ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 388 ยอดเขาซีจิน
ตอนที่ 388 ยอดเขาซีจิน [รีไรท์]
แววตาของซือถูซิงเฉินก็สว่างวาบขึ้นมาทันที!
คนที่สวรรค์เลือก
นี่มันความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ซ่อนเอาไว้ในตัวของหรงจิ้น
เมื่อพูดออกไป ปฏิกิริยาตอบรับของจักรพรรดินีก็เริ่มทำงานทันที…และนางยังคงเล่าเรื่องนี้ต่อไป
อีกทั้งยังพูดออกมาต่อหน้าซือถูซิงเฉินอีกด้วย!
ปัง!
โครม!
จักรพรรดินีโมโหอย่างมาก นางหยิบสิ่งของที่อยู่รอบตัวปาไปทางซือถูซิงเฉิน
“นังสารเลว นี่แกกล้าใช้ไม้นี้กับข้าได้อย่างใด?”
นางเก็บความลับนี้มาตั้งหลายปี ต่อให้หลายวันมานี้นางถูกทรมานอย่างหนัก นางก็ยังไม่ปริปากพูดออกไป
คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะตกหลุมพรางของซือถูซิงเฉินได้!
พระหัตถ์ของจักรพรรดินีโดนกระเบื้องกรีดเป็นรอยยาว เลือดไหลออกมาเยอะมาก
แต่ในตอนนี้นางกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย ในสมองคิดเพียงแต่ว่านางจะฆ่าซือถูซิงเฉินได้อย่างใด?
อีกทั้งนางที่อยู่ตรงนี้ ก็เป็นเพียงขยะไร้ประโยชน์ชิ้นหนึ่ง ขนาดเดินด้วยตัวเองยังทำไม่ได้เลย และจะไปจัดการกับซือถูซิงเฉินได้อย่างใด?
ซือถูซิงเฉินหลบการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งนางก็ไม่ได้ถอยหลัง แต่กลับเดินด้านหน้าไปสองก้าว พร้อมคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของจักรพรรดินี
“จักรพรรดินี เมื่อครู่ที่ท่านพูดว่า… “คนที่สวรรค์เลือก” นั่นหมายความว่าอย่างใดหรือ?”
จักรพรรดินียกมือขึ้นหมายจะตบหน้าของนาง
แต่ซือถูซิงเฉินกลับคว้าข้อมือของนางไว้ทัน ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ แต่แววตาของนางกลับเป็นการคุกคามที่เย็นชา
“ในเมื่อท่านพูดออกมาแล้ว เหตุใดไม่บอกข้าออกมาให้หมดเล่า? ท่านวางใจเถอะ ข้าจะเอาทุกคำพูดไปบอกกับรัชทายาทอย่างไม่มีตกหล่นเลยทีเดียว ข้าเดาว่า นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เสด็จพ่อของข้าตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะตั้งใจหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทใช่หรือไม่?”
เลือดสดๆ ตีขึ้นมาจากทรวงอกของจักรพรรดินี ในที่สุดนางก็กระอักเลือดออกมา
นางเดาได้ถูกต้อง!
ซือถูซิงเฉินแอบวางแผนชั่วร้าย!
แล้วพ่อของนางที่แสนเจ้าเล่ห์ผู้นั้นด้วย!
“ใคร! ใครเป็นคนบอกพวกเจ้ากันแน่”
จักรพรรดินีพยายามสลัดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุมของซือถูซิงเฉิน แต่มันกลับไร้ผล สุดท้ายนางจึงทำได้เพียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
เรื่องนี้ นางไม่เคยบอกใครมาก่อน แม้กระทั่งตัวของหรงจิ้นเอง นางเพียงเปิดเผยข้อมูลบางส่วนเท่านั้น
จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างใด!
แต่ว่า…ตาแก่ซือถูเหยียนมันกลับรู้ได้อย่างใด?
