ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 369 เชิญ
ตอนที่ 369 เชิญ [รีไรท์]
หลังจากที่หรงซิวจูบจนพอใจแล้ว เขาก็ค่อยๆ ปล่อยฉู่หลิวเยว่ออกมาอย่างช้าๆ
เขาหลุบตามอง ริมฝีปากแดง และบวมเล็กน้อยของผู้หญิงตรงหน้า เขาลูบปลายนิ้วบนริมฝีปากนั้นอย่างเบามือ พร้อมพูดอย่างเนิบนาบ
“อื้อ ดูเหมือนว่าเจ้าจะตัดสินใจถูกต้องแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ได้สติกลับมาก็หันไปมองที่เขาทันที
แววตาเครือหยาดน้ำ ไม่มีความดุร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว และยังดูงดงามน่าหลงใหลอีกด้วย
หรงซิวหัวเราะเบาๆ จูบนางซ้ำๆ ในที่สุดก็ปล่อยนางออก
“มานี่สิ”
ฉู่หลิวเยว่เดินอ้อมโต๊ะมาหยุดยืนที่ข้างเขา พร้อมเอนตัวไปมองหนังสือที่เขาเพิ่งอ่านไป
“ท่านกำลังอ่านอันใดอยู่หรือ?”
เกือบทุกครั้งที่นางมาหา เขาจะอ่านหนังสืออยู่ตลอด
นางเหลือบตามอง เหมือนว่าสิ่งนั้นจะเป็นชีวประวัติเล่มหนึ่ง
หรงซิวกอดเอวบางๆ ของนางไว้ในอ้อมแขน
ฉู่หลิวเยว่พิงศีรษะกับหน้าอกของหรงซิว
มือข้างหนึ่งของหรงซิวโอบกอดฉู่หลิวเยว่ มืออีกข้างหนึ่งก็หยิบหนังสือขึ้นมา
“อยากอ่านหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่คิดว่ามือของหรงซิวมีเวทย์มนต์แน่นอน เพียงแค่เขาวางมือไว้ที่เอว ก็รู้สึกร้อนขึ้น ร่างกายของนางก็เหมือนจะรู้สึกอบอุ่น และผ่อนคลาย
ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมในช่วงนี้ ผ่อนคลายลงไม่น้อย
นางรับหนังสือเล่มนั้นมา เมื่อเห็นชื่อหนังสือ นางก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ
“เจ้าย้ายออกมาจากสำนักแล้วหรือ?”
นางจำได้ว่าหนังสือเล่มนี้ที่ลานอี๋เฟิงมาก่อน
หรงซิวเองก็ไม่แปลกใจที่นางจำได้ เขาจึงพยักหน้าน้อยๆ
“เสด็จแม่เก็บของให้ข้าเรียบร้อยแล้ว ข้าจึงไม่จำเป็นที่จะอยู่ที่นั้นต่อ”
แน่นอนว่าเขายังมีเหตุผลที่สำคัญกว่านั้น นั่นเพราะจะให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดอยู่ที่นั่นนานไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่นึกขึ้นได้ว่านางเองก็เก็บของมาจากหอคอยจิ่วโยวแล้ว นางจึงพยักหน้า แล้วเปิดหนังสือดู
ตั้งแต่หรงซิวกลับมาถึงเมืองหลวงเขาก็แกล้งป่วยมาตลอด เขาออกจากตำหนักองค์ชายหลีหวันน้อยมาก โดยปกติจะอยู่ที่นี่ตลอด
ความจริงแล้ว นางสงสัยมาก ปกติแล้วหรงซิวอ่านหนังสือแบบไหน หลังจากที่เหลือบตามอง ฉู่หลิวเยว่ก็ตกตะลึงมาก
ด้านบนโต๊ะเป็นแผนที่
อีกทั้งเป็นแผนที่ของเมืองหลวง
หลังจากที่นางมาเกิดใหม่ นางเคยตรวจสอบสถานการณ์รวมถึงภูมิประเทศโดยรวมของเมืองหลวง แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่นางเห็นแผนที่เมืองหลวง แต่นางก็สามารถรู้ได้ทันทีเลย
แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกตกใจมากกว่านั้นคือบนแผนที่นี้ มีรายละเอียดเขียนถึงจำนวนของกองกำลังทหารโดยละเอียดด้วย
สามารถเห็นสถานการณ์ป้องกันทั้งหมดของเมืองหลวงได้ทั้งหมด
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นผิดจังหวะไป
เดิมทีสิ่งที่หรงซิวอ่านทุกวันไม่ใช่หนังสือ แต่เป็น…
นางเงยหน้ามองหรงซิวโดยไม่รู้ตัว
“นี่…” สีหน้าของหรงซิวราบเรียบ เหมือนว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อันใด
ฉู่หลิวเยว่คิดว่า หรงซิวต้องคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าเขาอ่านแผนที่นี้ออก นางจึงอดกุมเสื้อตรงหน้าอกของหรงซิวไม่ได้
“หรงซิว เจ้า…อ่านสิ่งนี้ทุกวันหรือ?”
