ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 394 สุสานแม่น้ำรั่ว ตอนที่ 395 ความทรงจำของใคร
ตอนที่ 394 สุสานแม่น้ำรั่ว / ตอนที่ 395 ความทรงจำของใคร [รีไรท์]
ตอนที่ 394 สุสานแม่น้ำรั่ว
ร่างกายของเจี่ยนเฟิงฉือเกร็งขึ้นตามสัญชาตญาณ! พลันประสานฝ่ามือรวมพลังปราณอย่างรวดเร็ว!
ทว่าครู่ต่อมา จิตสังหารนั่นก็สลายไปอย่างลึกลับ ราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏมาก่อน
หรงซิวยิ้มเยาะเบาๆ
“เอาที่นายน้อยเจี่ยนสะดวกเถอะ”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่ลังเล
เจี่ยนเฟิงฉือยังคงตกตะลึงไม่หาย และเป็นเช่นนั้นอยู่พักใหญ่
เมื่อครู่นี้…มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
ในขณะนั้นเขารู้สึกได้แค่ว่ามีจิตสังหารที่รุนแรงแผ่ออกมาจากร่างของหรงซิว แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว จนเกือบทำให้เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจผิดไป
แต่…คนอย่างเขาน่ะหรือจะคิดมโนไปเอง?
เมื่อเห็นเงาของหรงซิวหายไปจากสายตาแล้ว เจี่ยนเฟิงฉือก็พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย
เจ้าหลี่หวันคนนี้…ดูลึกลับและจับทางได้ยากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก…
เขาหันศีรษะกลับไปมอง และเห็นร่องรอยของดอกไม้ไฟจุดสุดท้ายที่เบ่งบานอยู่บนท้องฟ้า
ประชาชนทั่วทั้งเมืองหลวงสามารถมองเห็นมันได้ชัดเจน
ไม่ว่าคนที่ส่งสัญญาณจะเป็นใคร มันจักต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นแน่นอน
เจี่ยนเฟิงฉือลูบปลายคางอย่างขบคิด หรือจะเป็นฝีมือเจ้าบ้ามู่ชิงเห่อกันนะ?
พอคิดเช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นระรัวราวสนใจใคร่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ก่อนที่มู่ชิงเห่อจะมาที่แคว้นเย่าเฉิน ในใจเขาก็คิดไว้แล้วว่าเรื่องนี้มีกลิ่นตุๆ
แม้ว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือที่ได้รับคำสั่งให้ค้นหาชีพจรตี้จิง ทว่าเมื่อดูตามนิสัยของมู่ชิงเห่อแล้ว เขาไม่จำเป็นจะต้องลงมือเองด้วยซ้ำ แค่ส่งลูกน้องออกไปทำภารกิจแทนตัวเองก็จบ
แต่ครั้งนี้มู่ชิงเห่อยอมมาด้วยตัวเอง
อีกทั้งสองสามวันมานี้ มู่ชิงเห่อมักจะออกไปข้างนอกแต่เช้าและกลับดึกเสมอ เจี่ยนเฟิงฉือไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดทำการใดอยู่
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็หันหลังกลับและก้าวเท้าออกไป พลันมุ่งหน้าไปจุดปล่อยสัญญาณดอกไม้ไฟทันที!
…
ฉู่หลิวเยว่กระชับหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ในมือ และเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ท่ามกลางความมืดมิด
นางไม่รู้ว่าตัวเองเดินแบบนี้อยู่นานแค่ไหน ทว่าจู่ๆ ก็มีบางอย่างปรากฏขึ้นตรงหน้านาง…กำแพงหรือ!?
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามองมันจากระยะไกล ก่อนจะรู้ว่ามันคือทางตัน
ดวงตาคมสวยกวาดมองกำแพงหินสีน้ำเงินอมดำข้างหน้า ที่ปิดเส้นทางสัญจรของนางอย่างสมบูรณ์
พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย
ใครจะคิดว่านางจะเดินมาเจอทางตันกัน?
แต่แล้ว นางก็ตระหนักได้ว่าเสียงหยดน้ำนั้น ดังมาจากด้านบนเหนือกำแพงหินตรงหน้า!
นางโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเห็นรูเล็กๆ รูปครึ่งวงกลมอยู่เหนือกำแพงหิน
พร้อมท่อเหล็กกลวงสีทองชิ้นหนึ่งที่ยื่นออกมา
มีหยดน้ำไหลออกมาทีละหยด
“ติ๋ง”
“ติ๋ง”
หากอยู่ในพื้นที่ที่เงียบสงบ เสียงหยดน้ำจะดังชัดเจนเป็นพิเศษ
ฉู่หลิวเยว่มองตามหยดน้ำที่ไหลลงพื้น และตอนนั้นเอง นางก็เห็นร่องตื้นๆ ใต้กำแพงหิน
หยดน้ำทั้งหมดไหลไปรวมตัวกันอยู่ตรงกลางร่องน้ำนั้นเงียบๆ
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองซ้ายมองขวา และพบว่าร่องตื้นๆ ที่ว่านั่นมีเส้นทางที่ถอดตัวลึกเข้าไปในความมืดมิดจนมองไม่เห็นปลาย
นางยกหม้อต้มเทวศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้นางเห็นเต็มสองตาว่าภายในท่อนั้นมีลวดลายบางอย่างถูกวาดไว้อยู่!
ทว่าอาจเป็นเพราะสถานที่แห่งนี้เก่าแก่มาก จึงทำให้ลายอักขระบนนั้นจางลงไปมาก เหลือเพียงโครงร่างที่ดูคลุมเครือ
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามันคืออันใด ดังนั้นนางจึงต้องพักมันไว้ก่อน
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การหาทางออกไปจากที่นี่
ฉู่หลิวเยว่เคาะมือลงบนกำแพงหิน และพบว่ามันแข็งมาก และมีความหนาที่หนาผิดปกติกำแพงทั่วไป ซึ่งนางไม่สามารถทำลายมันได้ด้วยตัวเองแน่นอน
หลังจากนั้นนางก็ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทว่าก็ยังไม่พบวิธีใดใด
หรือจะเดินย้อนกลับไปดี?
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น
ก่อนที่นางจะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างด้านหลังกำแพงหิน กำลังดึงดูดนางให้ก้าวเข้าไป
ถ้ายอมแพ้ง่ายๆ ล่ะก็ ในใจนางคงรู้สึกไม่ดีเป็นแน่
นอกจากนี้ ถึงจะเดินย้อนกลับไปแล้ว นางจะสามารถกลับขึ้นไปบนยอดเขาได้หรือ?
นางเดินบนอากาศได้เสียที่ไหน และถึงจะทำได้ แต่พลังที่กดดันและปิดกั้นความสามารถของนาง ที่ไหลเวียนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ย่อมบีบให้นางร่วงหล่นลงมากลางคันแน่นอน
“ติ๋ง”
“ติ๋ง”
หยดน้ำเล็กๆ ไหลหยดลงมาด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่ท่อโลหะสีทองอีกครั้ง
หยดน้ำพวกนี้ไหลออกมาจากในท่อ อย่างนั้นแล้ว…สภาพด้านในจะเป็นเช่นไรกัน?
ทันใดนั้น ถวนจื่อก็กระโดดดึ๋งขึ้นไปบนท่อ
ฉู่หลิวเยว่เบิกตาโพล่ง
“ถวนจื่อ! เจ้าแทะมันไม่ได้นะ!”
ใครจะรู้ว่าในสุสานจักรพรรดิแห่งนี้มีกลไกอันใดซ่อนอยู่ หากกำแพงหินพังลง อาจจะเกิดปัญหาตามมาก็เป็นได้
การสร้างสุสานนั้นเป็นการก่อสร้างที่ต้องให้ความสำคัญมากๆ โดยเฉพาะสุสานของจักรพรรดิ ที่ต้องเพิ่มความซับซ้อนและอลังการขึ้นอีกหลายร้อยเท่า
ฉู่หลิวเยว่ไม่อยากมาจบชีวิตที่นี่
ถวนจื่อสายหัว พลันความรังเกียจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของมัน
เจ้านี่มันช่างดื้อด้านเสียจริง! เหตุใดยามเห็นสิ่งนู้นสิ่งนี้ ถึงนึกแต่เรื่องกินได้เสียทุกครั้งกันนะ!?