เรื่องราวก่อนหน้านี้ที่เคยเกิดขึ้นกลับปรากฏขึ้นมาในสมองอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นลูกปัดที่ร้อยเรียงเรื่องราวเข้าด้วยกัน ในที่สุดนางก็รู้แล้ว
มิน่าล่ะซือถูเหยียนถึงเสนอเรื่องแต่งงานขึ้นมา
มิน่าล่ะเขาถึงพอใจในตัวหรงจิ้นตั้งแต่แรกเห็น
ไอ้สองพ่อลูกเจ้าเล่ห์ มันมาเพื่อสิ่งนี้
ซือถูซิงเฉินได้ยินแต่เสียงพึมพำจับใจความไม่ได้ของจักรพรรดินี จนในที่สุดนางก็หมดความอดทน
สะบัดตัวของจักรพรรดินีออกไป และก้มมองนางด้วยสายตาดูถูก
“จักรพรรดินี เหมือนถ้าจะพูดไปตอนนี้ก็คงไม่มีความหมายแล้ว ไม่เช่นนั้นท่านพูดเรื่องที่ควรพูดออกมาให้หมดเสียดีกว่า แบบนั้นจะได้ปกป้องรัชทายาทได้ ไม่ใช่หรือ? แล้วอีกอย่าง หากไม่มีความช่วยเหลือของพวกเราสองพ่อลูก ท่านกับองค์รัชทายาทคงไม่ได้อยู่มาถึงทุกวันนี้หรอก ตอนนี้พวกเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เหตุใดท่านต้องดึงดันเช่นนี้ด้วยเล่า? หรือท่านคิดว่าจะจัดการกับเรื่องได้ด้วยตัวเอง—ด้วยร่างกายพิการครึ่งซีกแบบนี้น่ะหรือ?”
ซือถูซิงเฉินพูดอย่างไม่เกรงใจ
จักรพรรดินีรู้สึกเกลียดนางอย่างมาก
แต่หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน นางก็คิดว่าสิ่งที่ซือถูซิงเฉินพูดนั้นมีเหตุผลไม่น้อย
หากยังคงต่อต้านต่อไปก็คงไม่ใช่การดี
นางพยายามอย่างหนัก ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ก็เพื่อวันนี้ แล้วจะให้มันจบอย่างนี้หรือ?
นางเงียบไปสักพัก ในที่สุดนางก็เงยหน้าขึ้นมามองซือถูซิงเฉิน
“อยากให้ข้าพูดก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เจ้าจะต้องสาบาน! หากเจ้าหักหลังข้าและหรงจิ้น ขอให้เจ้าโดนฟ้าผ่าตาย”
ซือถูซิงเฉินรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
แค่สาบานมีอันใดน่ากลัวกัน หากได้รู้ว่าคนที่สวรรค์เลือกหมายความว่าอย่างใด? นางก็มีวิธีจัดการความยุ่งยากเหล่านี้
“ได้! ข้าซือถูซิงเฉินขอสาบานว่า…”
“คารวะองค์ชายสาม”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอกตำหนัก
ซือถูซิงเฉินตกใจอย่างมาก จึงรีบมองออกไปนอกตำหนัก
เหตุใดหรงจิ่วถึงมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ได้?
“สถานการณ์ของจักรพรรดินีในวันนี้เป็นอย่างใดบ้าง?”
นี่เป็นเสียงของหรงจิ่วแน่นอน
“ทูลองค์ชายสาม จักรพรรดินีก็เหมือนก่อนหน้านี้ทุกประการ ไม่ได้ออกมาจากตำหนักเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“อื้อ ข้าจะเข้าไปดูหน่อย”
หลังจากที่หรงจิ่วพูดจบ เขาก็เดินเข้ามาในตำหนัก
ทหารยามทุกคนที่นี่รู้ว่าที่หรงจิ่วมาที่นี่เพราะได้คำสั่งของฝ่าบาทที่ให้สอบสวนจักรพรรดินี ดังนั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปได้ง่ายๆ
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ซือถูซิงเฉินรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที…หากหรงจิ่วพบว่านางอยู่ที่นี่ ความลับจะต้องแตกอย่างแน่นอน
นางรีบไปยืนอยู่ที่ด้านหน้าของจักรพรรดินี แล้วพูดเสียงเบาว่า
“เพื่อองค์รัชทายาท ท่านก็รู้ว่าควรทำอย่างใด?”
