ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 397 กับดัก
ตอนที่ 397 กับดัก [รีไรท์]
องค์รักษ์คนนั้นไม่กล้าเงยหน้าสบตาหรงจิ่ว เขารีบพูดต่อระรัวทันที
“องค์ชายสามเสด็จเข้าไปในตำหนัก และดูเหมือนจะมีการโต้เถียงกับจักรพรรดินีเล็กน้อย แต่กระหม่อมไม่กล้าล่วงเกิน จึงได้แต่รออยู่ข้างนอก และหลังจากนั้นไม่นาน คล้อยหลังองค์ชายสาม จักรพรรดินีก็…”
จักรพรรดิจยาเหวินปรายตามองหรงจิ่วด้วยสายตาเย็นเยียบ
วันนี้หรงจิ่วได้ไปพบกับจักรพรรดินี อีกทั้งยังมีปากเสียงกับนางอีก ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะบอกว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างเขากับจักรพรรดินี
ทว่า…เหตุใดจักรพรรดินีจึงต้องรนหาที่ตายถึงเพียงนั้น?
หรือว่า เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับหรงจิ่วจริงๆ?
หัวใจของหรงจิ่วดิ่งฮวบทันที
จักรพรรดิจยาเหวินเริ่มสงสัยเขาแล้ว!
คำพูดขององค์รักษ์เมื่อครู่นั้น ช่างไม่รื่นหูเสียจริง!
เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจพูดแบบนั้น!
หรงจิ่วเอ่ยเสียงเข้ม
“ท่านพ่อ ลูกสาบานได้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับลูก! และนอกจากลูกแล้ว ก็ยังมีอีกคนหนึ่ง ที่ได้เข้าไปในตำหนักของจักรพรรดินี!”
จักรพรรดิจยาเหวินถามทันควัน “ผู้ใดกัน!?”
หรงจิ่วสูดหายใจเข้าลึก
“ซือถูซิงเฉิน!”
มีความประหลาดใจแวบเข้ามาในดวงตาของจักรพรรดิจยาเหวิน
ซือถูซิงเฉิน?
นางมาทำการใดกัน?
จักรพรรดิจยาเหวินเบนตามององค์รักษ์ผู้นั้นทันที “วันนี้ซือถูซิงเฉินได้ไปที่ตำหนักของจักรพรรดินีหรือไม่?”
องค์รักษ์ส่ายหน้า
“ไม่ได้ไป พ่ะย่ะค่ะ”
การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ และดูไม่เหมือนว่าเขากำลังโกหกเลย
หรงจิ่วเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นเรื่อยๆ
เขาขึ้นเสียงใส่อย่างไว ด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงขึ้นมาก และตะโกนใส่องค์รักษ์คนนั้นอย่างฉุนเฉียว “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าการหลอกลวงฝ่าบาทนั้นต้องได้รับโทษประหารชีวิต!”
องค์รักษ์ตกใจและย่อตัวถอยไปทางด้านหลัง
“กระหม่อมมิอาจกล้าหลอกลวงฝ่าบาท! สิ่งที่กระหม่อมกล่าวเมื่อครู่ ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น!”
หรงจิ่วรู้สึกชาวาบไปทั่งแผ่นอกและช่องท้องของเขา
ตอนที่เขาเข้าไปในตำหนักของจักรพรรดินี เขาไม่ได้สั่งให้คนติดตามเข้าไปด้วย
และขณะที่อยู่ในตำหนัก เขาก็ไม่สามารถหาตัวซือถูซิงเฉินได้ทันเวลา
ยามนี้จักรพรรดินีสิ้นพระชนม์แล้ว ซือถูซิงเฉินย่อมหนีออกไปจากตำหนักแล้วเช่นกัน!
หากฆ่าปิดปากองค์รักษ์ผู้นี้เสีย ไม่ได้สิ พวกองค์รักษ์ล้วนแล้วแต่รวมหัวกัน ถ้าบุ่มบ่ามตัวเขาเองจะไม่สามารถหาหลักฐาน ที่จะพิสูจน์ว่าซือถูซิงเฉินเคยปรากฏตัวที่นั่นได้เลย!
ทว่าจู่ๆ เขาก็คิดอันใดออก
“ท่านพ่อ ท่านสามารถส่งคนไปตรวจสอบบันทึกการเข้าและออกประตูวังได้! อย่างไรวันนี้ซือถูซิงเฉินก็ต้องผ่านประตูวังเข้ามา!”
