ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 381 ยกเลิกไม่ได้
ตอนที่ 381 ยกเลิกไม่ได้ [รีไรท์]
ซือเย่จือฟังคำพูดของจักรพรรดินีอย่างสับสน
หรงเจินไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่จักรพรรดินีเป็นคนซ่อนนางไว้?
แต่ท่าทางก่อนหน้านี้ ไม่เหมือนคนที่ซ่อนตัวลูกสาวของตัวเองเอาไว้เลย
นอกจากนี้ หากนางต้องการทำเช่นนี้จริงๆ เหตุใดซือเมิ้งถึงได้ตายอย่างแปลกประหลาดเล่า?
เขากดข่มความเจ็บปวดเอาไว้ โดยไม่สนใจเลือดที่รินไหลบนใบหน้าของตนเองเลย เขากลับรีบอ้อนวอนว่า
“ฝ่าบาท แม้ว่าข้าน้อยจะไม่รู้ว่าใครมาพูดกับท่านเช่นนี้ แต่เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหกพ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ที่ซือเมิ้งและองค์หญิงสี่หายสาบสูญไปพร้อมกัน หลังจากนั้นไม่นานซือเมิ้งก็ตาย จักรพรรดินีเป็นห่วงความปลอดภัยขององค์หญิงสี่อย่างมาก ถึงได้มาหาข้าน้อย ข้าน้อย…ข้าน้อยจึงส่งคนไปแอบสืบค้นจนทั่วเมืองหลวง แต่กลับไม่พบร่องรอยขององค์หญิงสี่เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องเหล่านี้หรงเจินเป็นคนพูดออกมาเอง หรือว่าเจ้าจะบอกว่านางโกหกงั้นหรือ?”
จักรพรรดิจยาเหวินเอ่ยเสียงเรียบ ซือเย่จือได้ยินดังนั้นก็พูดอันใดไม่ออกแล้ว
เขาตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง ผ่านไปนานแล้ว เขาก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา
หรงเจิน…พูดออกมาด้วยตนเอง?
หรือว่า…หาตัวหรงเจินเจอแล้ว?
เมื่อมองเห็นสีหน้าของซือเย่จือ จักรพรรดิจยาเหวินก็คิดในใจ เหมือนว่าคนผู้นี้จะไม่รู้เรื่องเหล่านี้จริงๆ… ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น เขาก็คงจะมีฝีมือการแสดงที่ล้ำเลิศอย่างมาก
ซือเย่จือติดตามเขามาหลายปี เขาก็พอจะรู้นิสัยของคนคนนี้บ้าง
หากซือเย่จือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ ตอนนี้คงจะไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้ออกมา
จักรพรรดิจยาเหวินรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ในฐานะที่เขาเป็นประมุขของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่…ประมุขตระกูลซือ ฐานะของซือเย่จือก็มีความสำคัญไม่น้อยเช่นกัน
หากไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงจริงๆ จักรพรรดิจยาเหวินก็ไม่คิดที่แตะต้องเขาเช่นกัน
มิฉะนั้นเกรงว่าเมืองหลวงทั้งเมืองจะต้องสั่นสะเทือนแล้ว
และเพราะว่าเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ เขาจึงต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆ
“ซือเย่จือ จักรพรรดินียอมรับผิดแล้ว นางเป็นคนฆ่าซือเมิ้งเอง อีกทั้งส่งหรงเจินไปที่ตรอกชีเจี่ยวเซี่ยง และยังวางแผนใส่ร้ายใต้เท้าฉู่ สำหรับเรื่องนี้ เจ้ามีอันใดจะอธิบายหรือไม่?”
ซือเย่จือมึนงงสับสนไปหมด
จักรพรรดินีฆ่าซือเมิ้ง?
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างใด?
หลายปีที่ผ่านมา จักรพรรดินีไว้วางใจและพึ่งพาซือเมิ้งมาโดยตลอด ฆ่าเขาแล้วจะได้อันใด?
แล้วอีกอย่าง…เหตุใดนางจะต้องส่งหรงเจินไปที่ตรอกชีเจี่ยวเซี่ยงด้วยเล่า?
ที่แห่งนั้นมันรกร้างมาแล้วหลายปีไม่ใช่หรือ?