จากนั้นถวนจื่อก็ชี้ไปยังท่อโลหะที่อยู่อุ้งเท้าของมัน แล้วสวมกอดด้วยกรงเล็บทั้งสองข้าง
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจในทันที
“เจ้าอยากให้ข้าหมุนสิ่งนี้หรือ?”
ถวนจื่อพยักหน้าระรัวอย่างตื่นเต้น
ทว่าในใจฉู่หลิวเยว่ยังคงลังเล “ที่จริงเราไม่ควรแตะต้องเจ้าสิ่งนี่นะ…”
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น มือเรียวทั้งสองข้างก็ได้ยื่นออกไปแล้ว
ท่อโลหะนั้นเย็นยะเยือก และความเย็นก็แผ่ซ่านไปถึงก้นบึ้งของหัวใจนางในทันที
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจ และค่อยๆ หมุนท่อช้าๆ!
ครืน!
ท่อโลหะขยับแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ระงับความตื่นตูมในใจ และหมุนช้าๆ ตามแรงส่งที่ปล่อยออกไป
กระทั่งท่อโลหะหมุนได้ ร้อยแปดสิบ องศา ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ได้ยินเสียงที่คมชัดดังขึ้นอีกครั้ง
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเสียงของตัวล็อคที่อยู่ด้านใน!
ฉู่หลิวเยว่ปล่อยมือ และในวินาทีต่อมา เธอก็เห็นกลุ่มดาวสีทองปรากฏขึ้นบนกำแพงหินตรงหน้า!
ดวงดาวเหล่านั้นเปรียบเสมือนดวงดาวที่ทอประกายระยิบระยับในคืนที่มืดมิด
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นปิดตา ทว่าหางตากลับเหลือบไปเห็นกลุ่มดาวเหล่านั้น ค่อยๆ ก่อตัวรวมกันเป็นเส้น!
จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นลวดลายที่ขยายใหญ่ขึ้น และดูแปลกประหลาด!
ฉู่หลิวเยว่ตกใจมาก นี่มันลายอักขระคลุมเครือที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ชัดๆ!
ทว่าตอนนี้ประกายของมันสว่างขึ้นกว่าเมื่อครู่ และในที่สุดโครงสร้างอักขระที่ชัดเจนก็ประจักษ์แก่สายตา
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ราวกับถูกบางอย่างบีบรัด นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตาไม่กะพริบ!
นั่นมัน…
ครืน!
ทว่าก่อนที่นางจะได้แยกแยะความแตกต่าง จู่ๆ กำแพงหินตรงหน้าก็แตกออกจากกึ่งกลางของท่อโลหะ!
แสงสีขาวพร่างพราวพุ่งทะลักออกมา!
ถวนจื่อกระโดดกลับไปเกาะไหล่นาง และกำเสื้อผ้าของนางไว้แน่น
หลังจากนั้นไม่นาน การเคลื่อนไหวโดยรอบก็ค่อยๆ หยุดลง ฉู่หลิวเยว่เริ่มชินกับแสงสีขาว และจ้องมองเข้าไปข้างในกลุ่มแสงเหล่านั้น
แต่เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า นางก็ถึงกับตกตะลึงจนลืมหายใจเลยทีเดียว!
นางเห็นธารดาราอันกว้างใหญ่ที่กำลังสะท้อนแสงสีเงินสวยเป็นประกาย ทอดตัวเป็นแนวนอนตัดผ่านชั้นบรรยากาศ!
ดวงดาวเหล่านั้นเปล่งแสงเจิดจ้าส่องสว่างไปทั่วพื้นที่!
เมื่อครู่ตอนที่ฉู่หลิวเยว่ทำลายกำแพง กลุ่มดาวเหล่านั้นที่นางเห็น คงจะหลุดออกมาจากสถานที่แห่งนี้แน่ๆ!
ฉู่หลิวเยว่ตาโตด้วยความตกใจ
แม่น้ำสายนั้นลอยอยู่กลางอากาศ มันดูโปร่งใสแต่มีลำแสงเจิดจ้า เมื่อมองแวบแรก มันดูเหมือนทางช้างเผือกที่สวยงามในคืนที่มืดมิด! ช่างงดงามตระการตายิ่งนัก!