จักรพรรดิจยาเหวินหันมองขันทีหมิน
“รีบส่งคนไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากพูดจบ จักรพรรดิจยาเหวินก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
“เปิดใช้กฎอัยการศึกในตำหนักของจักรพรรดินีทันที นอกจากข้าแล้ว ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้! และปิดกั้นข่าวเรื่องนี้ด้วย! หากข่าวนี้รั่วไหลออกไป…”
ถึงฝ่าบาทจะยังตรัสไม่สิ้นประโยค ทว่านัยน์ตาของพระองค์ กลับฉายแววคุกคามออกมาอย่างเด่นชัด
จากนั้นก็หมุนตัวไปอีกทาง เพื่อเตรียมมุ่งหน้าไปยังสุสานของจักรพรรดิ
ทว่าเดินไปได้เพียงสองก้าว ร่างของเขาก็โซเซจนเกือบล้มขมำ
ขันทีหมินพุ่งตัวเข้าไปสนับสนุนเขาอย่างรวดเร็ว และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า
“ฝ่าบาท ท่านพักผ่อนอยู่ในวังก่อนเถิด! พระวรกายของท่านในตอนนี้…”
จักรพรรดิจยาเหวินส่ายศีรษะ และเดินไปข้างหน้าพร้อมกับกัดฟันกรอด
สุสานของจักรพรรดินั้นสำคัญไฉน?
นั่นคือที่ฝังศพบรรพบุรุษของจักรวรรดิเย่าเฉินเชียวนะ!
หากมีบางสิ่งที่แก้ไขไม่ได้เกิดขึ้นจริง เขาก็จะกลายเป็นคนบาปไปตลอดชีวิต!
หลายปีมานี้ สุสานของจักรพรรดิไม่เคยเกิดความผิดปกติใดๆ ดังนั้นสัญญานเตือนดอกไม้ไฟเมื่อครู่นี้ จึงทำให้เขาตกใจมากกว่าปกติ
การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดินีเองก็ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อยังมีความลับมากมาย ที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่
แต่นั่นไม่สามารถเทียบกับเหตุการณ์ที่สุสานของจักรพรรดิได้
หรงจิ่วเดินไปข้างหน้าสองก้าว พลันเอ่ย
“ท่านพ่อ ให้ลูกไปกับท่านได้หรือไม่?”
จักรพรรดิจยาเหวินปฏิเสธโดยไม่หันกลับมามอง
“ไม่ได้! ตอนนี้เจ้ากลับไปพักผ่อนเสีย ส่วนเรื่องต่างๆ ก็ทิ้งมันไว้ก่อน รอข้ากลับมา ค่อยมาสะสางกันอีกที!”
“ท่านพ่อ…”
หรงจิ่วยังต้องพูดแก้ตัวอีกสองประโยค แต่จักรพรรดิจยาเหวินได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว ว่าเขาไม่อยากได้ยินมัน
ขันทีหมินขยิบตาให้หรงจิ่ว เชิงส่งสัญญาณว่าอย่าเพิ่งยั่วยุพระองค์ในเวลานี้
หรงจิ่วจึงจำต้องหยุดฝีเท้าอย่างช่วยไม่ได้ พลางจ้องมองเงาของจักรพรรดิจยาเหวินที่กำลังเสด็จออกไปจากวังจนลับสายตา
ทว่าสองหูยังได้ยินการสนทนาระหว่างจักรพรรดิจยาเหวินและขันทีหมินได้คลุมเครือ
“เจ้าแจ้งเยี่ยเหล่าหรือยัง?”
“ฝ่าบาททรงวางใจ เยี่ยเหล่าได้รับเรื่องแล้ว ข้าเชื่อว่าเขาไปที่สุสานจักรพรรดิแล้ว มีเยี่ยเหล่าทั้งคน ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก…”
จากนั้นเสียงของพวกเขาก็ค่อยๆ เบาลง กระทั่งหายไปกับสายลม
มือของหรงจิ่วภายใต้แขนเสื้อกำแน่น และหันไปมององค์รักษ์คนนั้น
จิตสังหารจากสายโลหิตอันแรงกล้าแผ่กระจายปกคลุมร่างขององค์รักษ์!
“องค์ชายสาม องค์ชายสาม ทรงใจเย็นก่อนเถิดขอรับ!”
องค์รักษ์ตระหนักได้ถึงอันตราย พลันคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตาทันที
“ใจเย็น?”
หรงจิ่วยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
“เจ้าทำให้ข้าเดือดดาลเอง แล้วยังมีหน้ามาขอให้ข้าใจเย็นอีกหรือ? สารภาพมา! ใครสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้!”