เมื่อเผชิญหน้าในการซักไซ้ไล่เลียงที่เข้มงวดของจักรพรรดิจยาเหวิน เสียงหัวใจของซือเย่จือยังคงดังขึ้น ดังเหมือนมีคนมาตีกลองข้างในดังตู้มๆ เขาจึงหันไปมองหน้าจักรพรรดินีอย่างอดไม่ได้
“…จักรพรรดินี สิ่งที่ฝ่าบาทกล่าวมาเป็นความจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
สีหน้าของจักรพรรดินีแข็งค้าง ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นางพยักหน้าอย่างแข็งทื่อ
ตอนนี้นางหวังเพียงว่าไม่ต้องลากตระกูลซือเข้ามาร่วมชะตากรรมเด็ดขาด ดังนั้นต่อให้เรื่องนี้นางไม่ได้เป็นคนทำ แต่นางก็ต้องยอมรับผิด
ยิ่งไปกว่านั้นที่ตรอกชีเจี่ยวเซี่ยงก็ยังมีโกศสำริดอยู่ เรื่องพวกนี้จะนับเป็นอันใดได้?
ในใจของจักรพรรดิจยาเหวินแทบจะลงดาบพันเล่มกับนางอยู่แล้ว
หัวใจของซือเย่จือสั่นไหวอย่างรุนแรง
เขาถามออกมาแทบจะไม่รู้ตัวเลย “เหตุใดกัน?”
จักรพรรดินีหลบตามองต่ำ ราวกับว่าไม่ต้องการจะพูดอันใดต่อ
จักรพรรดิจยาเหวินตำหนิขึ้น
“เหตุใดไม่พูดเล่า? เจ้าทำได้ เหตุใดพูดไม่ได้? บอกซือเย่จือไปสิ ว่าเจ้าทำอันใดที่ตรอกชีเจี่ยวเซี่ยง ทำเรื่องงามหน้าอันใดไว้ที่นั้น?”
ซือเย่จือไม่เคยเห็นจักรพรรดิจยาเหวินโมโหขนาดนี้มาก่อน ในใจจึงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ที่พูดถึงหรงเจินและซือเมิ้ง จักรพรรดิจยาเหวินก็อดกลั้นมาโดยตลอด เหตุใดตอนนี้ถึงพูดตรอกชีเจี่ยวเซี่ยง ซ้ำยังมีปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนี้ด้วย
ราวกับว่า…เรื่องตรอกชีเจี่ยวเซี่ยง เป็นเรื่องที่ทำให้จักรพรรดิจยาเหวินหมดความอดทนมากกว่าเรื่องซือเมิ้งและหรงเจินอีกหรือ?
จักรพรรดินีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสั่นริกๆ
“…ฝ่าบาท เรื่องนี้หม่อมฉันทำเพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวกับท่านพี่และตระกูลซือเลยแม้แต่น้อย หากเรื่องยังดำเนินต่อไป จะมีแต่ความวุ่นวาย เช่นนั้น…ได้โปรดมอบความเจ็บปวดเพื่อเป็นจุดจบให้หม่อมฉันเถอะ”
จักรพรรดิจยาเหวินหัวเราะเสียงดัง
“ตอนนี้เพิ่งรู้หรือว่ามันจะเกิดความวุ่นวาย? ตอนแรกที่ทำ เจ้าไม่เคยคิดหรือว่าจะมีวันนี้? เจ้าอยากจบ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ต้องพูดมาให้ชัดเจนโกศทองสัมฤทธิ์นั่นเจ้าเตรียมไว้เพื่อหรงจิ้นใช่หรือไม่? อีกทั้งที่เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าทำไปด้วยเหตุใด”
เมื่อซือเย่จือได้ยิน ก็ยิ่งมึนงงยิ่งขึ้นไปอีก
โกศสำริดอันใดกัน?
เหตุใดหรงจิ้นถึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้?
จักรพรรดินีกัดฟันแน่น
ความจริงแล้ว คำถามนี้จักรพรรดิจยาเหวินก็ถามนางมาเป็นร้อยรอบแล้ว
เพียงแต่นางยังไม่ยอมรับ
เรื่องนี้นางรู้ดียิ่งกว่าใคร ว่าจักรพรรดิจยาเหวินเกลียดโกศสำริดนั่นยิ่งกว่าอันใดดี
ดังนั้น หากนางรับสารภาพ หรงจิ้นจะไม่มีวันกลับมายืนได้ดังเดิมแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในที่สุดหัวใจของนางก็ดำดิ่งลงไปในความสิ้นหวัง
ทันใดนั้นเอง นางก็ลุกขึ้นวิ่งชนผนังด้านข้างด้วยความแรง
จักรพรรดิจยาเหวินลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห
“หยุดนางไว้”
ซือเย่จือวิ่งเข้ามาขวางทางจักรพรรดินีเอาไว้ ในตอนที่นางกำลังจะขยับตัว
จักรพรรดินีกระแทกศีรษะของตนเองไปที่อ้อมอกของซือเย่จืออย่างแรง
“ปึก”
ซือเย่จือกลั้นความเจ็บปวด กลิ่นคาวเลือดพุ่งพวยออกมาจากริมฝีปากและระหว่างฟัน
คาดไม่ถึงว่าจักรพรรดินีจะคิดสั้นจริงๆ
แค่ในช่วงเวลาสั้น นางกลับใช้แรงทั้งหมด
“จิ้งเอ๋อร์ นี่เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?”
