ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 414 เละเทะไม่มีชิ้นดี
ตอนที่ 414 เละเทะไม่มีชิ้นดี [รีไรท์]
หรงจิ้นตะลึงเบิกตากว้างราวคนโง่
“อะ…อันใดนะ”
เขาเข้าใจสิ่งที่เยี่ยจือถิงเอ่ยออกมาทุกคำ แต่พอมารวมกันแล้วประมวลผลอีกที เหตุใดเขาจึงไม่เข้าใจเล่า
เมื่อจักรพรรดิจยาเหวินได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาก็หม่นแสงลง
“เยี่ยจือถิงรู้เรื่องนี้มานานแล้ว…”
เยี่ยเหล่ายิ้มอย่างช่วยไม่ได้และเขย่าพัดในมือของเขา
“เมื่อก่อนข้าเดาไม่ออก แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เมื่อครู่ ข้าก็รู้ได้ทันที”
จักรพรรดิจยาเหวินหรี่ตา
เช่นนั้นก็ไม่แปลก…
หากนี่คือคำตอบทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ล้วนมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
หรงจิ้นที่อยู่ข้างๆ ฟังการแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างคนทั้งสอง แต่เขากลับสับสน และยิ่งฟังมากเท่าใด เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น
“ท่านพ่อ? เยี่ยจือถิง? ที่พวกท่านพูดหมายความว่าอย่างใด บุตรแห่งสวรรค์…มิใช่ลูกหรือ ข้างในนั้นจะมีอีกคนอยู่ได้อย่างใด เจ้านั่นต้องเป็นตัวปลอมแน่นอน ลูกต่างหากคือบุตรแห่งสวรรค์ตัวจริง”
เพี้ยะ!
จักรพรรดิจยาเหวินตบหน้าหรงจิ้น!
ครั้งนี้เขาตบแรงมากจนหรงจิ้นล้มลงไปกองกับพื้น
กลิ่นเลือดรุนแรงลอยออกมาจากริมฝีปาก และฟันของหรงจิ้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาชาวาบ หูได้ยินแต่เสียงอื้ออึง
เขาค่อยๆ ขยับปากอย่างยากลำบาก ก่อนจะคายเลือดออกมาเต็มปากรวมทั้งฟันที่หักด้วย
หรงจิ้นมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
แต่ไหนแต่ใดท่านพ่อภาคภูมิใจในตัวเขาเสมอ และยกย่องเขามากกว่าผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเฆี่ยนตี แม้แต่การตำหนิก็ยังหาได้ยากมาก
แต่วันนี้เขากลับถูกตบจนฟันร่วง คนอย่างเขาจะยอมรับมันหวังได้หรือ
ในชั่วพริบตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาประสบในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ก็แวบเข้ามาในหัวของเขา ทั้งถูกตำหนิ ยึดอำนาจ และถูกกักบริเวณในตำหนัก…
แม้แต่ตำแหน่งขององค์รัชทายาท ก็แทบจะรักษาไว้ไม่ได้
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
เมื่อก่อนทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดีมิใช่หรือ? ตอนนี้จึงกลับตาลปัตรเช่นนี้ได้อย่างใด
“หรงจิ้น! เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างใด”
ในที่สุดจักรพรรดิจยาเหวินก็สูญเสียการควบคุมอารมณ์ เขาชี้ไปยังปรายจมูกของหรงจิ้น และสาปแช่งอย่างโกรธเคือง
“เจ้าคิดว่าเจ้ายิ่งใหญ่มาจากที่ใด บุตรแห่งสวรรค์หรือจะไร้ความสามารถเช่นนี้ เจ้ามันก็แค่คนอ่อนแอ เมื่อก่อนข้าคงตาบอดที่มอบตำแหน่งองค์รัชทายาทให้เจ้า”
มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้สภาพจิตใจของจักรพรรดิจยาเหวินตึงเครียดถึงขีดสุด กระทั่งเมื่อครู่ในตอนที่เขาเห็นท่าทีเย่อหยิ่งของหรงจิ้น เขาก็เกิดบันดาโทสะไม่วางตัวในวินัยได้อีกต่อไป จนฟางเส้นสุดท้ายขาดผึง
ส่วนหรงจิ้นที่โดนด่าเสียหมดสภาพ ก็ถึงกับตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ
เขาเริ่มกระสับกระส่ายราวจนมุม และโพล่งสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงตัดสินว่าข้าเป็นตัวปลอม ข้ารู้แล้วท่านกำลังดูถูกข้าอยู่ใช่หรือไม่ แต่ทว่าเรื่องนี้ท่านแม่เป็นคนบอกข้าเอง และท่านแม่ไม่เคยโกหกข้า ฉะนั้นบุตรแห่งสวรรค์จักต้องเป็นข้าผู้นี้แน่นอน แค่ข้าผู้เดียว”
เยี่ยจือถิงขมวดคิ้วขณะมองหรงจิ้นที่กำลังกลายเป็นคนบ้า
ทว่าก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปาก จักรพรรดิจยาเหวินก็หัวเราะออกมาเสียก่อน
“ฮ่าๆ ช่างน่าขันยิ่งนัก สิ่งที่แม่เจ้าพูดนั้นจักต้องเป็นเรื่องจริงเสมอไปหรือ หรงจิ้นคนไม่มีหัวคิดเช่นเจ้า ยังกล้าเอาเรื่องนี้มาพูดอีกหรือ”