และใต้ลำธารดารา ก็ปรากฏจัตุรัสกว้างตั้งตระหง่านอยู่บนพื้น
ที่ตรงกลางจัตุรัสนั้น มีบัลลังก์ทองคำตั้งอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยว
อย่างใดก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉู่หลิวเยว่ตกใจมากที่สุด
แต่เป็น…ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ทองคำนั่นต่างหาก!
ตอนที่ 395 ความทรงจำของใคร
ณ ใจกลางสุสานของจักรพรรดิเก่าแก่หลายพันปีแห่งนี้ ยังมีมนุษย์อีกคนอยู่ที่นั่น!?
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึง และในขณะเดียวกันก็ไปสำรวจชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อจับสังเกตจนรู้แน่ชัด นางก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ชายคนนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเป็นเลย!
เขาสูงและสง่างาม บนกายหนาสวมเสื้อคลุมงูหลามสีดำ พร้อมลายมักรทองที่ถูกปักเย็บไว้บริเวณหน้าอกและแขนเสื้อ และนั่นยิ่งทำให้เขาดูสูงส่งมีสง่าราศีกว่าเดิม
หากมองเผินๆ แล้ว เหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะอายุประมาณสี่สิบปี แต่ก็สง่าและมีการวางตัวที่ไม่ธรรมดา ซึ่งจะเห็นได้ว่าตอนยังหนุ่มๆ เขาคงเป็นผู้ชายที่หล่อแบบหาตัวจับได้ยากเป็นแน่
เพียงแต่…นัยน์ตาของเขานั้น กลับเป็นสีดำสนิทราวกลับหลุมดำ!
ฉู่หลิวเยว่ฝืนใจจ้องมองดวงตาดำมืดคู่นั้น
มันคือนัยน์ตาที่แฝงไว้ซึ่งคลื่นน้ำวนทมิฬ ถึงพื้นผิวหน้าจะดูสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว ทว่าลึกลงไปแล้วกลับเห็นกระแสแห่งความเป็นความตายได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับดาวเคราะห์ที่รอคอยวันมอดดับ
“เจ้าเป็นใคร?”
ชายคนนั้นปรายตามองฉู่หลิวเยว่ พร้อมเอ่ยถามเสียงนุ่มทุ้ม
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกเวียนศีรษะ ร่องรอยของความเหนื่อยล้าค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ก่อนที่สภาพจิตใจของนางจะผ่อนคลายลงทีละน้อย
“ฉู่หลิวเยว่”
นางตอบกลับเสียงเบา
พลันทั่วทั้งพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ ก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายคนนั้นก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ เจ้าไม่ใช่ฉู่หลิวเยว่”
เสียงของเขาหนักแน่นราวกับมีพลังบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ปนอยู่ เสียงนั้นลอดผ่านรูหูของนาง และฝั่งลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะ พร้อมเอ่ยอย่างจริงจัง
“ข้าคือ ฉู่หลิวเยว่”
ทั้งร่างกาย และใบหน้านี้ล้วนเป็นของนาง หากไม่ใช่ฉู่หลิวเยว่ แล้วจะเป็นใครอื่นได้อีก?
แต่จู่ๆ ชายคนนั้นก็หัวเราะออกมา ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลก
“เจ้าลองเงยหน้ามองสิ”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น และเห็นแม่น้ำไหลผ่านท้องฟ้ากว้างอย่างเอื่อยเฉื่อย
ดวงดาวนับไม่ถ้วนสะท้อนแสงวิบวับอยู่ภายในดวงตาของนาง
ทว่าเพียงพริบตา แสงเจิดจ้าเหล่านั้นก็มลายหายไป!
