าให้ตนเห็นเลย
ซือถูซิงเฉินแค่พูดปด
“ฉู่หลิวเยว่ ถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังจะแก้ตัวอันใดอีก”
หรงจิ้นมองฉู่หลิวเยว่ครู่หนึ่งโดยไม่เอ่ยใดใด และยังนึกว่านางยอมรับแล้ว จึงเอ่ยปากอีกครั้ง
เมื่อเงียบไปชั่วขณะ เขาก็พูดอีกครั้ง
“ข้ารู้ว่าขณะนี้หรงเจินยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่ยอมมอบตัวนางให้ข้า ข้ารับรองว่า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!”
ฉู่หลิวเยว่มองเขาอย่างเย็นชา
“องค์ชายแค่อาศัยรับฟังคำพูดของจากซิงเฉินฝ่ายเดียว แล้วจะลงโทษข้าหรือ”