ซือเย่จือทั้งโกรธทั้งกังวล ในตอนนั้นเขาจึงตะโกนเรียกชื่อของจักรพรรดินีออกมาตรงๆ
จักรพรรดินีคว้าข้อมือของเขาขึ้นมา พร้อมอ้อนวอนอย่างขื่นขม
“ท่านพี่ ฆ่าข้า รีบฆ่าข้าเร็ว”
มีเพียงความตายเท่านั้น แค่ตายทุกอย่างก็จบ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ซือเย่จือจะลงมือได้อย่างใด?
“เจ้าเป็นอันใดกันแน่?”
จักรพรรดิจยาเหวินมองดูเหตุการณ์ด้านหน้าด้วยความเย็นชา
“จักรพรรดินี เจ้าคิดว่าเจ้าไม่พูด แล้วเจิ้นจะไม่มีหนทางอื่นงั้นหรือ?”
เมื่อพูดจบ ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ใครก็ได้ เอาหมึกและพู่กันมา”
ของทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะล้วนโดนทำลายจนแหลกไปหมดแล้ว ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปแล้ว
แต่ในห้องอักษร ไม่เคยขาดของเหล่านี้
ขันทีหมินจึงรีบเปิดประตูเข้ามา ราวกับว่ามองไม่เห็นซือเย่จือและจักรพรรดินีที่นั่งอยู่ที่พื้นอย่างจนตรอก เขาค่อยๆ เดินไปด้านข้างอย่างไร้เสียง เขารีบหยิบหมึกและพู่กันชุดใหม่ และรีบฝนหมึกอย่างเงียบๆ
จักรพรรดิจยาเหวินหยิบพู่กันขึ้นมา แล้วเหลือบตาไปมองจักรพรรดินีอย่างเฉยเมย
“เจิ้นว่าตำแหน่งจักรพรรดินีคงเป็นเจ้าต่อไปไม่ได้แล้ว…ส่วนหรงจิ้น…ที่มีมารดาเช่นเจ้า จะสอนลูกออกมาเป็นแบบไหน เจิ้นน่าจะจัดการเขาไปตั้งนานแล้ว”
จักรพรรดินีเพิ่งจะตระหนักได้ว่า หลังจากที่กำจัดนางแล้ว ยังคิดจะกำจัดรัชทายาทด้วย
นางตื่นตระหนกอย่างมาก จึงกรีดร้องเสียงแหลมอย่างอดไม่ได้
“ฝ่าบาทอย่าทำเช่นนั้นนะเพคะ หรงจิ้นเองเพิ่งจะหมั้นหมายกับซือถูซิงเฉิน หากท่านกำจัดรัชทายาทแล้ว ท่านจะพูดกับแคว้นซิงหลัวอย่างใด?”
จักรพรรดิจยาเหวินชะงักไป แล้วหัวเราะเสียงเย็น
“อย่างนี้นี่เอง…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
มิน่าล่ะเพราะเขามีบารมีที่พึ่งจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใด เพราะเขามีวิธีรอดจากความผิดนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
หรงจิ้นได้หมั้นหมายกับซือถูซิงเฉินได้อย่างราบรื่น ก็เพื่อวันนี้
จักรพรรดิจยาเหวินรู้สึกโมโห เพราะเขาตามืดบอดมาหลายปี คาดไม่ถึงว่าแม่ลูกใจดำอำมหิต จะปิดบังเขามานานขนาดนี้
“ดี งั้นเจิ้นจะขอดูหน่อย ว่าถ้าแคว้นซิงหลัวรู้เรื่องนี้แล้ว ว่ายังจะสนับสนุนการแต่งงานของซือถูซิงเฉินและหรงจิ้นอยู่หรือไม่?”
…
แคว้นซิงหลัว
ซือถูซิงเฉินรีบเดินทางกลับเข้าไปยังวังหลวงอย่างรวดเร็ว พร้อมอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
หลังจากจักรพรรดิเสียนคัง ซือถูเหยียน แห่งแคว้นซิงหลัวได้ยินเรื่องนี้เขาก็เงียบไปสักพักหนึ่ง แล้วส่ายหน้า
“ซิงเฉิน งานหมั้นหมายนี้ ยกเลิกไม่ได้”