เมื่อพูดจบ นางก็รีบไปหาที่ซ่อนทันที
“แอ๊ด”…
ประตูใหญ่ถูกเปิดขึ้นด้วยตัวของหรงจิ่ว หรงจิ่วมองไปรอบๆ ห้องแล้วหรี่ตาลง
“จักรพรรดินี ท่าน…เป็นอันใดหรือ?”
…
มู่ชิงเห่อพาฉู่หลิวเยว่ขึ้นกระบี่แห่งจักรพรรดิมา พร้อมเดินทางมุ่งหน้าไปทางเหนือ
เพราะว่าพวกเขาได้สร้างม่านพลังเอาไว้แล้ว จึงไม่ได้เป็นจุดสนใจ และทำให้พวกเขาเดินทางออกจากเมืองหลวงอย่างเงียบเชียบ
เมื่อเห็นว่าออกจาเมืองหลวงมาแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีก
มู่ชิงเห่อจะพานางไปไหนกันแน่?
แต่ทางนี้มัน…ปกติแล้วผู้คนจะไม่ค่อยเดินทางมาทางนี้กัน เพราะว่าที่นี่มีเทือกเขายาวต่อเนื่องกัน เส้นทางสูงชัน และที่สำคัญก็คือ ที่นี่คือสุสานจักรพรรดิของแคว้นเย่าเฉิน
แต่มู่ชิงเห่อก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม นางจึงไม่ได้พูดอันใดออกไป
ทั้งสองคนยังคงเดินทางกันต่อ
เมื่อมาถึงยอดเขาของภูเขาลูกหนึ่ง ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็เดาออกแล้วว่า มู่ชิงเห่อจะพานางไปที่สุสานจักรพรรดิแคว้นเย่าเฉิน
เมื่อมองจากกลางอากาศลงไปด้านล่าง ก็จะเห็นทหารที่เฝ้าอยู่รอบสุสานอย่างชัดเจน
ม่านพลังปรากฏขึ้นปกคลุมรอบภูเขาแห่งนี้
ฉู่หลิวเยว่ตกใจอย่างมาก ม่านพลังนี้แข็งแกร่งกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก ราวกับว่า…เป็นม่านพลังที่สร้างด้วยผู้บำเพ็ญเพียรระดับหก!
มู่ชิงเห่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พาฉู่หลิวเยว่ลงที่พื้นดิน ตรงตีนเขาลูกนั้น
หลังจากฉู่หลิวเยว่ยืนได้แล้ว นางก็ระงับความสงสัยในใจแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง
ยอดเขาซีจิน
ยอดเขานี้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดและชันที่สุด ในระยะร้อยลี้ห่างจากเมืองหลวง
อดีตจักรพรรดิที่ปกครองแคว้นเย่าเฉินล้วนถูกฝังไว้ที่สุสานจักรพรรดิแห่งนี้
ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับที่แห่งนี้ เพราะว่าที่นี่มีรูปปั้นรูปดาบที่เป็นสัญลักษณ์นั้น คล้ายกับสำนักเทียนลู่อย่างมาก
ตอนแรกนางค้นพบสิ่งนี้โดยบังเอิญ จึงรู้สึกประหลาดใจอยู่สักพักหนึ่ง
“รองแม่ทัพมู่…ท่านพาข้ามาที่นี่…มาทำอันใดหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่หันหน้าไปมองมู่ชิงเห่อ
เขาจ้องไปที่ยอดเขาซีจินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงเบา
“เข้าไปในสุสานจักรพรรดิ”