ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 375 ความจริง
ตอนที่ 375 ความจริง [รีไรท์]
เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหน้าคือจักรพรรดิจยาเหวิน หรงเจินก็ชะงักไป แววตาปรากฏความตกใจ
“เสด็จพ่อ!?”
เมื่อจักรพรรดิจยาเหวินเห็นหรงเจิน ในใจก็รู้สึกโล่งอก และความโกรธเกรี้ยวก็พวยพุ่ง
เขาระงับความโกรธในใจพร้อมถามว่า
“เจินเจิน เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด?”
“ข้า ข้า…”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของจักรพรรดิจยาเหวิน หรงเจินก็พูดติดอ่างขึ้นมา ผ่านไปสักพักนางก็ยังไม่ได้พูดอันใดออกมา
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตา หันไปมองหรงจิ้นและซือถูซิงเฉินที่กำลังช่วยพยุงฮองเฮาลงจากรถม้า
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง องค์รัชทายาท องค์หญิงสี่ก็อยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยนี่นา?”
หรงจิ้นเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็มองเห็นหรงเจินยืนอยู่หน้าประตูของบ้านหลังหนึ่ง
จู่ๆ คำพูดของเขาก็หายไปทันที ใบหน้าซีดขาว
ซือถูซิงเฉินที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เหตุใดหรงเจินถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ไม่ต้องพูดถึงผู้เฒ่าเหลียนหนิง วันนั้นนางเห็นฉู่หลิวเยว่พาตัวหรงเจินอยู่ไปนอกเมืองด้วยตาของตนเองไม่ใช่หรือ?
ในเมื่อซือเมิ่งตายเพราะนาง นางจึงต้องซ่อนตัวหรงเจินเอาไว้สิถึงจะถูกต้อง!
แล้วตอนนี้มันเกิดอันใดขึ้นเนี่ย?
หรงจิ้นมองไปที่ฮองเฮา “ฮองเฮา นี่…”
“เป็นไปไม่ได้”
ฮองเฮามองไปยังหรงเจิน ปฏิกิริยาดูร้อนรนมากกว่าผู้ใด นางสะบัดตัวหรงจิ้นออก แล้วเดินโซเซไปที่หรงเจิน
“เป็นไปไม่ได้ เจินเจินไม่ได้อยู่ที่นี่ คนคนนี้ต้องเป็นตัวปลอมแน่นอน”
เสียงของนางหวีดแหลมและแหบพร่า ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกแสบแก้วหูอย่างมาก
และเนื่องจากนางตกใจมาก ใบหน้าจึงบิดเบี้ยว ดูหน้าเกลียดเป็นที่สุด
จักรพรรดิจยาเหวินก็ไม่ซ่อนเร้นความรังเกียจในสายตา
“ฮองเฮา เจ้าไม่เพียงโกหก แต่เจ้าหลอกลวงเจิ้น ตอนนี้เจ้ายังไม่ยอมรับลูกสาวของตนเองอีกหรือ! เจ้าทำให้เจิ้นผิดหวังอย่างมาก”
ไม่ว่าอย่างใด เขาก็รักและดูแลหรงเจินมานานนับสิบปี เขามั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือหรงเจินตัวจริงแน่นอน
เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของฮองเฮา คาดไม่ถึงว่านางจะพูดเรื่องไร้สาระ นางสติฟั่นเฟื่อนจริงๆ
หรงเจินก็เหมือนถูกจักรพรรดิจยาเหวินทำให้ตกใจกลัวแล้ว จึงก้าวถอยหลังด้วยความประหม่า
“เสด็จแม่ ท่านหมายความว่าอย่างใด ข้าคือเจินเจินนะ”
“เจ้าไม่ใช่เจินเจิน เจ้าไม่ใช่…”
ฮองเฮาจ้องหรงเจินอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้ว่าปากจะปฏิเสธ แต่เสียงก็ค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ
…คนคนนี้ คือหรงเจินจริงๆ
ความรู้สึกสิ้นหวังถาโถมเข้ามา
“เจ้ารีบพูดมาซะ! ฉู่หลิวเยว่ส่งเจ้ามาที่นี่ใช่หรือไม่? ต้องเป็นนางแน่นอน ใช่หรือไม่?”
ในตอนนั้นฮองเฮาสติแตกไปแล้ว ท่าทางเหมือนเป็นคนบ้า
แววตาของจักรพรรดิจยาเหวินเต็มไปด้วยความเย็นชา
“หรงเจิน เจ้าพูดมา นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?”
หรงเจินรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างมาก ผ่านไปสักพักนางถึงค่อยได้สติกลับมา
“ข้า…ข้า…ใช่เพคะ ใช่ ฉู่หลิวเยว่พาหม่อมฉันมาที่นี่”
จักรพรรดิจยาเหวินถามต่อว่า “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หรงเจินเหลือบตามองฮองเฮาอย่างรวดเร็ว นางมองต่ำลงด้วยความน้อยใจ
“ก็ ก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะไปสำนักไท่เหยี่ยน…”
“องค์หญิงสี่พูดเป็นเล่น เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยล่ะ แล้วอีกอย่างหากข้าจะจับท่านขังจริงๆ จับไปไว้ที่ไหนก็ได้ เหตุใดต้องจับมาไว้ที่นี่ด้วย?”
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองไปรอบๆ
“พูดตามจริงนะ ข้าเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่ในทางกลับกันฮองเฮาเหนียงเหนียง…ได้ยินองค์ชายสามพูดว่า ท่านมาที่นี่เป็นประจำไม่ใช่หรือ? ข้านึกไม่ออกว่าเหตุใดต้องซ่อนองค์หญิงสี่ไว้ที่นี่ ข้าต้องสิ้นคิดอย่างใด ถึงซ่อนองค์หญิงสี่ไว้ที่นี่?”
หรงเจินตื่นตระหนกทันที
“เจ้านั่นแหละ เพราะเจ้า เจ้าเกลียดข้า ดังนั้น…”
“อาจจะเป็นเพราะองค์หญิงสี่โกรธเคืองข้าใช่หรือไม่? ท้ายที่สุด…พูดตามตรงนะ ข้าไม่เคยเอาเปรียบท่านเลยนะ พูดเรื่องความแค้นอันใดกัน?”
ฉู่หลิวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเบาสบาย
แม้ว่าประโยคนี้มันจะไม่น่าฟัง แต่คนอยู่ในสถานที่นี้ล้วนรู้ว่านี่เป็นความจริง
หรงเจินเคยทำให้ฉู่หลิวเยว่อับอายในงานเลี้ยงภายในวังหลวง ซึ่งมีจุดจบที่น่าอับอายมาก
จากนั้นนางก็หยวนตันแตกสลาย กลายเป็นขยะ แต่ฉู่หลิวเยว่กลับกลายเป็นที่มีพรสวรรค์ อีกทั้งนางก็ได้รับเลือกจากมู่ชิงเห่อ และมีโอกาสที่จะได้ไปราชวงศ์เทียนหลิ่ง
หากบอกว่าอิจฉา…นั่นจะเป็นเพราะหรงเจินไม่อาจทนดูฉู่หลิวเยว่ได้
ใบหน้าหรงเจินก็เพิ่มความอับอายมากขึ้น
หรงจิ่วพูดด้วยเสียงเรียบๆ “เสด็จพ่อ ตอนนี้ท่านเชื่อได้แล้วใช่หรือไม่ ว่าสิ่งที่ลูกพูดนั้นเป็นความจริง”
ใบหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินดูมืดมนและน่าดู “หรงเจิน เจ้าหลบไป ข้าจะเข้าไปดูว่าที่นี่มีความลับอันใดอยู่?”
หากฮองเฮาแอบหนีมาที่นี่บ่อยๆ เช่นนั้นที่นี่จะต้องมีอันใดสักอย่างแน่นอน
หรงเจินกัดริมฝีปาก พร้อมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ยอมขยับไปไหน
“เสด็จพ่อ ที่นี่ไม่มีอันใดเลยเพคะ ท่านไม่ต้องเข้ามาหรอกเพคะ”
“เจิ้นบอกให้หลบไป”
จักรพรรดิจยาเหวินตะโกนเสียงดัง หรงเจินชะงักไปด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดขาว
หมินกงกงกล่าวอย่างขมขื่น “องค์หญิงสี่ ท่านหลีกทางเถอะพ่ะย่ะค่ะ หรือท่านคิดว่าท่านจะสามารถหยุดยั้งฝ่าบาทได้จริงๆ หรือ?”
เรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว หรงเจินยังทำท่าทางเช่นนี้อีก แบบนี้จะหาทางลงให้ตนเองไม่ได้นะ
หรงเจินแววตาแดงก่ำ พร้อมมองไปที่ฮองเฮาด้วยความขลาดกลัว
จักรพรรดิจยาเหวินหัวเราะเย็นๆ “เจ้าจะมองนางด้วยเหตุใด! คำพูดของเจิ้นยังไม่ศักดิ์สิทธิ์พอเท่าฮองเฮาหรือ?”
หรงจิ้นรีบก้าวเดินมาด้านหน้า พร้อมพูดอย่างรีบร้อนว่า “เสด็จพ่อ ท่านอย่าเข้าใจผิด นี่ หรงเจินเจ้าหมายความว่าอย่างใดน่ะ?”
จักรพรรดิจยาเหวินขี้เกียจจะสนใจเขา แต่กลับมองไปที่ฮองเฮาด้วยแววตาลึกล้ำ
“ฮองเฮา เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าตามข้ามาด้านใน หรือว่าจะแสร้งทำตัวเป็นบ้าอยู่?”
ฮองเฮาสะอื้นไห้น้ำตาไหลพราก ดูแล้วท่าทางน่าสงสารอย่างมาก
แต่จักรพรรดิจยาเหวินจยาเหวินมอง ในแววตาของเขามีแต่ความขยะแขยง
เขายกเท้าขึ้นแล้วแล้วเดินไปข้างหน้า!
ฉู่หนิงรีบเดินตามไป พร้อมพูดว่า “ฝ่าบาท ม่านพลังนี้แข็งแกร่งมาก หากจะทะลวงเข้าไปคงจะไม่ดีนัก หรือจะให้กระหม่อมเป็นคนทำลายม่านพลังนี้?”
จักรพรรดิจยาเหวินยืนนิ่ง “ได้”
ฉู่หนิงรวบรวมพลังไว้กลางฝ่ามือ ปราณที่แข็งแกร่งค่อยๆ แผ่ขยายออกไป!
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นทันที จากนั้นพลังเหล่านั้นก็พุ่งออกไป
ตู้ม!
ม่านพลังโปร่งแสงโดนพลังโจมตีอย่างรุนแรง จนม่านพลังหมุนวนเป็นวงกลม
ระลอกคลื่นที่น่ากลัวแผ่ซัดไปโดยรอบ
หรงเจินที่ยืนอยู่ในม่านพลังนี้ ก็ได้รับผลกระทบจากการโจมตีครั้งนี้ นางถอยออกไปหลายก้าว จนเกือบจะล้มแล้ว
นางลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก นางกลับหลังหันไปมองอย่างตื่นตระหนก ราวกับกลัวอะไรสักอย่าง
ในตอนที่ฉู่หนิงเตรียมตัวจะลงมืออีกครั้ง ในที่สุดหรงเจินก็ตะโกนขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว
“หยุดได้แล้ว ข้าจะเปิดม่านพลังเอง”
“หรงเจิน”
หลังจากที่หรงเจินพูดเช่นนั้น นางก็กรีดร้องเสียงแหลมราวกับโดนกระตุกมาอย่างหนักหน่วง
หรงเจินตกใจและห่อไหล่อย่างขลาดกลัว “เสด็จแม่ เสด็จพ่อมาอยู่ที่นี่แล้ว ช้าเร็วอย่างใดก็ต้องรู้เรื่อง…”
เมื่อพูดจบ นางก็ยกมือมาสัมผัสม่านพลังอย่างสั่นไหว
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตามอง
เหมือนว่าหรงเจินจะซ่อนอันใดบางอย่างอยู่กลางฝ่ามือ
กึก
หลังจากเสียงกึก จู่ๆ ตรงกลางของม่านพลังก็เปิดขึ้นมา
จักรพรรดิจยาเหวินเดินตรงเข้าไป
“เสด็จแม่”
หรงจิ้นอุทานด้วยความประหลาดใจ
ทุกคนหันกลับมามอง และเห็นว่าจู่ๆ ฮองเฮาก็สลบไป
ฉู่หลิวเยว่ส่งเสียง “หึ” ออกมา
จะแสร้งเป็นลมตอนนี้ ก็เหมือนว่าสายไปแล้วหรือไม่?
แต่จักรพรรดิจยาเหวินเดินตรงเข้าไป และไม่สนใจฮองเฮาเลย
ฉู่หลิวเยว่และฉู่หนิงเดินตามเข้าไปทันที
เมื่อเห็นบรรยากาศรอบๆ ของจวนหลังนี้ ฉู่หลิวเยว่จึงอดสูดลมหายใจลึกๆ ไม่ได้