องค์รักษ์ปฏิเสธที่จะยอมรับ “องค์ชาย กระหม่อมไม่ได้โกหก อย่าว่าแต่ใส่ร้ายท่านเลย! ท่านเข้าใจกระหม่อมผิดแล้ว!”
“เข้าใจผิด? อย่างนั้นเรื่องที่ซือถูซิงเฉินเข้าไปที่ตำหนักจักรพรรดินี ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดด้วยหรือ?”
เมื่อเห็นว่ารัศมีจากกายของหรงจิ่วน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ องค์รักษ์ก็ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกผิด แล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า
“องค์ชายสาม กระหม่อมพูดไปหลายครั้งแล้วว่า วันนี้นอกจากท่าน ก็ไม่มีใครเข้าไปในตำหนักของจักรพรรดินี เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อกระหม่อม อีกทั้งฝ่าบาทได้สั่งสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว หากท่านไม่เชื่อ ท่านสามารถไปสอบถามทั้งคนในและนอกเขตวังหลวงได้เลยว่า วันนี้มีผู้ใดพบเห็นองค์หญิงใหญ่ซือถูเข้าวังหรือไม่? ทุกสิ่งอย่างมันก็ชัดเจนแล้วมิใช่หรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หรงจิ่วก็ตอบสนองทันที!
นี่มันไม่ถูกต้อง!
หากเขากล้าปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชน อีกทั้งยังกล้าขอให้สั่งคนตรวจสอบเช่นนี้ แสดงว่าเขาเตรียมการมาดีแล้ว!
หรือไม่ก็ อีกฝ่ายแค่ขุดหลุมรอให้เขากระโดดลงไปในหลุมพลาง!
ในใจหรงจิ่วรู้สึกขยะแขยงและเกลียดชัง
คาดไม่ถึงว่าซือถูซิงเฉินจะใช้สงครามจิตวิทยาที่น่ากลัวเช่นนี้!
หรือบางที… นางอาจเกี่ยวข้องกับการตายของจักรพรรดินีก็เป็นได้!
เดิมทีหรงจิ่วต้องการจะไปที่ตำหนักของจักรพรรดินี เพื่อดูที่เกิดเหตุด้วยตาตัวเอง แต่จักรพรรดิจยา
เหวินทรงสั่งให้เขากลับไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอันใดได้มากไปกว่านี้
เขาโน้มตัวลงกำรอบคอเสื้อขององค์รักษ์คนนั้น พลันเอ่ยเน้นย้ำทีละคำ
“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้าจะจำไว้ไม่ลืมเลย!”
…
ตำหนักองค์ชายหลีหวัน
หลังจากที่หรงซิวสลัดเจี่ยนเฟิงฉือได้ เขาวางแผนรีบไปที่สุสานจักรพรรดิโดยเร็ว!
แต่พออวี๋มั่วที่ติดตามเขาอย่างใกล้ชิด เห็นว่าอีกฝ่ายจะออกไปทั้งๆ แบบนี้ จึงเอ่ยท้วงอย่างอดไม่ได้
“องค์ชาย ท่าน…จะไปทั้งๆ แบบนี้หรือ?”
หรงซิวชะงัก
หากเกิดอันใดขึ้นกับสุสานจักรพรรดิ คนหลายคนย่อมมุ่งหน้าไปยังที่แห่งนั้นอย่างแน่นอน
รวมทั้งจักรพรรดิจยาเหวินด้วย
หากพวกเขาเห็นว่าองค์ชายหลีหวัน ผู้ซึ่งควรจะพักผ่อนอย่างสงบในตำหนักของตน ปรากฏตัวขึ้นในสุสานของจักรพรรดิจริงๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
หรงซิ่วหลับตาครุ่นคิด
เขาใจร้อนจนลืมเรื่องง่ายๆ แบบนั้นไปเสียได้
เมื่อเขานึกถึงเยว่เอ๋อที่อยู่ในสุสานของจักรพรรดิ ก็เหมือนว่าหัวใจของเขาถูกนำไปแขวนอยู่บนเส้นด้าย มันเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความทุกข์ทรมาน และได้แต่หวังว่าเขาจะไปหานางได้โดยเร็ว
เขาหันกลับไปมองอวี๋มั่วเล็กน้อย
“เจ้าไปแจ้งเหยียนเก๋อที เขารู้ดีว่าต้องทำอย่างใด”
“ขอรับ! แต่ว่า…แล้วองค์ชายเล่า…”
“องค์ชายผู้นี้มีแผนการในใจแล้ว”
“…เข้าใจแล้วขอรับ!”