แม่น้ำสายนั้นสั่นไหวจนเกิดคลื่นระลอก ราวกับกำลังจะมีฉากของเหตุการณ์บางอย่าง ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วทันควัน
ฉากนั้นคือหน้าผา
พร้อมกับศาลาแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่บนหน้าผาที่ยื่นตัวออกไป
รอบด้านมีภาพของภูเขาสีขาวลอยซ้อนกันอย่างขวักไขว่ เพิ่มความน่าหวาดเสียวให้กับพื้นที่สูงชันและอันตรายนี้
ภายในศาลาแปดเหลี่ยม มีชายชุดดำคนหนึ่งกำลังยืนเอามือไขว้หลังอยู่
เมื่อลมภูเขาพัดมา ชายเสื้อของเขาก็ตวัดม้วนขึ้น ดูราวกับเทพเซียนผู้ควบคุมกระแสลมอย่างใดอย่างนั้น
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกคุ้นเคย
เหมือนว่านาง…เคยพบเจอกับคนคนนี้มาก่อน…
นอกจากนี้ ยังมีหน้าผาและศาลาทรงแปดเหลี่ยมนี้ด้วย เมื่อครู่ที่ภาพเหล่านี้ปรากฏสู่สายตา ในใจนางกลับไม่มีความแปลกประหลาดใดๆ เกิดขึ้นเลย
ราวกับว่าครั้งหนึ่ง นางเคยมาที่นี่
มีความรู้สึกบางอย่างในใจนางที่กำลังจะพลุ่งพล่าน และต้องการจะระเบิดออกมา แต่สุดท้ายมันก็ยังไม่ชัดเจนมากพอ ที่จะชี้ชัดว่ามันคือความรู้สึกอันใด
สิ่งนี้ทำให้นางเริ่มสับสน อีกทั้งความวิตกกังวลเล็กน้อยที่ถูกเพิ่มเข้ามา
ริมฝีปากบางเปิดแง้ม เสมือนต้องการจะเรียกชื่อชายชุดดำ
ทว่าสุดท้ายนางกลับกลายเป็นคนใบ้ ที่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้เลย
หัวใจดวงน้อยร้อนรนราวกับมีเปลวไฟแผดเผาอยู่ภายใน ทำให้นางเริ่มกังวลกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“…เจ้า…”
ฉู่หลิวเยว่อยากจะขานเรียกยิ่งนัก ทว่าเมื่อเอ่ยออกไปได้เพียงหนึ่งคำ ชายชุดดำคนนั้นก็หมุนตัวมาหานาง
ฉู่หลิวเยว่ชะงัก พลันจ้องเขม็งทันที!
อย่างใดก็ตาม ขณะที่นางกำลังจะได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้น จู่ๆ นางก็รู้สึกถึงความเจ็บแปรบที่ฝ่ามือ!
ฉู่หลิวเยว่สะดุ้งสุดตัว พลันก้มหน้ามอง แล้วเห็นเจ้าถวนจื่อที่กำลังกัดแทะฝ่ามือตนอยู่!
คราบเลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากบาดแผล ซึ่งนั่นทำให้นางได้สติอย่างสมบูรณ์!
เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้นกัน? นี่นางโดนฝ่ายตรงข้ามล่อลวงเข้าไปสู่อันตรายได้อย่างง่ายได้เลยหรือ!
“ถวนจื่อ ขอบคุณเจ้ามากนะ เมื่อครู่นี้…”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยเสียงเรียบ ทว่าพลันกลับต้องหยุดชะงัก
เมื่อครู่…
เมื่อครู่มันเกิดอันใดขึ้น!?
ร่อยรอยแห่งความสุขเล็กๆ ที่มาโผล่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจนี่ มาจากแห่งหนใดกัน?
ความรู้สึกแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับนางบ่อยนัก และมันมักเกิดขึ้นเฉพาะเวลาที่นางเอาตัวรอดจากความผิดพลาดได้เท่านั้น
ทว่า…สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น แม้ว่าเกือบจะถูกอีกฝ่ายทะลวงเข้ามาในจิตใจได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่เห็นนั้น จะไม่เกี่ยวข้องกับความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง
คนอย่างนางจะไปมีนิมิตของชีวิตหลังความตายได้อย่างใด?
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
แม่น้ำที่ลอยอยู่กลางอากาศได้กลับสู่สภาพเดิม และภาพด้านบนก็สลายไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏมาก่อน
รวมทั้งหน้าผานั่น ศาลาแปดเหลี่ยม และก็…ผู้ชายคนนั้น
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากเบาๆ
นางตื่นเต้นและอยากเห็นใบหน้าของชายคนนั้นจริงๆ… เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับนางมาก่อนเลย!
ร่างบางระงับคลื่นความตื่นเต้นในใจไว้ พลันกำหมัด และมองไปยังชายบนบัลลังก์
“เจ้าคิดจะดักจับข้าด้วยภาพในจินตนาการอย่างนั้นหรือ?”
