ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 416 ปิดผนึก
ตอนที่ 416 ปิดผนึก [รีไรท์]
ณ ใจกลางป่าไม้พงไพร มีคนสามคนกำลังเดินย้ำเท้าไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนน่าอึดอัดใจ
ตั้งแต่เจี่ยนเฟิงฉือปรากฏตัว มู่ชิงเห่อก็เอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงมาตลอดทาง เขาไม่คิดจะสุงสิงกับผู้ใด และเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งเดินได้
ส่วนเจี่ยนเฟิงฉือก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการหาวิธีเค้นความจริงออกจากปากของมู่ชิงเห่อ และฉู่หลิวเยว่
ทว่าสำหรับฉู่หลิวเยว่นั้น…นางกำลังคิดอยู่ว่าสองคนนี้ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อใด
ในชาติที่แล้วความสัมพันธ์ของนางกับเจี่ยนเฟิงฉือนั้นเรียกได้ว่าเลวร้ายเลยล่ะ
นางไม่ชอบนิสัยเสเพลของเขา และเขาไม่ชอบคนหัวโบราณอย่างนาง
สรุปโดยย่อก็คือทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ก็มีอันต้องได้เกิดสงครามขนาดย่อมขึ้นเสมอ
ส่วนมู่ชิงเห่อนั้น…เขาแทบตัวติดกับนางตลอดเวลา ถึงเขาจะยุ่งเรื่องการทหารจนทำให้ไม่ค่อยได้ออกไปพบปะผู้คนมากเท่าที่ควร แต่เขาก็รู้จักคนอย่างถึงเจี่ยนเฟิงฉือดี
บางครั้งเจี่ยนเฟิงฉือก็ถือสิทธิ์เหนือผู้อื่นก่อความวุ่นวาย จนทำให้มู่ชิงเห่อคิดสั่งสอนบทเรียนให้เขาหลายจำ แต่ก็โดนฉู่หลิวเยว่ห้ามไว้เสียส่วนใหญ่
ไม่ใช่ว่านางไม่อยากให้เขาทำ แต่นางแค่กลัวว่ามู่ชิงเห่อจะคลุ้มคลั่ง และเผลอพลั้งมือฆ่าคนตายเสียมากกว่า
สถานะของเจี่ยนเฟิงฉือนั้นไม่ธรรมดา หากเขาเสียชีวิตกะทันหัน ย่อมเกิดปัญหายุ่งยากตามมา
แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากนางเสียชีวิตได้หนึ่งปี สองคนนี้กลับกลายเป็นมิตรต่อกันเสียอย่างนั้น?
และเห็นได้ชัดว่า พวกเขามีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
นางกล้าพูดได้เต็มปากว่าเมื่อก่อนสองคนนี้ไม่เคยสนทนากันเช่นนี้ และนางก็ไม่รู้ว่าหนึ่งปีหลังจากที่นางสิ้นชีวานั้น เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน
แต่ทว่า…เมื่อฉู่หลิวเยว่ลองทบทวนดูอีกครั้ง นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามู่ชิงเห่อทรยศนางได้อย่างใด แต่การที่นางไม่รู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
พอคิดถึงตรงนี้ นางก็เริ่มหมดความสนใจเรื่องในอดีต ก่อนจะยกนิ้มมุมปากแล้วปัดเรื่องที่คิดอยู่ทิ้งไปเสีย และจู่ๆ เจี่ยนเฟิงฉือก็นึกอันใดขึ้นได้ พลางเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว แม่นางฉู่ ดูเหมือนว่าองค์ชายหลีหวัน คู่หมั้นของเจ้าจะมาที่นี่ด้วยเช่นกัน เจ้าเห็นเขาบ้างหรือไม่?”
…
ภายในสุสานของจักรพรรดิ ทางเดินที่มืดมิด และคับแคบถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัด
หลังจากสิ้นเสียงของเยี่ยจือถิง ทั้งจักรพรรดิจยาเหวิน และหรงจิ้นก็ล้วนตกตะลึง พลันมองไปในทิศทางนั้นทันที
ยังมีอีกสองคนหรือ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบสนอง เยี่ยจือถิงจึงพูดอย่างสบายใจว่า
“แสดงว่าเป็นคนที่ข้ารู้จักสินะ ถึงไม่ยอมเผยตัวออกมา”
พูดจบเขาก็เหลือบมองหรงจิ้น
“ท่านมาที่ยอดเขาซีจินกับผู้ใด?”