หรงซิวมองนาง ริมฝีปากยกยิ้มขึ้น พร้อมพูดเสียงเรียบ
“ไม่ใช่ทุกวัน อ่านบ้าง บางครั้งเพื่อคลายความเบื่อหน่าย”
ฉู่หลิวเยว่ “…” คลายความเบื่อหน่าย?
คนแบบไหนถึงจะอ่านของแบบนี้เพื่อคลายความเบื่อหน่าย
มีแผนที่ฉบับนี้หรงซิวจะสามารถครอบครองเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย
หากเขามีกำลังพล…แผนการทำลายเมืองหลวง ไม่ว่าช้าเร็วอย่างใดก็ต้องเกิดขึ้น!
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ยกขึ้น ในที่สุดก็อดเอ่ยปากถามขึ้นไม่ได้
“เจ้า…อ่านแผนที่เมืองหลวงหรือ?”
เดิมทีนางจะคิดว่าหรงซิวจะมีสีหน้าตกใจ แต่ว่าเขากลับยกยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมก้มหน้าแล้วจูบหน้าผากของฉู่หลิวเยว่
“เจ้าอ่านออกจริงๆ ด้วย”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
เดิมทีหรงซิวรู้อยู่แล้วว่านางสามารถอ่านออก และไม่ต้องการปกปิดนางเลยแม้แต่นิดเดียว
“เจ้า…ไม่กลัวว่าข้าจะพูดเรื่องนี้ออกไปหรือ?”
ในฐานะที่เป็นองค์ชาย แต่กลับมาสิ่งของแบบนี้อยู่ในมือ หากจักรพรรดิจยาเหวินรู้เรื่องนี้เข้า คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าใด
หรงซิวเลิกคิ้วเล็กน้อย และพูดตามหลักเหตุผล
“เจ้าคือว่าที่ภรรยาของข้า หากข้าเกิดเรื่อง เจ้าคงหนีไม่พ้นหรอก”
ฉู่หลิวเยว่ “…” ด้วยน้ำเสียงของเขาเหมือนกำลังจะพูดว่า
“เจ้าเป็นคนของข้า ตายไปก็เป็นผีของข้า”
หรงซิวเชิดคางของอีกฝ่ายขึ้น “เจ้าจะดูต่อก็ได้นะ”
ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลิกแผนที่ไปด้านหลัง
เมื่อมองไปสักพัก ก็พบว่าทั้งหมดเป็นแผนที่คล้ายๆ กัน
แม้ว่าลักษณะแผนที่จะแตกต่างกัน แต่ก็มีรายละเอียดเหมือนกัน
ฉู่หลิวเยว่อ่านไปอ่านมา ในใจรู้สึกตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ
แผนที่พวกนี้…ดูเหมือนว่ามากกว่าครึ่งเป็นของแคว้นเย่าเฉิน
เกรงว่าแม้ว่าในกองทัพอาจจะมีแผนที่ไม่ละเอียดขนาดนี้เลย
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจอย่างมาก “หรงซิว…เจ้าอ่านแผ่นที่พวกนี้ เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?”
หากไม่ใช่หรงซิวเพราะไม่มีกองกำลังอยู่ในมือ นางก็คิดว่าหรงซิวจะต้องวางแผนกบฏแน่นอน
“คงไม่ใช่เพื่อคลายความเบื่อหน่ายเท่านั้นใช่หรือไม่?”