พลันรอยยิ้มสื่อความหมายก็ปรากฏบนใบหน้าของชายผู้นั้น
“เจ้าคิดว่านั่นเป็นภาพลวงตาหรือ?”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่หล่นลงไปอยู่ตาตุ่มทันที
“ฉากทั้งหมดที่ปรากฏในแม่น้ำรั่วนั้น ล้วนมาจากความทรงจำของเจ้าทั้งสิ้น สิ่งที่เจ้าคิดจะสะท้อนออกมาให้เจ้าเห็น”
เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา ทว่ามันกลับดังก้องอยู่ในหูราวกับเสียงฟ้าร้อง!
ร่างกายของฉู่หลิวเยว่เกร็งเครียดขึ้นมาทันตา
นี่เขาจะบอกว่า ภาพที่นางเห็นเมื่อครู่ คือเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ!?
ทว่าทั้งในอดีตชาติและชาติปัจจุบันของนาง ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนั้นอยู่ในความทรงจำเลย!
“แม้แต่ตัวตนของเจ้า ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วข้าจะเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูดได้อย่างใด” ฉู่หลิวเยว่เยาะเย้ย “ข้าแน่ใจว่า ข้าไม่เคยเห็นฉากนั้นมาก่อน! ดูเหมือนว่าวิธีโกหกของเจ้าจะไม่ค่อยแนบเนียนสักเท่าไหร่นะ”
“หืม? เจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือ?”
ชายคนนั้นดูไม่สะทกสะท้าน และยังคงถามต่ออย่างใจเย็น
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นรัว พร้อมแอบกัดฟัน
หากว่ากันตามหลักเหตุผล นางเชื่อว่าสิ่งที่นางพูดออกไปนั้นถูกต้อง เพราะนางไม่เคยเห็นฉากพวกนั้นจริงๆ
ทว่าลึกๆ แล้ว ในใจกลับมีความลังเลอยู่เล็กน้อย
เนื่องจากทุกอย่างที่นางเห็นเมื่อครู่นั้น ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างเหลือเชื่อ
โดยเฉพาะผู้ชายที่ยืนเอามือไว้ข้างหลังคนนั้น
เพียงแค่เห็นแผ่นหลังของเขา ก็ทำให้นางอยากจะเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียแล้ว
หากไม่เคยพบเจอกันจริงๆ เหตุใดจึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้เล่า?
“เจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้า แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร”
ชายชุดดำเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่ พร้อมกดยิ้มลึก
ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
“เจ้าเป็นใครกันแน่!?”
ฉู่หลิวเยว่ตะโกนถามเสียงดังลั่น!
“ไว้เจ้าหาข้าพบ เจ้าก็จะรู้เอง”
ชายผู้นั้นเอ่ยตอบ พลันหยัดตัวลุกขึ้นยืน
“ข้าจะรอเจ้า”
จากนั้น ก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะตอบสนอง พริบตาเขาก็เปลี่ยนร่างเป็นกลุ่มดาวสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วน และบินเข้าไปในแม่น้ำกลางอากาศ!
มันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย!
ผ่านไปพักหนึ่งกว่าฉู่หลิวเยว่จะตั้งสติได้
ชายชุดดำคนนั้น…หนีไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ?!
เขาบอกให้ตามหา…แล้วจะไปหาจากที่ใดล่ะ!?
นางไม่สามารถพุ่งเข้าไปในแม่น้ำนั่นได้เสียหน่อย!?
ข้อแรกนางไม่สามารถขึ้นไปได้ และข้อสอง ใครจะรู้ว่าการเข้าไปแล้วจะเกิดอันใดขึ้น?
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ตัดสินใจก้าวไปข้างหน้า แล้วตรงไปยังบัลลังก์ที่อยู่ตรงกลางจัตุรัส
นอกจากบัลลังก์นี้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว หากนางไม่พบเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงได้ปวดหัวตายแน่ๆ
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าเข้าไปเรื่อยๆ กระทั่งหยุดยืนอยู่หน้าบัลลังก์
ทันใดนั้น ดวงตาของเธอก็หรี่ลงและจดจ้องไปยังด้านหลังบัลลังก์อย่างระมัดระวัง
บนพื้นที่ตรงกลางนั้นมีประโยคหนึ่งสลักไว้
“ทิศตะวันออกของแม่น้ำรั่ว…จินเยี่ย!”