หัวใจของหรงจิ้นหล่นไปอยู่ตาตุ่ม พลันเอ่ยปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว
“ข้า ข้าพเจ้ามาคนเดียว…”
ตอนนี้เขาถูกจับได้แล้ว เดิมทีเขาก็รู้สึกผิด และมีชะงักติดหลังอยู่แล้ว ทว่ายามนี้กลับยังมาถูกเยี่ยจือถิงกดดันอีก เขากลัวจนแทบพูดว่า ‘ข้า’ เฉยๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ
เยี่ยจือถิงส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ
“องค์ชายเรื่องมันก็เลยเถิดมาถึงเพียงนี้แล้ว ท่านยังคิดจะปฏิเสธอยู่อีกหรือ? ท่านคิดว่าฝ่าบาทกับต่าแก่ผู้นี้หลอกง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?”
หรงจิ้นหลับตาลงด้วยความรู้สึกผิดพร้อมขบฟันแน่น ความรู้สึกยุ่งเหยิงมากมายก่อกำเนิดขึ้นในหัวใจของเขา
คนที่ตามหลังเขาเข้ามาจะเป็นใครกันไปได้
คนที่มาสุสานพร้อมกันกับเขา ก็มีแค่ซือถูซิงเฉินเท่านั้น
แต่ก่อนหน้านี้เขาก็ได้บอกให้นางรอยู่ด้านนอกแล้ว และซือถูซิงเฉินเองก็ตอบตกลงอย่างแน่วแน่ด้วย
หากไม่ใช่นางก็ดีไป แต่ถ้าเป็นนางจริงๆ…มีหวังเขาได้โดนดึงเข้าไปพัวพันด้วยแน่
ทันใดนั้นคำพูดของซือถูซิงเฉินก็แวบเข้ามาในจิตใต้สำนึกของเขา
“องค์ชายเพคะ ห้ามให้ใครรู้เรื่องที่ซิงเฉินช่วยเหลือท่านเด็ดขาด เช่นนี้แล้วไม่ว่าจะฝ่าบาทจะทรงจับได้หรือไม่ ซิงเฉินก็จะหาวิธีช่วยพูดแก้ต่างให้ท่านได้อีกทั้งยังมีท่านพ่อของข้าอยู่ทั้งคน แต่ถ้าเรื่องของข้าถูกเปิดเผยละก็…แม้แต่ท่านพ่อของข้าเองก็คงช่วยท่านไม่ได้ ฉะนั้นท่านต้องระวังให้มาก…”
หรงจิ้นรู้สึกว่ามันดูสมเหตุสมผลมาก
ตอนนี้ท่านแม่ของเขาสิ้นพระชนม์แล้ว เขาเองก็ตกต่ำเช่นกัน และคนเดียวที่เขาสามารถพึ่งพาได้ก็คือ ซือถูซิงเฉิน!
“ข้ามาคนเดียวตั้งแต่แรกแล้ว”
เขาเอ่ยพร้อมกัดฟันกรอด
เยี่ยจือถิงมองดูหรงจิ้น พลางคิดว่าองค์ชายผู้นี้ช่างน่าสิ้นหวัง
จักรพรรดิจยาเหวินหัวเราะเสียงเย็นเยือก
“จริงหรือ? เจ้าสามารถหลบหนีจากตำหนักองค์รัชทายาท และแอบมาที่นี่ด้วยทักษะของเจ้าเพียงผู้เดียวหรือ!”
หรงจิ้นหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังพยายามอดทน
เยี่ยจือถิงขี้เกียจที่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาแล้ว และหันไปพูดกับคนสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดแทน
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมแสดงตน เช่นนั้นการเจรจาของเราคงไม่มีประโยชน์…”
พูดจบพัดที่อยู่ในมือเขาก็พุ่งออกไป
เพล้ง!
เกิดเสียงแตกร้าวของห้วงมิติกลางอากาศ
พร้อมกลับสายลมอันทรงพลังที่ถาโถมเข้าไป
ฟิ้ว!
แต่แล้วพลังปราณอันทรงพลังแบบเดียวกันก็พุ่งออกมา
พลังปราณทั้งสองกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด
จนอุโมงค์ทางเดินสั่นสะเทือนไปตลอดทั้งแนว
ทันใดนั้นกลุ่มควันสีขาวก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเยี่ยจือถิงเย็นชากว่าเดิม พลันพุ่งตัวตามไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าเคลื่อนตัวออกไปได้เพียงหนึ่งก้าว เขากลับต้องขมวดคิ้วมุ่น
“ควันนี้เป็นพิษ”
จักรพรรดิจยาเหวินและหรงจิ้นที่ไม่ได้เตรียมรับมือมาก่อน ก็ได้สูดควันเข้าไปเล็กน้อย ก่อนจะไอโขลกอย่างรุนแรง
“แค่ก!”