หรงซิวมองนางอย่างตกใจ เขาอดจะหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ แล้วกอดนางแน่นขึ้น
ท่าทางที่นางกังวลใจเพราะเขา มันชวนให้ใจเต้นจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่หันสายตาไปยังหนังสือที่อยู่ด้านข้างของเขา
จู่ๆ ความคิดที่น่ากลัวของนางก็ปรากฏขึ้น หรือว่าหนังสือพวกนั้นคือ…
นางรู้มานานแล้ว ว่าหรงซิวแข็งแกร่งมากกว่าที่นางเห็น แต่สิ่งที่นางเห็นในตอนนี้ กลับเกินกว่าที่นางนึกจินตนาการมากนัก!
“กำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ?” หรงซิวถาม
แววตาของฉู่หลิวเยว่แสดงความเข้าอกเข้าใจ
“ข้ากำลังคิดว่า หรงจิ้นโชคร้ายแปดชั่วโคตรจริงๆ ที่ได้มาเจอเจ้า”
หรงจิ้นคิดว่าเขาสามารถหมั้นหมายกับซือถูซิงเฉินแล้ว จะสามารถรักษาตำแหน่งองค์รัชทายาทของตนเองให้มั่นคงได้ แม้แต่บัลลังก์มังกรก็อยู่ในกำมือของเขาแล้วอยู่ใใน็
อย่างที่ทุกคนรู้…
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น
เขาไม่สนใจที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับหรงจิ้น แต่ในเมื่อนางชื่นชมเขาขนาดนี้แล้ว เขาจึงเลือกยอมรับมันอย่างมีความสุข
ฉู่หลิวเยว่วางหนังสือเล่มนั้นไว้ที่เดิมแล้ว ขดตัวลงในอ้อมกอดของหรงซิว
หรงซิวลูบตัวนางผ่านผ้าไหมสีเขียวด้วยความอ่อนโยน
“ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว ลองพูดเรื่องอื่นดีหรือไม่ อย่างเช่นเรื่องวันแต่งงาน?”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป พร้อมขมวดคิ้วด้วยความเขินอาย
เรื่องแบบนี้ควรจะต้องปรึกษากันให้ดีจริงๆ อย่างที่หรงซิวกล่าว
ตอนนี้มู่ชิงเห่อยังอยู่ที่เมืองหลวง ไม่รู้ว่าเขาจะกลับไปที่ราชวงศ์เทียนหลิ่งเมื่อใด
หากเขาจะกลับไปเร็วๆ นี้ พวกเขาคงไม่มีเวลาจัดงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่
หากว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักพัก พวกเขายังมีเวลาจัดงานใหญ่ แต่หลังจากนั้นล่ะ นางไม่รู้ว่าจะต้องตามเขากลับไปที่ราชวงศ์เทียนหลิ่งเมื่อใด
อนาคตด้านหน้าช่างอันตรายยิ่งนัก นางไม่รู้ว่าหลังจากที่นางกลับมาแล้ว สถานการณ์ที่นี่จะเป็นอย่างใดบ้าง
หากเมื่อเพิ่มหรงซิวเข้ามา…มันก็จัดการได้ยากมากขึ้น
แน่นอนว่านางไม่ต้องการที่จะจากหรงซิวไป แต่ว่าเพราะราชวงศ์เทียนหลิ่งนางจึงจำเป็นต้องกลับไป
นางขมวดคิ้ว และครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานจากนั้นนางก็ผลักตัวออกจากอ้อมแขนของหรงซิว พร้อมเดินออกมานั่งฝั่งตรงข้ามของหรงซิวด้วยท่าทีจริงจัง
“หรงซิว ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเจ้า”
หรงซิวมองนางด้วยสายตาลึกล้ำ “ข้าจะตั้งใจฟัง”
…
วันรุ่งขึ้น ในที่สุดหรงจิ้นและซือถูซิงเฉินก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง
ตอนนั้นฉู่หลิวเยว่กำลังอยู่ที่เรือนของตนเอง นั่งขัดสมาธิ สองมือวางไว้ที่ต้นขา ดูดซับปราณฟ้าดินที่อยู่รอบๆ ตัว
ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงหมินกงกงดังขึ้นที่หน้าจวน “ใต้เท้าฉู่หนิง คุณหนูหลิวเยว่ ฝ่าบาทและฮองเฮากำลังรอพวกท่านอยู่ที่วังหลวง เชิญขอรับ!”