หรงจิ้นกัดฟันกรอด “เช่นนั้นแล้ว ข้ากับท่านก็ไปคุยกับท่านแม่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้…”
“คุยหรือ?” ท่าทางของจักรพรรดิจยาเหวินเย็นชาขึ้นทันที “เจ้าคงยังไม่รู้สินะ ว่าแม่ของเจ้าสิ้นพระชนม์แล้ว”
ทว่าถ้อยคำนี้คมกริบราวกับมีดจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้น พุ่งแทงใส่หรงจิ้นไม่ยั้ง
ร่างของเขาสั่นสะท้าน ก่อนจะมีเลือดพุ่งขึ้นจากช่องท้องผ่านทรวงอก ไหลย้อนอัดแน่นจนเขาต้องจะพ่นลิ่มเลือดออกมาอีกครั้ง พลันทรุดตัวลงกับพื้น
“ไม่…เป็นไปไม่ได้…”
วันนี้ท่านแม่เพิ่งบอกความลับนี้แก่เขาเองนะ จู่ๆ ท่านจะสิ้นพระชนม์ได้อย่างใด
“ดูเหมือนว่าก่อนนางจะสิ้นพระชนม์ นางจะยังไม่ได้วางแผนชีวิตที่เหลือให้เจ้าสินะ น่าเสียดาย เช่นนี้เจ้าก็ไม่ต่างอันใดกับโคลนตมไร้ค่าเลย”
แต่ในที่สุดตอนนี้จักรพรรดิจยาเหวินก็เข้าใจแผนที่จักรพรรดินีเตรียมการไว้แล้ว
ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ ทุกอย่างที่นางทำไปนั้นก็เพื่อหรงจิ้น
“บุตรแห่งสวรรค์หรือ เหอะ! เหมือนว่าตอนนี้เจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานะของตัวเองนะ”
บุตรแห่งสวรรค์ที่แท้จริงน่ะหรือ ก็อย่างที่เยี่ยจือถิงกล่าวไป ตอนนี้วาระนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
แต่หรงจิ้นกลับคิดอย่างไร้เดียงสาว่าคนคนนั้นคือเขา
ไม่ว่าเมื่อก่อนจะจินตนาการไว้สวยหรูเพียงใด ทว่าในเมื่อเขามาอยู่ตรงนี้แล้วก็ควรจะตื่น และมองภาพแห่งความเป็นจริงได้แล้ว
“แล้วใครล่ะ…หากมิใช่ข้า…แล้วบุตรแห่งสวรรค์ผู้นั้นมันเป็นใคร?”
หรงจิ้นพร่ำบ่นเสียงแหบ แววตาของเขาดูสิ้นหวัง
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่านี่เป็นโอกาสทองในการกอบกู้ชื่อเสียงของเขาคืนมา แต่คิดไม่ถึงว่า…มันจะเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันเท่านั้น
ทั้งๆ ที่เพิ่งเริ่มลับมีด แต่กลับโดนแทงอย่างไร้ความปราณีเสียได้
สีหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินดูหนักอึ้ง และเขาไม่ได้พูดอันใดออกมาพักหนึ่ง
อันที่จริงเขาอยากรู้คำตอบนั้นมากกว่าหรงจิ้นเสียอีก
ทว่าด้วยกำลังในตอนนี้ ยังคิดว่าพวกเขาจะทะลวงเข้าข้างในไปได้อีกหรือ
“ฝ่าบาทไว้คุยเรื่องนี้หลังจากที่ออกไปได้แล้วดีกว่า ขณะที่อยู่ภายในนี้คนคนนั้นต้องมองเห็นทุกการกระทำของเราเป็นแน่” เยี่ยจือถิงพยายามเกลี้ยกล่อมเสียงอ่อน
จักรพรรดิจยาเหวินเอามือถูกหน้าอย่างแรง
“ได้ เช่นนั้นเราออกไปกันเถอะ!”
เยี่ยจือถิงพยักหน้าแล้วมองไปยังที่ไหนสักแห่งในความมืด แล้วกระตุกมุมปากโดยปราศจากรอยยิ้ม
“พวกเจ้าทั้งสองเฝ้ามองเรามาพักหนึ่งแล้ว ฉะนั้นตอนนี้ก็ควรปรากฏตัวออกมาได้แล้วกระมั้ง”
…
เวลาผ่านไปนานจะแทบไม่รู้ชั่วยาม ทว่าในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็มีแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตานาง
หัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น เพราะแสงนั่นคือช่องทางออก!
นางเร่งความเร็ว และเดินไปข้างหน้าจานร่อนที่ตามหลังนางมาจนถึงตอนนี้ ก็เคลื่อนตัวตามมาเช่นกัน
ร่างของมู่ชิงเห่อสั่นเล็กน้อย แต่โชคดีที่เขายังไม่ตื่น
ด้วยวิธีนี้ในที่สุดทั้งสองก็เดินผ่านช่องทางออก และก้าวออกจากเขตสุสานของจักรพรรดิได้
ด้านหน้าคือภาพท้องฟ้าอันสดใส
ฉู่หลิวเยว่มองย้อนกลับไป และพบว่าพวกเขาได้ออกจากยอดเขาซีจินแล้วได้มาโผล่ที่แนวป่าข้างๆ ภูเขาแทน
สิ่งที่นำพาพวกเขาออกมาเมื่อครู่นี้…คือค่ายกลเคลื่อนย้ายชนิดหนึ่ง
ทว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายชนิดนี้ไม่โดนเด่นนัก หากไม่สังเกตให้ดีก็แทบมองไม่เห็นมัน
พรึบ!
พลันห่อตาข่ายบนจานร่อนก็คลายตัวออก และร่างของมู่ชิงเห่อก็ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองตัวหางตา ก่อนจะเห็นหนังตาของเขาขยับไปมาราวใกล้ได้สติ
มู่ชิงเห่อกำลังจะฟื้นแล้ว