เยี่ยจือถิงมองดูปฏิกิริยาของทั้งสองคน พร้อมใบหน้าที่บึ้งตึงดูน่าเกลียดกว่าเดิม
ถ้าเขาพุ่งตัวออกไปคนเดียว เขาจะสามารถจับอีกฝ่ายได้แน่
แต่จักรพรรดิจยาเหวิน และหรงจิ้นที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง จะตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การออกไปจากที่นี่ และกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
เยี่ยจือถิงเหลือบมองไปยังทิศทางที่ทั้งสองหนีไปด้วยความเกลียดชัง
น่าเสียดายจริงๆ
เขาหยิบขวดหยกออกมา แล้วเทยาสองเม็ดอย่างรวดเร็ว พลันส่งให้จักรพรรดิจยาเหวิน และหรงจิ้นตามลำดับ
“ฝ่าบาท พิษนี้อันตรายมาก โปรดใช้ยาเช็งซิมอี๊ต้านพิษไว้ก่อน พวกเราต้องออกไปโดยเร็วที่สุด”
จักรพรรดิจยาเหวินรับยามาแล้วกลืนลงคอทันที
หรงจิ้นเองก็รีบคว้าสิ่งนั้นไว้และกลืนอย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิจยาเหวินลอบมองเขาด้วยสายตาสะอิดสะเอียน
หรงจิ้น เจ้าลูกชายหน้าโง่ไร้ความสามารถ
เมื่อกลับถึงวัง จักต้องโดนลงโทษอย่างสาหัส
หลังจากนั้นเยี่ยจือถิงก็พาทั้งสองคนออกไป
“เยี่ยจือถิงท่านตามสองคนนั้นไปเถิดข้าออกไปเองได้”
ความจริงแล้วจักรพรรดิจยาเหวินเองก็อยากรู้เช่นกันว่าสองคนที่หลบหนีไปนั้นคือผู้ใด
แค่ปล่อยคนที่เข้าไปในสุสานจักรพรรดิได้ก็มากพอแล้ว แต่นี่เขากลับปล่อยให้งูและหนูตามหลังเข้ามาได้อีก เช่นนี้แล้วเขาจะปล่อยผ่านได้อย่างใด?
เยี่ยจือถิงถอนหายใจ
“ฝ่าบาท พวกนั้นเตรียมการมาอย่างดี ต่อให้ข้าตามไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เอาไว้ออกไปได้ ค่อยหารือกันอีกทีเถิด”
“แต่สองคนนั้นไม่ยอมเปิดเผยตัวตนหากออกไปแล้ว และต้องเริ่มการค้นหาใหม่ เช่นนั้นก็ไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทรเลยสิ?”
หรงจิ้นที่อยู่ด้านหลังแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทว่าเยี่ยจือถิงกลับมองหรงจิ้นอย่างสื่อความหมาย
“ไม่เสมอไป บางทีในไม่ช้านี้เราอาจได้รู้ตัวตนของสองคนนั้นก็ได้”
กล้ามเนื้อแผ่นหลังของหรงจิ้นเกร็งขึ้นมาทันที เขาเผลอก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว
ทั้งสามคนยังคงเดินทางต่อไปตามเส้นทางเดิม
แต่อาจเป็นเพราะพิษในควัน เพราะหลังจากนั้นไม่นานจักรพรรดิจยาเหวิน และหรงจิ้นก็หมดแรง ความเร็วในการเดินของพวกเขาก็ช้าลงเรื่อยๆ
ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยจือถิง ทั้งสองคนอาจจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้
…
ในอีกด้านหนึ่ง ซือถูซิงเฉิน และผู้อาวุโสเหลียนหนิงต่างพากันรีบวิ่งออกไปด้านนอก
ซือถูซิงเฉินกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“จักรพรรดินีหนังเหี่ยวนั่นกล้าโกหกข้า”
นางไม่เคยคิดเลยว่า หรงจิ้นจะไม่ใช่บุตรแห่งสวรรค์ หลังจากเสียเวลาอยู่ไปนานสุดท้ายทุกอย่างก็สูญเปล่า!
แม้แต่ผู้อาวุโสเหลียนหนิงเองก็ยังทำสีหน้าไม่สู้ดี ทว่าไม่ได้เอ่ยคำได้ออกมา
กระทั่งมีแสงสว่างปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา ทั้งสองคนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“องค์หญิง เบื้องหน้าคือทางออก ฉะนั้นออกไปเสียก่อนจักค่อยพูดเรื่องนี้อีกที”
ทว่าขณะเดียวกันนั้น ก็มีเสียงดังอึกทึกดังมาจากเหนือศีรษะของทั้งสองคน
พลันวงแหวนตรงทางออกที่อยู่ไม่ไกล ก็เริ่มปิดลงช้าๆ